อมันต์บอกว่าจะออกไปธุระกับเพื่อน...สักพักก็กลับ กลายเป็นว่าตอนนี้ตีสองเข้าไปแล้ว ยังไม่มีวี่แววของเขาเลย
เธอไม่กล้าโทร.ตาม ด้วยกลัวจะเป็นการก้าวก่ายเกินไป และไม่เคยรู้ว่าชายหนุ่มออกไปข้างนอกดึกดื่นขนาดนี้ ปกติเขาจะแชทหรือวิดีโอคอลคุยจนเธอหลับซึ่งก็ไม่เกินห้าทุ่ม หลังจากนั้นเภตราไม่เคยรู้ว่าคนรักของเธอใช้ชีวิตอย่างไร...
อาจด้วยเพราะความเคว้งคว้างไร้ที่พักพิง ชีวิตตอนนี้มีเพียงเขาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดใจ เป็นกังวล เป็นห่วงเสียจนไม่อาจข่มตาให้หลับนอนลงได้ แต่ลองคิดอีกแง่...เขาอาจมีธุระจำเป็นจริงๆ นั่นแหละ เพราะตลอดสองวันที่ผ่านมา อมันต์ก็ไม่เคยอยู่ห่างจากเธอเลย
“พี่อาร์ต...” เสียงประตูเปิดทำให้เจ้าของร่างเล็กยิ้มได้ แล้วรีบสาวเท้าเดินเข้าไปต้อนรับเขาทันที ประจวบเหมาะกับที่ชายหนุ่มเดินเข้าห้องมา เขายิ้ม...ย่นคิ้วมองด้วยความแปลกใจ
“ทำไมยังไม่นอนอีกคะ...”
“ก็พี่อาร์ตไม่ยอมกลับมาสักทีนี่คะ” ว่าแล้วก็อ้าแขนกว้างโผเข้าไปกอดคนตัวใหญ่กว่าเอาไว้ ซุกใบหน้าเขาสู่อ้อมอกอบอุ่นที่แสนคุ้นเคย
“ก็บอกแล้วไง ว่ามีธุระ...สำคัญ”
“ค่ะ แล้วพี่อาร์ตกินอะไรมาหรือยัง” ความขุ่นข้องหมองใจก่อนหน้าหดหายเป็นปลิดทิ้ง เพียงอ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดไว้ พร้อมกับจูบซับเบาๆ ตรงหน้าผากของเธออย่างเอาใจ
“พี่ไม่หิวหรอก พี่พาหนูไปนอนก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยลุกไปอาบน้ำ หนูไม่เคยนอนดึกขนาดนี้เลยนี่”
“เภตราเป็นห่วงพี่อาร์ตนะคะ แล้วก็ไม่อยากอยู่คนเดียวด้วย” เธอบอกเขาไปตรงๆ
ยอมรับว่ายังอ่อนไหวเรื่องที่ถูกตัดขาดกับทางครอบครัว จนระแวง...หวาดกลัวการสูญเสียซ้ำซ้อน ใจเธอยังบาดเจ็บหนักหนาอยู่ คงไม่อาจยอมรับเรื่องเลวร้ายใดๆ ได้อีกแล้ว
“พี่ขอโทษค่ะ...ไปนอนกันเถอะ พี่สัญญาว่าจะไม่ไปไหนนานๆ แบบนี้อีก”
อ้อมกอดของเขาช่างอ่อนโยน อบอุ่น เป็นแหล่งพักพิงเดียวที่ทำให้หัวใจดวงน้อยได้พอมีความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อไป
แต่เภตราไม่รู้หรอกว่า...เธอซื่อเกินไป บริสุทธิ์เกินกว่าจะคาดคิดถึงด้านมืดในตัวเขา ที่กำลังจะลงมือประหัตประหารตัวเธอ ให้ตายทั้งเป็น...
