หลังเหตุการณ์นั้นจบลงกษมาไม่กล้ากลับบ้านกลัวจะมีใครเห็นรอยน้ำตาจึงเลือกไปนั่งเล่นสวนสาธารณะใกล้บ้าน ใจสงบลงถึงเดินเข้าไปในซอยเปลี่ยว บ้านเช่าของหล่อนอยู่ท้ายซอย ไกลหน่อยแต่ก็ถือว่าดีเพราะราคาเช่าค่อนข้างถูก
กษมาน้ำตาคลอเดินมาถึงรั้วเก่าโทรมยกมือขึ้นกอดตัวเองปลอบประโลมให้สู้ต่อไป ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนไม่ว่าจะต้องเจออะไรก็ต้องสู้ต่อไปตราบจนสิ้นลมหายใจ
ข้างในบ้านเช่าเก่าไม่ต่างจากรั้ว เงียบสงัดเหมือนบ้านร้างแต่หล่อนกลับชินเสียแล้ว หล่อนหายใจลึกก่อนจะเดินตามกลิ่นอาหารไปยังห้องครัว แม่กำลังปรุงอาหารยืนหันหลังให้ น้ำตาที่หยุดไหลเอ่อคลออีกครั้ง
กษมาก้าวเท้าเข้าไปสวมกอดท่านเบาๆ
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
นางกฤษณาจำสัมผัสได้เอ่ยถามเสียงอ่อนโยน รอยยิ้มประดับมุมปากเอ็นดูลูกสาวที่ยังขี้อ้อนไม่เลิกทั้งที่อายุยี่สิบสี่แล้ว มือของนางยังคงจับทัพพีคนอาหารในหม้อซึ่งเป็นอาหารสำหรับสี่คนในเย็นวันนี้ ทว่าแรงสะอื้นเบาๆ ทำให้นางมือชาก่อนจะวางทุกสิ่ง ปิดหัวแก๊ส หันกลับมามองหน้าลูกสาวเพียงคนเดียว
แว็บแรกที่ได้เห็นดวงตาผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก นางตกใจมากอีกทั้งยังสงสารลูกสาวจับใจรีบดึงเข้ามากอด
“กั้ง เป็นอะไรใครทำอะไรหนูทำไมถึงร้องไห้แบบนี้ล่ะลูก บอกแม่มา บอกให้แม่รู้”
“ฮึก... แม่จ๋า...”
“กั้ง...”
“กั้ง ฮึก... อีกแล้วค่ะแม่ กั้งตกงานอีกแล้ว ฮือ... กั้งเหนื่อยเหลือเกิน...”
“ไม่เป็นไรนะลูก ไม่ต้องร้อง ไม่เป็นไร”
มือเย็นเฉียบของนางกฤษณาลูบปลอบประโลมแผ่นหลังบอบบาง ปลอบลูกสาวผู้น่าสงสารที่ชีวิตพบเจอแต่เรื่องราวแย่ๆ ต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัวตั้งแต่เด็กเพราะมีพ่อพิการกับแม่อ่อนแอขี้โรคแบบตน
กษมาต้องเป็นคนรับภาระของทางบ้านทั้งหมด นอกจากค่ายาสำหรับพ่อแล้วยังมีลูกชายตัวเล็กวัยสี่ขวบให้ต้องดูแลอีกคน
ไม่ใช่ว่าไม่สงสารลูก ทว่าตนสงสารจนแอบออกไปหางานทำนอกบ้านแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดไม่สบายสร้างภาระให้ลูกเพิ่มมากขึ้นอีก ท้ายที่สุดจึงได้แต่อยู่บ้านดูแลสามีพิการกับคอยรับส่งหลานชายที่โรงเรียน ร่างบอบบางสะท้านหนักจนน้ำตาคนเป็นแม่รินไหลตาม เสียงสะอื้นของสองแม่ลูกดังไกลถึงชายวัยกลางคนที่นั่งวีลแชร์ผ่านมา มือเขากำแน่นเกลียดชังตัวเองที่คอยสร้างปัญหากับภาระให้ลูกเมียมาตลอดห้าปีเต็ม นายชัยวัฒน์หลับตาลง บังคับวีลแชร์ให้เลี้ยวกลับไปยังทิศทางที่เพิ่งจะจากมาทอดสายตาเลื่อนลอยมองไร้จุดหมาย
