เช้าวันต่อมา
นายชัยวัฒน์บังคับวีลแชร์มาหาลูกสาว ที่กำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว
“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอลูก”
กษมาเดินมาคุกเข่าตรงหน้าบิดา “กั้งลางานค่ะพ่อ อยากอยู่ดูแลน้องวินถ้าอาการไม่ดีกั้งว่าจะพาน้องวินไปให้หมอดูอาการอีกครั้ง”
‘ยัยหนูเลือกที่จะโกหกเพื่อให้เขาสบายใจสินะ’
นายชัยวัฒน์ยิ้มอ่อนโยนยกมือลูบศีรษะลูกสาว
“กั้งคงเหนื่อยมากเลยสินะ พ่อขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวเราอับจน ทำให้กั้งกับแม่ต้องลำบาก”
“แต่กั้งไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะคะพ่อ” กษมาตอบเสียงสั่นเครือ น้ำตาตื้นขึ้นมาอีกครั้งหลังสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ให้บิดาเห็น แต่สุดท้ายหล่อนก็อ่อนแออีกจนได้ ใบหน้าหวานซบลงหัวเข่าท่าน
“พ่ออย่าโทษตัวเองอีกเลยนะคะ กั้งรักพ่อ ต่อให้เหนื่อยมากกว่านี้กั้งก็ยอมค่ะ”
“พ่อ...”
“พ่อไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะคะ กั้งเข้าใจค่ะ”
“ยิ่งกั้งให้อภัยไม่โทษพ่อ พ่อก็ยิ่ง... เกลียดตัวเอง”
น้ำตาของชายพิการหลั่งรินอาบแก้มสาก มือหยาบกร้านลูบศีรษะบอบบางก่อนก้มหน้าลงซบร่ำไห้
หากไม่ใช่เขาเป็นต้นเหตุครอบครัวก็คงไม่ย่ำแย่แบบนี้ หากไม่มีเขาภาระในครอบครัวก็คงจะน้อยกว่านี้ หากวันนั้นเขาตายไปลูกสาวคงจะไม่เหนื่อยอย่างทุกวันนี้
นายชัยวัฒน์เสียใจในความผิดพลาดของตัวเองอีกทั้งยังดีใจที่ลูกสาวเป็นคนจิตใจดี
กษมาใจคอไม่ดีกอดขาบิดาแน่น “พ่ออย่าเกลียดตัวเองเลยนะคะ ระลึกไว้ว่ากั้งอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพ่อ ชีวิตกั้งเหลือแค่พ่อแม่กับน้องวินแค่นี้ ถ้าพ่อเป็นอะไรไปกั้งจะอยู่ยังไง ฮึก...”
“พ่อขอโทษ พ่อขอโทษนะลูก”
“กั้งรักพ่อนะคะ”
“พ่อก็รักกั้งนะลูก ขอบใจมากที่หนูจิตใจดี จำไว้นะกั้ง ความดีที่กั้งมีจะทำให้อนาคตของกั้งพบเจอแต่สิ่งดีๆ”
“ค่ะพ่อ” กษมากอดบิดาต่างคนต่างเช็ดน้ำตาให้กัน คล้อยบ่ายกษมาออกตระเวนหางานทำ ยังไม่ได้ที่ทางเป็นหลักแหล่งก็หางานพาร์ทไทม์ใกล้บ้านขอให้มีรายได้บ้าง ลูกไม่สบายก็ยังต้องรบกวนแม่ให้ช่วยดูแล มือบอบบางทว่าหยาบกร้านพนมมือรับค่าแรงรายวันก่อนจะแวะซื้ออาหารสำเร็จรูปกลับไปกินที่บ้าน ทว่าเมื่อกลับไปถึงก็เห็นเพียงบ้านที่ปิดไฟไร้คนอยู่อาศัย
“ลุงจ๊ะ ที่บ้านหนูไม่มีใครอยู่เลย ลุงเห็นไหมจ๊ะว่าพวกเขาไปไหนกัน” เอ่ยถามคนบ้านละแวกนั้นเสียงสั่นเครือนัยน์ตาเอ่อคลอด้วยน้ำตา ชายวัยกลางคนที่ถูกรบกวนในเวลาหัวค่ำทำสีหน้ารำคาญเต็มแก่เอือมระอาแต่ก็จำใจตอบ
“ข้าก็ไม่รู้หรอกไม่ได้สนใจคนบ้านเอ็งอยู่แล้ว แต่ตอนกลางวันได้ยินเสียงรถพยาบาลมาจอดหน้าบ้านแก ใครเป็นอะไรข้าไม่รู้” ว่าจบชายวัยกลางคนก็ปิดประตูบ้านใส่หน้าเด็กใจแตกมีลูกแต่ยังเรียนไม่จบ อีกทั้งยังไปเป็นเมียน้อยเมียเก็บของพวกคนมีเงินนับคนไม่ถ้วน คนแถวนี้รู้กันดีต่างพากันตั้งป้อมรังเกียจแต่คนบ้านนี้ก็แปลกยังหน้าด้านหน้าทนอาศัยอยู่ต่อเหมือนไม่รับรู้อะไร
กษมาน้ำตาไหลพรากเสียใจน้ำเสียงที่เหินห่าง แต่เป็นห่วงคนในครอบครัวจึงรีบไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ถามพยาบาลจนรู้ว่าบิดาซึมเศร้าพยายามฆ่าตัวตายด้วยการไถลวีลแชร์ให้ตกบันไดหน้าบ้านทว่าโชคดีที่มารดามาเห็นซะก่อน หล่อนวิ่งเข้ามาจนถึงห้องพักรวมซึ่งบิดานอนเหม่อแล้วน้ำตาไหลริน ทอดสายตามองบิดาก่อนลดสายตาลงมองมารดาที่กำลังกล่อมน้องวินให้นอนหลับในอ้อมแขน
“กั้งมาแล้วค่ะ” กษมาเข้าไปสวมกอดบิดาเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ถามอะไร ทำเพียงนำเงินน้อยนิดที่หามาได้ในวันนี้ใส่มือให้บิดาก่อนนั่งลงพื้นรับลูกชายจากมารดามากล่อมต่อ การกระทำนั้นแม้จะทำโดยสงบแต่ก็กระแทกจิตใจคนคิดฆ่าตัวตายนัก ตอนทำรู้แค่อยากตาย แต่พอตายไม่สำเร็จถึงมารู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปทำให้ลูกเสียใจมากแค่ไหน
“วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้วแม่พักผ่อนเถอะนะคะ กั้งจะดูแลน้องวินต่อเองค่ะ” กษมาอุ้มลูกมานั่งบนตัก
“จ้ะลูก” นางกฤษณายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว
“คุณเก้า คุณแพรขอเรียนสายด้วยค่ะ”
เลขานุการสาวสวมกระโปรงเพียงคืบเดียวเดินบนส้นสูงเข้ามาหาเจ้านายที่นั่งกุมขมับบนเก้าอี้นวม ยิ้มยั่วยวนทว่าธาวินไม่สนใจเพียงยื่นมือมาขอรับโทรศัพท์พอได้ของแล้วก็สะบัดมือไล่ออกไป พิริตาฮึดฮัดขัดใจแต่ก็ยอมออกไปโดยดี
“ว่าไงแพร”
‘ดีใจจังเลยค่ะที่พี่เก้ายอมรับสาย กี่วันแล้วที่แพรไม่ได้คุยกับพี่เก้าเลย’
“เข้าเรื่องเถอะงานพี่ยุ่ง”
‘งานยุ่งหรือมัวแต่ยุ่งกับยัยเลขาเลียขาจอมยั่วของพี่เก้ากันแน่ บอกไว้ก่อนนะคะว่ายัยนั่นไม่ผ่านมาตรฐานแพร’
พิชชาภากล่าวกระฟัดกระเฟียด
“พี่รู้แล้วน่าว่าแพรมาตรฐานสูง ระวังเถอะมัวแต่หวงมารู้ตัวอีกทีพี่ก็ขึ้นคานไม่มีใครเอาซะแล้ว”
‘หล่อๆ แบบพี่เก้าเนี่ยนะจะขึ้นคานสาวตรึมแบบนี้แพรว่าอีกไม่นานต้องท้องป่องสักคนแหละ หึ! แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าแพรไม่นับญาติกับผู้หญิงไร้ยางอายพวกนั้นเด็ดขาด!’
ในขณะเอ่ยพิชชาภานึกถึงหน้าผู้หญิงคนหนึ่งที่พี่ชายเคยรัก เกลียดจนไม่อยากร่วมสกุลด้วยแต่ก็ดีใจที่แม่นั่นออกไปจากชีวิต ไม่อย่างนั้นหล่อนคงไม่ได้มีชีวิตสงบสุขมาจนถึงทุกวันนี้
“รู้แล้วน่า ระดับนี้แล้วไม่มีทางป่องหรอก”
‘ให้มันชัวร์เถอะค่ะ’
“เอาล่ะ เข้าเรื่องมาได้แล้ว บ่ายโมงพี่มีประชุมหัวหน้าคนงาน” ปลายนิ้วเลื่อนมานวดต้นคอให้หายเมื่อย
‘แพรแค่โทรมาถามดูว่าเย็นนี้พี่เก้าจะกลับมากินข้าวมื้อเย็นที่บ้านไหม มาเถอะนะคะ แพรชวนทับทิมมาด้วย นะคะๆ กลับบ้านนะ นานๆ ทับทิมจะมาบ้านเรา’ พิชชาภาอ้อน อยากจับคู่ให้พี่ชายรักกับเพื่อนสนิท
ธาวินกุมขมับใช่ว่าไม่เคยเจอหน้าเพื่อนของน้องสาว ทับทิมเป็นคุณครูโรงเรียนมัธยมในตัวจังหวัดได้กลับบ้านสัปดาห์ละครั้งแต่มีช่วงที่แล้วที่ติดกิจกรรมโรงเรียนทำให้ไม่ได้แวะมากินข้าวที่บ้านเขาหลายสัปดาห์
“พี่ไม่แน่ใจว่างานจะเสร็จทันมื้อเย็นไหม”
‘ตลอดเลย ไม่รู้แหละยังไงพี่เก้าก็ต้องกลับมากินข้าวที่บ้าน ไม่อย่างนั้นแพรจะให้เด็กจัดอาหารแล้วพาทับทิมไปนั่งกินกับพี่เก้าถึงออฟฟิศ’ พิชชาภาผู้เอาแต่ใจขีดเส้นตายให้พี่ชาย เป็นเส้นตายที่ธาวินต้องหลุดเสียงหัวเราะออกมา
“แม่สื่อตัวน้อย อะไรจะอยากจับคู่ให้พี่กับทับทิมมากขนาดนั้น เฮ้อ แต่ก็เอาเถอะ พี่จะกลับไปให้ทันมื้อเย็นก็แล้วกัน”
‘พี่เก้าน่ารักที่สุดเลย แพรไม่กวนแล้วตั้งใจทำงานนะคะ’ เมื่อได้คำยืนยันที่ต้องการแล้วพิชชาภาก็บอกลาเสียงสดใสพลอยให้ธาวินมีความสุขตามไปด้วย