นางเดินหิวมาจนถึงโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง กลิ่นอาหารช่างยั่วยวนจนนางกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก
ความหิวนี่ช่างทรมานยิ่งกว่าการบำเพ็ญตบะเสียอีก เป็นเพราะฮวาเย่ห์หยวนเป็นเซียนใหม่จึงไม่มีสิทธิ์กินอาหารทิพย์ที่ทำให้อิ่มไปเป็นพันปีเหมือนเซียนชั้นสูง กว่าจะถึงขั้นนั้นนางยังต้องบำเพ็ญเพียรอีกมาก
โรงน้ำชาแห่งนี้อยู่ในเมืองป่ายเสวียซึ่งนับว่าเป็นเมืองสุดท้ายในดินแดนมนุษย์ก่อนจะมีภูเขาขวางกั้น
ด้านหน้าหากไม่ผิดถือเป็นดินแดนมารที่มีแต่ความน่าหวาดกลัวและมืดมิด อีกทั้งเพราะเป็นเมืองที่ใกล้แดนมารที่สุดจึงมีสำนักมารนอกรีตน้อยใหญ่ตั้งกระจัดกระจายอยู่โดยรอบเพื่อเป็นสำนักฝึกวิชาและดูดซับไอมารกันมากมาย
ในขณะที่ฮวาเย่ห์หยวนกำลังเมียงมองโรงน้ำชาด้วยความหิวโหย ฉับพลันสายตาก็ปะทะเข้ากับแผ่นกระดาษที่แปะติดอยู่หน้าร้าน นางอ่านผ่านๆ แล้วต้องหันขวับกลับมาตั้งใจอ่านอีกครั้ง
รับสมัครนักแสดงรายวัน จ่ายวันละหนึ่งตำลึงทอง
ข้ารอดแล้ว หนึ่งตำลึงทองนับเป็นค่าจ้างที่สูงมาก ข้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นเดือนเลยทีเดียว
ฮวาเย่ห์หยวนต้องตาโตเมื่อเห็นว่ามีผู้คนมาต่อแถวสมัครงานกันมากเพียงใด เหตุใดคนจึงมากมายเช่นนี้เล่า
"พี่ชายทุกคนมาสมัครงานกันทั้งหมดหรือ"
"ใช่สิ ที่นี่เป็นนับเป็นที่ฝึกวิชาผู้คนต่างเดินทางมาจากทั่วสารทิศเมื่อใช้จ่ายเงินหมดก็ต้องหางานทำเจ้าก็เช่นกันไม่ใช่หรือ"
บุรุษผู้นั้นพยายามมองลอดผ้าสีขาวผืนบางที่คลุมหมวกของนางอยู่ ฮวาเย่ห์หยวนในชุดบุรุษจึงกระแอมแล้วหันหน้าหนีหลบสายตาอยากรู้อยากเห็นของเขา
"แม้คนจะเยอะแต่เพราะโรงน้ำชาแห่งนี้จ่ายเงินค่าจ้างดีและจ้างเพียงครั้งละสามวันเท่านั้นหากเจ้าไม่มีความสามารถเพียงพอเจ้าก็ไม่ได้งานหรอก ถ้าไม่มั่นใจก็ถอยไปดีกว่าอย่ามัวเสียเวลามาต่อแถวเลย"
บุรุษผู้นั้นเอ่ยต่อเขากวาดตามองฮวาเย่ห์หยวนในชุดบุรุษสีขาวสวมหมวกสีขาวคลุมจนไม่เห็นใบหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ท่าทางเหมือนเขาเป็นคุณชายบอบบาง สงสัยว่าคงจะหนีจากบ้านมาลอบฝึกวิชามารล่ะสิ
เป็นเพราะวิชามารฝึกง่ายกว่าวิชาเซียน หากสำเร็จก็ตั้งสำนักหากินหรือถ้าเลวขึ้นมาหน่อยก็เอาไปขูดรีดขูดเนื้อชาวบ้านได้ คนเลวและคนที่มีจิตใจค่อนข้างต่ำจึงหลั่งไหลกันมาฝึกมากมาย
ฮวาเหย่หยวนเพียงแต่รับฟังแล้วแอบยิ้มในใจ ไม่เห็นมีสิ่งใดยากเลยบำเพ็ญตบะมาเป็นหมื่นปีนางก็ทำสำเร็จมาแล้วเพียงแค่ยืนต่อแถวในเวลาไม่กี่ก้านธูปหาใช่เรื่องลำบากอันใด
จวบจนกระทั่งบุรุษผู้อยู่ด้านหน้าหายเข้าไปในห้องคัดเลือก ฮวาเย่ห์หยวนก็อดตื่นเต้นและครุ่นคิดอย่างหนักไม่ได้ว่านางจะแสดงสิ่งใดให้คนด้านในดู
นางดีดนิ้วเมื่อคิดว่าคงใช้วิชาง่ายๆ เช่นเสกสัตว์ต่างๆ ออกจากหมวกอะไรประมาณนั้น น่าจะเข้าท่า
นางชะเง้อคอมองอยู่นานจวบจนในที่สุดบุรุษผู้นั้นออกมาจากห้องด้วยใบหน้าเบิกบาน เขายังมีน้ำใจหรือคิดจะโอ้อวดก็ไม่รู้เดินตรงมาหานางแล้วเอ่ยขึ้น