อาหารมื้อเย็นผ่านไปแบบฝืดคอ กษมาไม่อยากให้บิดารู้เรื่องที่หล่อนตกงานกลัวท่านจะคิดมากแล้วกลับมาโทษตัวเองถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยทำผิดพลาด หล่อนจัดโต๊ะอาหารให้ท่านกับมารดาส่วนตัวหล่อนตักอาหารขึ้นไปกินกับลูกชายที่ไม่สบายหลายวัน พาไปหาหมอแล้วก็ยังไม่หายสักทีดีที่อาการทุเลาลงมาก เด็กชายตัวน้อยนอนบนฟูกเก่ากอดหมอนใบใหญ่มองมายังผู้เป็นมารดาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ริมฝีปากเล็กสีแดงส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้
“คุณแม่กลับมาแล้วเหรอคับ”
“ครับ คุณแม่มาถึงได้สักพักแล้วน้องวินหิวข้าวไหมครับ คุณยายทำแกงจืดให้กินยังร้อนๆ อยู่เลย ลุกมากินเร็วคุณแม่จะป้อน”
กษมายิ้มหวานลากเก้าอี้ไม้มาวางถาดอาหาร จับเด็กชายตัวน้อยให้ลุกขึ้นนั่ง “น้องวินต้องกินข้าวเยอะๆ นะครับจะได้หายไวๆ แล้วกลับไปโรงเรียน เพื่อนๆ กับคุณครูต่ายคิดถึงน้องวินจะแย่แล้ว”
“คับคุณแม่” เด็กชายตอบอย่างว่านอนสอนง่าย
กษมานำจานอาหารไปเก็บก่อนกลับมากล่อมลูกให้หลับ จากนั้นจึงเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหางานใหม่ ประวัติการทำงานของหล่อนไม่ค่อยดีนักเพราะออกจากงานค่อนข้างบ่อย สาเหตุที่ได้ออกจากงานก็เดิมๆ คือเจอเจ้านายชีกอ หล่อนเกลียดที่ตนเองเกิดมามีรูปร่างหน้าตาปลุกตัณหาคนอื่นจนพลอยถูกตราหน้าบ่อยครั้งว่าเอาร่างกายเข้าแลกกับตำแหน่ง บ้างก็ด่าทอหาว่าหล่อนเป็นเมียน้อยเมียเก็บคนรวย บ้างก็หาว่าสำส่อนจนท้องไม่มีพ่อตั้งแต่อายุสิบเก้า
อยากเถียง อยากแก้ต่างความบริสุทธิ์ให้ตนเอง แต่ก็ไม่กล้าเลยต้องยอมจำนนต่อทุกสายตาที่มองมาด้วยความดูถูกดูแคลน ไม่ง่ายเลยที่ต้องอดทนใช้ชีวิตให้รอดในแต่ละวัน เผลอคิดถึงเขาทีไรหล่อนทรมานแทบขาดใจ สุดท้ายก็ได้แต่หลับตาลงแล้วฝันถึงอดีตที่เคยมีร่วมกัน
พี่เก้าของกั้ง
“พี่เก้าลืมกั้งแล้วหรือยังคะ ลืมความรัก ลืมความทรงจำของเราหรือยัง ฮึก... ส่วนกั้ง... ยังไม่ลืมและยังรักพี่เก้าทุกลมหายใจ”
กษมายกมือขึ้นปิดหน้ากลั้นเสียงสะอื้น ภาพในอดีตฉายย้อนเข้ามาในสมองหลายต่อหลายครั้ง ร้อยเรียงกันจนเกิดความรักในอดีตแต่ภาพนั้นต้องแตกแยกออกไปเพราะเหตุผลบางอย่างทำให้หล่อนต้องเดินออกมาจากชีวิตของเขา พร้อมกับเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาที่กำลังเติบโตในท้องของหล่อน เด็กชายธาวินหรือน้องวิน เป็นตัวแทนความรักของเขาคนนั้น ‘ธาวิน’ พี่เก้าของหล่อน
“คุณแม่คับ...” เสียงแห้งดังขึ้นจากทางด้านหลัง
กษมาตกใจเพราะคิดว่าลูกชายนอนหลับไปแล้ว หลังมือรีบเช็ดน้ำตาออกก่อนจะเดินไปทรุดกายนั่งลงขอบฟูก
“ว่าไงครับ ทำไมยังไม่นอนอีก” กษมาข่มเสียงสั่นเทาถามลูกชาย พยายามหยีตามากๆ เพื่อไม่ให้ลูกชายเห็นความผิดปกติในนัยน์ตา
เด็กชายธาวินไม่ตอบเอาแต่มองหน้ามารดา มือเล็กยกขึ้นวางบนพวงแก้มนุ่มของมารดาค่อยๆ เช็ดหยาดน้ำใสออก
“คุณแม่ร้องไห้ทำไมคับ”
น้ำตาหยาดใสที่ยังไม่แห้งไหลอาบแก้มนวลลงมาอีกครั้ง “ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร คุณแม่แค่เหนื่อย”
“น้องวินไม่อยากให้คุณเหนื่อยคับ ไม่อยากให้คุณแม่ร้องไห้คนเดียว...” เด็กชายเอ่ยเสียงแผ่วอย่างไร้เดียงสา รักมารดาสุดใจ
“คุณแม่รักน้องวินที่สุดในโลกเลยรู้ไหมลูก ดึกแล้ว เรานอนกันเถอะนะจ๊ะ” กษมาตื้นตัน ไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าลูกไปมากกว่านี้จึงล้มตัวลงนอนเคียงข้างดึงลูกมากอด
“น้องวินก็รักคุณแม่คับ”
“ต่อให้ต้องเหนื่อยแค่ไหนคุณแม่ก็ยังไหวครับเพราะคุณแม่รักน้องวิน อยากให้น้องวินสบายไม่อยากให้ลำบาก”
“แล้วคุณพ่อเหนื่อยไหมคับ” เด็กชายถามกลับ เพราะอยากรู้ว่ามารดาเหนื่อยแล้วบิดาที่ตนเองรู้ว่ามีเพียงแค่ไม่เคยเห็นหน้าจะเหนื่อยบ้างไหม
กษมากลั้นเสียงสะอื้นแทบไม่ไหวซบใบหน้าลงหมอนปล่อยน้ำตาให้ไหล
“เหนื่อยครับ คุณพ่อทำงานหนัก น้องวินต้องรักและส่งกำลังใจให้คุณพ่อบ่อยๆ นะครับ”
“คับ น้องวินรักคุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยายที่สุดเลย ถ้าได้เจอคุณพ่อน้องวินจะกอดแน่นๆ แล้วก็จะขอขี่คอคุณพ่อด้วยคับ”
“คุณแม่ก็จะกอดคุณพ่อแน่นๆ เหมือนกันครับ”
ลูกกำลังมีความสุขที่ได้คิดได้ฝันเช่นนั้น กษมายังคงร้องไห้ไม่สามารถดับความฝันของลูกลงได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกถามถึงเขา ลูกอยากเจอเขาหล่อนรู้ดีแต่มันเป็นไปไม่ได้ หล่อนพาลูกไปเจอเขาไม่ได้
‘พี่เก้าขา... พี่เก้าจะรู้บ้างไหม ว่ากั้งกับลูกคิดถึงพี่เก้ามากแค่ไหน ถ้าวันหนึ่งพี่เก้ารู้ว่ากั้งมีน้องวิน พี่เก้าจะรับได้ไหม พี่เก้าจะรักน้องวินหรือผลักไสกั้งกับลูกออกไปให้ไกล’