การได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงจัง...ทำให้เภตรายิ่งรู้สึกรักอมันต์มากขึ้นทุกที ด้วยเพราะความดูแลเอาใจใส่ทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่ตื่นนอนยันหลับ แม้กระทั่งตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย หากมีช่วงไหนว่าง เขาเป็นต้องมาหาเธอ มาคอยถามไถ่อาการอยู่ตลอด จนบรรดาเพื่อนๆ ต่างพากันออกปากแซวไปต่างๆ นานา ทำให้ความรู้สึกหม่นหมองผ่อนคลายลงได้บ้าง
“พี่อาร์ต...” เธอสวมกอดเขาทางด้านหลัง ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังยืนอยู่ระเบียงห้องพัก เพราะเห็นว่าเขาอยู่ตรงนั้นนานมากแล้ว ราวกับกำลังครุ่นเครียดหนักหนา ซึ่งก็คงไม่พ้นเรื่องพันธะที่กำลังจะก่อกำเนิดขึ้น
สายตาของเขาหลุดลอยออกไปกับทิวทัศน์ภายนอก จนกระทั่งความอบอุ่นจากร่างเล็กทาบทับแนบชิดเข้าหา เขาหันกลับมาหาเธอแล้วยิ้มอ่อนโยนเหมือนเคย
“ลมแรง...หนูจะออกมาทำไม เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“ก็มาชวนเข้าไปข้างในด้วยกันนี่ไงคะ” สองมือเล็กคลายออกหลวมๆ เงยหน้าขึ้นมองเขา แต่ชายหนุ่มกลับหลบสายตากระนั้นก็ไม่อาจซ่อนเร้นความกังวลที่แผ่รัศมีห้อมล้อมอยู่โดยรอบ
เธอ...สัมผัสมันได้
“ป๊ากับม๊าเริ่มสงสัยแล้ว...ว่าทำไมพี่ไม่กลับไปนอนที่บ้าน” เขาโอบร่างบอบบางเอาไว้แล้วพาหญิงสาวเดินเข้าไปในห้อง
“หนูอยู่คนเดียวได้ พี่อาร์ตจะกลับบ้านบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“มันไม่ใช่แค่นั้น เรา...จะปกปิดเรื่องนี้ตลอดไปไม่ได้ เราต้องหาทางออก”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ฟังนะ...เราต้องจบเรื่องนี้เภตรา เพื่อทุกอย่าง เพื่ออนาคต...”
“...” แต่ทุกอย่าง...และอนาคตของเธอคือเขากับลูก...
เภตราส่ายหน้า รอยยิ้มฉับพลันเลือนหาย มองแววตาที่เคร่งเครียดของเขาแล้วใจสั่นหาย
“พี่คิดมาตลอด ว่าเราต้องหาทางออกสำหรับทุกฝ่าย และพี่ก็ตัดสินใจแล้ว”
“ทำไมดูเครียดจังคะ...นี่ก็ดึกมากแล้ว เราเข้านอนกันดีกว่า” เภตราฝืนยิ้มแล้วผละออกจากเขา หันกลับเข้าไปในห้อง ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพ่นพูด และไม่อยากเข้าใจ...
“เราต้องคุยกันเป็นจริงเป็นจัง ก่อนที่เวลามันจะล่วงเลยไปมากกว่านี้ อะไรๆ ก็จะยิ่งแก้ไขยาก” ชายหนุ่มค่อยๆ เดินตามไปห่างๆ
“แก้ไขอะไรคะ เภตราออกมาจากบ้าน ตัดขาดจากพ่อจากแม่ และเราก็กำลังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน กำลังจะมีลูก เรียนจบก็หางานทำ แล้ว...”
“พอเถอะ...ชีวิตจริงมันไม่ได้สวยงามแบบนั้นเภตราก็รู้”
“พูดแบบนี้ หมายความว่าพี่อาร์ตไม่ต้องการลูกของเราเหรอคะ” ทั้งที่ในใจก็หวั่นรู้ แต่ก็ยังอยากถามให้ได้ยินคำตอบ
“เรายังมีโอกาสเภตรา...เมื่อเราพร้อม แต่ตอนนี้เราไม่มีความพร้อมอะไรเลยทั้งคู่”
“ไม่!” หญิงสาวรู้สึกปวดร้าวหน่วงๆ กับทุกคำพูดของเขา
ทั้งที่ไว้ใจ...
ทั้งที่คิดว่ามีเพียงเขาที่เข้าใจและพึ่งพาได้ในวันที่อ่อนแอที่สุด...
“หนู...ฟังพี่ก่อน พี่ไม่เคยคิดจะทิ้งหนูไปไหนนะ แต่ถ้าหนูดื้อแบบนี้ อนาคตของเราสองคนจะเป็นยังไง ลองคิดดู”
“เภตราไม่มีทางทำร้ายลูกแน่ๆ เขาไม่ผิด...เราสองคนต่างหากที่ผิดและต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น”
“ทุกวันนี้พี่ก็รับผิดชอบอยู่ไม่ใช่เหรอ...แต่การมีเด็ก การจะต้องเลี้ยงเด็กสักคนโดยที่ไม่มีความพร้อม ไม่มีประสบการณ์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ อีกอย่างไหนจะเรื่องเรียนอีกล่ะ”
“...” เภตรานิ่งเงียบไปด้วยความเจ็บจุก สองมือกำแน่นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“เชื่อพี่นะเภตรา พี่รักหนู และไม่อยากให้หนูลำบากทั้งที่อายุก็ยังน้อย หนูเองก็ยังมีอนาคตอีกไกล”
“ถ้าพี่อาร์ตคิดแบบนั้น เภตราจะเลี้ยงลูกเองคนเดียวก็ได้ค่ะ” มือน้อยๆ ยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตาแล้วเดินไปที่เตียง ทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้เขาแล้วดึงผ้าห่มคลุมตัว รู้สึกผิดหวังกับผู้ชายคนนี้อย่างมหาศาล
อมันต์ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจแรง ก่อนจะตามไปนอนข้างๆ กัน และดึงร่างเล็กเข้ามากอดอย่างเอาใจ “พี่ขอโทษ...เอาล่ะ เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีก็แล้วกัน”
“ถ้าพี่อาร์ตหมายถึงจะให้หนูทำอะไรกับลูก เราก็ไม่ต้องมาคุยกันอีกค่ะ” น้ำเสียงของเธอแข็งขึง แม้จะยังสะอึกสะอื้นร้องไห้ด้วยความเสียใจอยู่ก็ตาม
“นอนเถอะ...แล้วก็ไม่ต้องคิดมากนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ก็จะอยู่ข้างๆ หนูเสมอ” ชายหนุ่มขยับใบหน้าเข้าไปจูบที่แก้มนวลแฉะชื้น พลางดึงทิชชูในกล่องบนหัวเตียงมาเช็ดน้ำตาให้กับเธอ ก่อนจะกอดกล่อม เผื่อแผ่ความอบอุ่นให้คนตัวเล็กได้คลายความสับสน
เขารู้ว่าไม่อาจขัดใจ ดูจากภายนอกเภตราเป็นคนง่ายๆ และมักยอมตามใจเขาเสมอ แต่หากสิ่งใดที่หญิงสาวไม่ยอม นั่นหมายความว่าต่อให้ต้องฆ่ากันตายเธอก็จะไม่มีทางลดราวาศอก ดูได้จากความใจเด็ดที่ยอมตัดขาดจากครอบครัวเพื่อจะรักษาลูกเอาไว้ก็รู้ว่า ตอนนี้เขาคงต้องเจองานหนักเสียแล้ว
“จะอยู่ข้างๆ กัน...โดยที่ยังมีลูกอยู่ด้วยใช่ไหมคะ” หญิงสาวใช้มือกุมท้องแล้วกอดแน่นด้วยความหวงแหน แม้อายุยังน้อย...แม้จะยังไม่ประสีประสา แต่สัญชาตญาณความเป็นแม่ในตัวเธอพร้อมจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อปกป้องชีวิตน้อยๆ นี้ โดยไม่ยอมอ่อนข้อให้กับใครก็ตามที่มุ่งร้าย แม้แต่ อมันต์ก็ตาม...
“...” ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ เขา ชายหนุ่มรวบร่างเล็กแน่นขึ้น จูบริมฝีปากช่างเจรจานั้นเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง นำพาหญิงสาวซึ่งแม้จะตกอยู่ในความเครียด แต่เพราะกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ ความอ่อนเพลียจึงทำให้เธอสู่นิทราไปอย่างง่ายดาย