บทที่ 10 ตอนที่ 2

870 คำ
“อยากพร่ำอะไรก็ว่ามา แล้วก็รีบไปๆ ซะ” เภตราทอดกายนั่งลงบนอาร์มแชร์สีขาวฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม เธอวางแก้วชาส่งให้เขา และมีโกโก้อุ่นสำหรับตัวเอง พลางยกขึ้นดื่มเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายจากเหนื่อยล้าที่ต้องเผชิญมาทั้งวัน “หนูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” เขาเม้มริมฝีปาก และไม่ได้มองคู่สนทนา “ใครมันจะโง่ดักดานทั้งปีทั้งชาติ” ว่าแล้วก็แสยะยิ้มอย่างไม่แยแส “พรุ่งนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ แต่เช้า พี่ก็เลยอยากมาดูลูกแค่นั้นแหละ กลับไปรอบนี้ก็จะคุยกับเคทเรื่องหนูมิ้นด้วย พี่ไม่อยากให้อะไรมันคาราคาซัง” ในเมื่อไม่สามารถสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันได้ การันต์จึงเปิดประเต็นหลักกับเธอ “เมียคุณเขาจะรับได้เหรอ...อันที่จริงมันไม่จำเป็นเลยนะ” “มันจำเป็นเภตรา...หนูมิ้นเป็นลูกของพี่ ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเป็นยังไงก็ตาม แต่ตอนนี้พี่ก็รักแก และมีแกเป็นลูกแค่คนเดียว” “เมียคุณเขาจะคิดแบบนั้นเหมือนกันไหม เป็นผู้หญิง...แต่งงานแล้วยังไงก็ต้องอยากมีลูก อยากมีครอบครัวสมบูรณ์แบบ” พูดไปก็สะท้อนมาถึงตัวเองว่า ‘ความสมบูรณ์แบบ’ ในครอบครัวของเธอคงมีเพียงสองคนแม่ลูกเท่านั้น ตลอดไป... “เคทมีลูกยาก เขาเคยประสบอุบัติเหตุ” ชายหนุ่มกล่าวเพียงเท่านั้น สีหน้าของเขาดูสลดลง ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นเงยขึ้นมองเธอแล้วยิ้ม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่ขออยู่ใกล้ๆ ลูกสักพักได้ไหม” ว่าแล้วก็ถอนหายใจ ด้วยไม่ตั้งความหวังว่าจะได้ตามคำขอ ท่าทีของเภตราดูแกร่งกว่าที่เขาคิด เธอเป็นตัวของตัวเอง เติบโตขึ้น และปราดเปรียวไม่เหมือนเภตราคนที่แสนอ่อนโยนนุ่มนวลเลยแม้แต่น้อย หากตัดเรื่องหน้าตาที่ไม่เคยเปลี่ยนแม้จะผ่านล่วงเลยมาหลายปี ในส่วนของนิสัยนั้นเรียกได้ว่าแทบไม่ใช่เภตราเลยก็ว่าได้ “ระวังอย่าให้แกตื่นล่ะ หนูมิ้นไม่ชอบให้กวนเวลานอน” เธอยังคงถือแก้วโก้โก้อุ่นเอาไว้ ในขณะที่บอกกับเขาแต่ก็ไม่ได้มองหน้า “ขอบคุณ...” แล้วอมันต์ก็ลุกขึ้นด้วยความลนลาน ตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขามองเธออีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะเดินไปที่เตียงนอน ซึ่งมีฟูกสำหรับเด็กรองนอนให้ร่างน้อยๆ ได้หลับไหลอย่างสนิทนิททรา เขาก้มตัวลงนั่งใกล้ๆ มองสาวน้อยของเขาหลับปุ๋ยด้วยความเอ็นดู แก้มยุ้ยๆ ขยับเหมือนตอนที่แกอยู่โรงพยาบาล บางครั้งก็บุ้ยปาก บางครั้งก็ทำปากจู๋คล้ายกำลังดูดนม ซึ่งคงเป็นจิตสำนึกลึกๆ ของเธอว่ากำลังดื่มนมอย่างเอร็ดอร่อยนั่นเอง “เภตรา...ลูกยิ้มด้วย...” ชายหนุ่มหันไปยิ้มอย่างลืมตัวแล้วบอกกับแม่ของลูก “จุ๊ๆ...” เธอเอ็ดเขา แล้วทำตาเขียวใส่ จนอีกฝ่ายหน้าหงอย “โอเค” คราวนี้กระซิบเสียงแผ่ว แล้วทำมือเป็นสัญลักษณ์ จากนั้นก็หันกลับมาจดจ่อกับท่านอนของลูกสาว ปู๊ด... “...” มือยกขึ้นกุมขมับแล้วพยายามหัวเราะให้เบาที่สุด เมื่อลูกสาวผายลมใส่ซะงั้น แต่ไม่รู้ทำไมสำหรับเขาแล้ว แกช่างทำอะไรน่ารักน่าชังไปหมด เภตราเองก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เช่นกัน แม้จะไม่อยากมองภาพนั้นเท่าไหร่นัก... “อื้อ...ฮึก...” แล้ว...เหมือนแกจะละเมอ และทำท่าจะร้องไห้ “มา...นี่...ดู...ลูก...หน่อย...” เขาค่อยๆ ส่งสัญญาณไปทางเภตรา รู้สึกกังวลว่าลูกกำลังเป็นอะไรหรือเปล่า ปวดท้อง ไม่สบายตัว หรือหงุดหงิดที่เขามาอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มรีบลุกแล้วย่องไปที่โต๊ะรับแขก แต่เภตราก็ยังนั่งนิ่งไม่ขยับ “แค่ฝันร้ายมั้ง...” เธอว่า “มั้ง...พูดแบบนี้ได้ไง ลูกดิ้นขนาดนั้น ไม่ไปดูหน่อยเหรอ” “คุณนั่นแหละกลับไปได้แล้ว นี่มันกี่โมงกี่ยาม ฉันจะอาบน้ำนอน งานการก็มีทำ เมียก็มี จะมายุ่มย่ามกับเรื่องชาวบ้านทำไมนักหนา” “แต่พี่...” “ประตูอยู่ทางนั้น ถ้าเป็นห่วงหนูมิ้นจริงๆ ก็ไปซะ ก่อนที่แกจะตื่นแล้วกรี๊ดลั่นตึก ไม่เชื่อก็ลองดูสิ” “...” เขาถอนหายใจคอตก ถ้าทำให้ลูกต้องร้องไห้ขนาดนั้นเขาก็คงต้องยอมไป เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจของแก แต่ได้เห็นลูกดิ้นเพราะฝันร้ายเขายังทนไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับต้องมาเห็นแกร้องไห้เสียใจขนาดนั้น “หวังว่าหนูจะไม่พาลูกหนีไปที่อื่นอีกนะ” “มันหมดยุคที่คนถูกกระทำจะต้องหนีแล้วคุณอาร์ต...และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะได้เห็นลูก ถ้ามายุ่งกับพวกเราอีก ฉันสาบานเลยว่าชีวิตพวกคุณอยู่ไม่เป็นสุขแน่ ไม่ว่าจะเป็นตัวคุณ เมียคุณ หรือพ่อกับแม่คุณฉันก็จะไม่เว้น!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม