หลังวางสายจากน้องสาวธาวินก็ขอให้เลขาเอายาแก้ปวดศีรษะมาให้ นั่งหลับตาโดยมีมือของพิริตาคอยนวดให้ หนักหน่อยก็พยายามปลุกเร้าอารมณ์เพียงแต่เขาไม่มีอารมณ์จะตอบสนองหล่อนเลยจำต้องนวดให้เฉยๆ
ธาวินขับรถกลับมาถึงบ้านก่อนหกโมงเย็นได้ยินเสียงใสเจื้อยแจ้วของพิชชาภา คาดว่าคงกำลังคุยกับทับทิมและบิดามารดา เขาพยายามทำตัวให้ยิ้มแย้มมีความสุขที่ได้เจอแต่ทำยากเหลือเกิน
“พี่เก้ามาพอดีเลย เข้ามาสิคะ”
พิชชาภาเรียกเสียงใสตามสไตล์ ลุกขึ้นมาจับมือพี่ชายนั่งลงโซฟาตัวเดียวกับทับทิม ดูท่าว่าคนในครอบครัวเขาจะถูกใจมาก
เพียงนั่งลงทับทิมส่งสายตาหวานมาให้ก่อนยกมือไหว้ส่วนเขาเองก็รับไหว้ “สวัสดีค่ะพี่เก้า”
“สวัสดีครับน้องทับทิม ทุกคนกำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอเสียงดังไปถึงหน้าบ้าน”
“จะว่าแพรเสียงดังก็พูดมาเถอะ” ย่นจมูกใส่พี่ชาย
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“ทะเลาะกันตลอดเลยพี่น้องคู่นี้ วันนี้พักยกเถอะนะอายหนูทับทิมบ้าง แม่ขอ” คุณนวลมณี มารดาของธาวินกับพิชชาภาเป็นผู้ห้ามศึก ส่งรอยยิ้มไปให้ว่าที่ลูกสะใภ้ “เห็นแก่นานๆ ทีหนูทับทิบจะว่างแวะมากินข้าวที่บ้านเรา”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ ฟังเสียงใสๆ ของยัยแพรแล้วทับทิบก็เพลินหูดี” ทับทิบพูดกู้สถานการณ์ส่งยิ้มเขินอายไปให้ธาวิน พี่ชายของเพื่อนสนิทที่ตนเองแอบมีใจให้มาหลายปี โชคดีที่พิชชาภาช่วยเป็นแม่สื่อให้ได้มากินมื้อเย็นที่บ้านนี้บ่อยๆ จึงมีโอกาสใกล้ชิดธาวินมากขึ้น
“เห็นไหมคะ ว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณแม่ไม่เห็นจะว่าอะไรเลย”
“ยัยแพร พูดอะไรน่ะ!” ทับทิมตกใจตวัดมือตีแขนเพื่อนอย่างเร็ว อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนที่เพื่อนพูดต่อหน้าธาวิน พวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อยามต้องช้อนสายตาขึ้นสบกับดวงตาเรียบเฉยของธาวิน “เอ่อ... ทับทิมขอโทษนะคะ ยัยแพรพูดปากเปราะเฉยๆ พี่เก้าอย่าถือสาเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่เข้าใจ”
“เห็นไหม”
“ยังมีหน้ามาพูดดีอีกนะเรา” ธาวินจะแจกมะเหงกเข้าให้ พิชชาภาเลยต้องรีบกระโดดไปนั่งข้างมารดาให้ท่านปกป้อง
“ช่วยด้วยค่ะคุณแม่พี่เก้าจะตีแพร”
“พอได้แล้วทั้งคู่เลย” ท่านตีมือลูกชายคนโตไม่ให้เข้ามาใกล้ลูกสาวคนเล็ก “แม่ว่าเลิกทะเลาะกันแล้วเราไปกินข้าวมื้อเย็นกันดีกว่า”
“ค่ะ แพรหิวพอดี ไปกันเถอะทับทิม”
ตลอดมื้ออาหารหล่อนพยายามจับคู่ให้สองคนโดยการบังคับพี่ชายให้ตักอาหารเอาใจทับทิมต่างๆ นานา ดีใจมากที่พี่ชายยอมทำตามโดยไม่เกี่ยงงอนอีกทั้งยังยิ้มแย้มเป็นปกติ ดูท่าว่าแผนจับคู่ของหล่อนจะไปได้สวย
พิชชาภาคิดในใจ
หลังรับประทานอาหารอิ่มหนำสำราญทับทิมออกมาเดินเล่นย่อยอาหารกับธาวิน เอียงอายทุกครั้งที่บังเอิญสบสายตากันก่อนจะเป็นคนหลบสายตา
“แพรบ่นว่าพี่เก้าไม่ค่อยกลับบ้าน งานในไร่ยุ่งมากเหรอคะ”
“ใช่ครับ พอดีใกล้ช่วงเร่งเก็บผลผลิตก็เลยยุ่งนิดหน่อย พี่มีบ้านพักอยู่ในไร่ด้วยก็เลยค้างที่นั่นไม่ค่อยได้กลับมาค้างบ้าน”
“แบบนี้คุณพ่อคุณแม่พี่เก้าคงคิดถึงแย่เลยนะคะ”
“คิดถึงก็แวะไปหาพี่ที่ไร่ได้นี่ครับ เอ่อ... พี่หมายถึงคุณพ่อคุณแม่น่ะครับ” ธาวินพูดต่อเมื่อทับทิมหันมาสบตา
เขาเฉไฉมองไปทางอื่นไม่สบตาหล่อน ใช่ว่าทับทิมไม่ดีไม่สวยแต่หัวใจของเขายังไม่พร้อมเปิดรับใคร ในเวลานี้ข้างในยังคงอัดแน่นไปด้วยความรักที่เคยมีให้ผู้หญิงคนนั้น แม้จะผ่านมานานกว่าห้าปีความรักความเกลียดชังยังไม่จางหายไป
“แล้ว เอ่อ... ถ้าหากทับทิมเป็นฝ่ายแวะเข้าไปเยี่ยมพี่เก้า พี่เก้าจะว่าอะไรไหมคะ” ทับทิมมองบรรยากาศรอบกายด้วยหัวใจเต้นระรัว
“ได้สิครับ พี่ยินดีต้อนรับน้องทับทิมเพื่อนสนิทของยัยแพรเสมอ”
“พี่เก้าใจดีจังเลย ทับทิมชักจะอิจฉาสาวๆ ของพี่เก้าแล้วสิคะที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆ พี่เก้าแบบทับทิมในตอนนี้”
ทับทิมรุกพองาม เมื่อครู่แอบเสียใจที่เขาให้ได้แค่คำว่า ‘เพื่อนสนิทของน้องสาว’ แต่ก็เอาเถอะไว้รอรุกใหม่อีก
“น้องทับทิมไม่ต้องอิจฉาหรอกครับ เพราะพี่ไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครมาสนิทด้วยบ่อยนัก”
ธาวินพูดไปตามเนื้อผ้าแต่มันทำให้คนฟังคิดไปไกล ไกลจนกู่ไม่กลับ ทับทิมเขินอายอีกทั้งยังประทับใจมากที่ตนเองโชคดีได้อยู่ใกล้ชิดกับธาวิน มีคะแนนนำหน้าสาวอื่นเพราะคนในครอบครัวของเขาเอ็นดูอยากได้หล่อนมาเป็นสะใภ้