"โรงน้ำชาได้คนเต็มแล้วพวกเจ้ากลับไปเสียเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ข้าคือผู้ที่ผ่านเข้ารอบวันสุดท้ายของวันนี้"
ฮวาเย่ห์หยวนอ้าปากค้าง เหตุใดเป็นเช่นนี้นางยืนหิวมาเป็นเวลานานหวังว่าจะได้แสดงฝีมืออันล้ำเลิศ
ไม่ได้นางไม่ยอมเป็นเพราะเถ้าแก่โรงน้ำชายังไม่เห็นฝีมือของนาง เชื่อว่าหากเขาได้ชมคงต้องรีบรับนางโดยเร็วที่สำคัญหากวันนี้นางยังไม่ได้กินข้าวอีกสงสัยคงได้วิญญาณสลายเพราะความหิวก่อนจะได้ยั่วยวนผู้ใด
ผู้คนที่ต่อแถวจากฮวาเย่ห์หยวนทยอยกันเดินกลับด้วยความผิดหวัง มีเพียงนางที่ยืนนิ่งอยู่กับที่นางจะรอจนคนด้านในออกมาแล้วเข้าไปขอร้องเขาให้ดูการแสดงของนางสักครั้ง
ยืนรออยู่นานก็ไม่มีผู้ใดโผล่ออกมา ฮวาเย่ห์หยวนมองซ้ายขวา เห็นว่าปลอดคนจึงตัดสินใจใช้ความรวดเร็วเข้าไปภายในโดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตได้ นางปิดประตูเงียบเชียบ ด้านหน้ามีฉากกั้นห้องกั้นอยู่ นางจึงกระแอมเบาๆ
"เอ่อ นายท่านขอรับข้าน้อยขออภัยที่เข้ามาโดยพลการ"
เงียบ
"มีผู้ใดอยู่หรือไม่"
เงียบ
ฮวาเย่ห์หยวนสงสัยใช้วิชาเบิกเนตรหวังจะมองทะลุฉากกั้น แต่นางกลับไม่เห็นสิ่งใดภายใน เป็นไปไม่ได้นางเห็นผู้คนหายเข้ามาทดสอบความสามารถในนี้ทั้งวัน อีกทั้งทุกคนล้วนได้พบเถ้าแก่โรงน้ำชา
นางมั่นใจว่ายังไม่มีผู้ใดเดินออกจากห้องนี้ไป แล้วเหตุใดจึงไร้เสียงและว่างเปล่าเช่นนี้ คนหายไปไหนกัน
ฮวาเย่ห์หยวนค่อยๆ ย่องเข้าไปด้านหลังฉากกั้น ฉับพลันความมืดก็ทำให้นางชนเข้ากับบางอย่าง
ความมืดดุจมนต์ชั้นสูงที่แม้นางจะใช้ตาทิพย์ก็ไม่สามารถมองเห็น ฮวาเย่ห์หยวนเสียหลักล้มลงเมื่อสะดุดเข้ากับบางสิ่ง นางรู้สึกวูบคล้ายกำลังตกลงจากที่สูงแล้วหล่นลงไปอย่างแรง ในที่สุดก้นของนางก็กระแทกเข้ากับบางสิ่งที่จะว่านุ่มก็ไม่ใช่แข็งก็ไม่เชิง
ฮวาเย่ห์หยวนลืมตาขึ้นเป็นเพราะเมื่อสักครู่ด้วยความตกใจทำให้นางหลับตาปี๋
แม้จะเป็นเซียนแล้วแต่นางก็เป็นเซียนใหม่อีกทั้งต้นกำเนิดเกิดจากสัตว์นางจึงยังควบคุมอารมณ์ความตื่นเต้นได้ไม่ดีนัก
ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องประหลาดเช่นนี้สติของนางจึงค่อนข้างจะเตลิดไปไกลสักหน่อย
เอาล่ะ ฮวาเย่ห์หยวนลุกขึ้นนั่งมองไปรอบ ๆ ก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อพบว่าที่นี่ไม่ได้มืดมิดตรงกันข้ามกลับสว่างไสวเต็มไปด้วยต้นไม้ต้นใหญ่สีเขียวขจีสลับกับดอกไม้สีชมพูสดที่กำลังผลิบานอยู่เต็มต้น
ภายในโรงน้ำชาแห่งนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
"เจ้าจะนั่งทับข้าไปอีกนางเท่าใด" เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นด้านล่าง
ฮวาเย่ห์หยวนสะดุ้งเมื่อก้มลงมองแล้วพบว่าสิ่งที่ตนเองกำลังนั่งทับอยู่เป็นบุรุษผู้หนึ่ง
นางจึงรีบลุกขึ้นอย่างว่องไวสองมือประสานค้อมตัวลงอย่างสวยงามกล่าวขอโทษเขาด้วยความนอบน้อมและรู้สึกผิด
"ขออภัยคุณชายข้าไม่ทันเห็น" นางทำเสียงต่ำ
เขาผู้นั้นลุกขึ้นปัดอาภรณ์ของตนเองแล้วยืดตัวด้วยความสง่างาม เขาเอียงคอเล็กน้อยมองคนด้านหน้าแล้วยกยิ้มมุมปาก
"เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร"