เมื่อเห็นว่าปานไพลินเดินขึ้นบันไดไปแล้ว ขัตติยะก็หันมาสนใจภัทร ชายหนุ่มมองสบตาภัทรด้วยความไม่พอใจ แม้จะรู้ว่าอาจารย์หนุ่มผู้นี้หลงรักเด็กในปกครองของบิดาก็ตามที แต่พอมาเห็นซึ่งๆ หน้าแบบนี้ก็รู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก
“คุณภัทรชอบปานไพลินหรือครับ”
“ครับ”
ภัทรตอบโดยไม่ต้องคิด ชายหนุ่มยกแก้วน้ำที่ปานไพลินนำมาให้เมื่อไม่กี่นาทีนี้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้รับความรักจากปานไพลิน แต่ไม่นานนี้แหละที่เขาจะทำให้เธอหันมาสนใจให้ได้
“ผมรู้นะครับว่าคุณยะไม่ชอบคุณปาน”
“นั่นมันเรื่องในครอบครัวของผม ไม่ว่าผมจะชอบหรือไม่ชอบปานไพลิน ยังไงปานไพลินก็เป็นคนในครอบครัวของผมและที่สำคัญปานไพลินเป็นเด็กในปกครองของผม”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง อยากรู้เหมือนกันว่าภัทรจะกล้าจีบปานไพลินอีกไหม
“แต่ถ้าคุณปานแต่งงานออกไป คุณปานก็ไม่ใช่คนในครอบครัวของคุณไม่ใช่หรือครับคุณยะ อีกอย่างคุณปานก็ไม่ได้ใช้นามสกุลวิโรจนวิศิษฐ์” ภัทรมองขัตติยะด้วยสายตาเคลือบแคลง ในเมื่อไม่ชอบปานไพลินแล้วทำไมขัตติยะต้องมาขัดขวางด้วย ถ้าหากเขาจะจีบปานไพลิน หรือว่าผู้ชายคนนี้กำลังหวงก้าง แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อใครๆ ก็รู้ว่าด็อกเตอร์หนุ่มคนนี้ไม่พอใจที่คุณอมรเทพรับปานไพลินเป็นหลานบุญธรรม
ขัตติยะนั่งหน้าตึงมองภัทรอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าปานไพลินจะใช้นามสกุลอะไร ยังไงหญิงสาวก็เป็นคนในครอบครัวของเขา ผู้ชายคนไหนที่คิดจะแต่งงานกับหล่อนต้องได้รับความเห็นชอบจากเขาก่อน หากไม่เช่นนั้นแล้ว เขาจะขัดขวางให้ถึงที่สุด ส่วนภัทรก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ กับท่าทีของขัตติยะ ดูท่าความรักครั้งนี้ของเขาจะไม่ราบรื่นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ ในเมื่อตัวมารความสุขกำลังนั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้า
‘ยังไงผมก็ไม่ยอมแพ้หรอกคุณปาน ต่อให้มีอีกสักร้อยขัตติยะ ก็ไม่สามารถขวางทางผมได้หรอก’
สองหนุ่มนั่งประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร แม้จะมีความคิดที่แตกต่างกัน แต่ผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้พวกเขาต้องไม่กินเส้นกันก็คือปานไพลิน
สำหรับขัตติยะ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงไม่ชอบขี้หน้าภัทร ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายังมีความคิดสนับสนุนภัทรกับปานไพลิน แต่พอเห็นสีหน้ายิ้มแย้มและเสียงหัวเราะระหว่างหนุ่มสาวคู่นี้ หัวใจเขาก็รู้สึกหงุดหงิด ไม่ชอบหน้าภัทรเอาดื้อๆ
ส่วนภัทรเองก็รู้สึกเหม็นขี้หน้าขัตติยะอย่างรุนแรง ในเมื่อไม่ชอบปานไพลินก็ไม่เห็นจะต้องขัดขวางเขาเลย อีกอย่างขัตติยะก็หลงรักเพื่อนสนิทของปานไพลิน แทนที่จะหาทางใกล้ชิดการะเกดแต่ขัตติยะกลับมาขัดขวางเรื่องที่เขาจะจีบปานไพลินแทน แล้วจะไม่ให้เขาหัวเสียได้อย่างไร
‘ในเมื่อเกลียดคุณปานซะขนาดนั้น ทำไมยังขัดขวางเรื่องที่ผมจะจีบคุณปานอีก พิลึกคนจริงๆ เลยคุณขัตติยะ’
//////////
20 นาทีต่อมา
การะเกดกับปานไพลินก็ลงมาจากห้อง ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องรับแขกด้วยความประหลาดใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศคุกรุ่นภายในห้อง สายตามองดูสองหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟาตัวใหญ่อย่างพิจารณา ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา เมื่อรู้ต้นเหตุของความอึดอัดในครั้งนี้
“ลูกเกดว่าคุณยะกับคุณภัทรมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า” ปานไพลินเอียงหน้ามากระซิบถามเพื่อนสนิทอย่างเป็นกังวล สีหน้าของขัตติยะดูเย็นชาและดวงตาแข็งกร้าวน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่รู้เหมือนกัน” การะเกดหันมาตอบเสียงเบาหวิว ก่อนจะก้าวเท้าออกเดินเข้ามาในห้องรับแขก ใบหน้าสวยหวานแต้มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน มองสองหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์กับหนังสือนิตยสารอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ไม่รู้ว่าทั้งสองมีปัญหาอะไรกัน แต่ที่แน่ๆ พวกเขาต้องไม่กินเส้นกันแน่นอน
“ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะคะ”
ขัตติยะกับภัทรเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์กับหนังสือนิตยสารในมือขึ้นมองเจ้าของเสียงหวานด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แม้จะไม่ชอบใจซึ่งกันและกัน แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการให้สองสาวรู้เรื่องนี้ ใบหน้าที่เคยเย็นชาและบึ้งตึงเปลี่ยนเป็นระบายยิ้มแทบจะทันที
“ไม่นานหรอกครับคุณเกด”
“ผมเองก็เพิ่งมาเหมือนกัน” ภัทรตอบเสียงทุ้ม สายตาหันไปมองใบหน้าคมสวยกับปานไพลินอย่างเอ็นดู ก่อนจะนึกไปถึงคำพูดของขัตติยะแล้วก็พาลหัวเสีย ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมแพ้เพียงแค่นี้หรอก ในเมื่อขัตติยะไม่ใช่เจ้าชีวิตของผู้หญิงที่เขารักเสียหน่อย เรื่องที่จะขัดขวางเขาย่อมที่จะเป็นไปไม่ได้
“เราไปที่โต๊ะอาหารกันดีกว่าค่ะ” ปานไพลินพูดขึ้น และหันมามองการะเกดก่อนจะชวนกันเดินไปยังโต๊ะอาหาร เห็นบรรยากาศอึมครึมในห้องรับแขกแล้วก็อดรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไม่ได้ แม้ไม่รู้ว่าภัทรสนทนาอะไรกับขัตติยะ แต่คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นขัตติยะจะมองเธอด้วยสายตาน่ากลัวแบบนั้นทำไม
“ก็ดีเหมือนกันนะ ลูกเกดก็หิวแล้วเหมือนกัน อีกอย่างคุณภัทรกับคุณยะก็น่าจะหิวแล้ว”
“งั้นเราไปกันเถอะลูกเกด”
“อืม...” การะเกดพยักหน้าอย่างเข้าใจสถานการณ์
“เชิญคุณยะกับคุณภัทรที่โต๊ะอาหารเลยค่ะ”
ปานไพลินหันมาชวนขัตติยะกับภัทรที่นั่งเงียบอยู่ที่โซฟา แค่มองก็รู้แล้วว่าผู้ชายสองคนนี้ไม่ถูกกัน แต่จะด้วยสาเหตุอะไรเธอเองก็ไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่จากตัวเธอแน่นอน
“ครับ”
ภัทรรับคำพร้อมกับลุกเดินตามปานไพลินกับการะเกดตรงไปยังโต๊ะอาหาร ชายหนุ่มระบายยิ้มเต็มหน้า เมื่อเห็นกิริยาน่ารักน่าเอ็นดูของเจ้าของบ้านสาว เพราะแบบนี้แหละเขาถึงได้รักและอยากแต่งงานด้วย
ขัตติยะลุกเดินตามปานไพลิน การะเกดและภัทรไปติดๆ พร้อมกับพิจารณาท่าทีที่ปานไพลินมีต่อภัทร หัวใจกลับหงุดหงิดเมื่อเห็นการเอาอกเอาใจจนออกนอกหน้าของภัทร แล้วในสมองก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา
‘ฉันจะให้เธอกลับเข้าไปอยู่ที่วิโรจนวิศิษฐ์...ปานไพลิน หึ! อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ภัทรจะกล้าจีบเธออีกหรือเปล่า ถ้ามันกล้า ฉันนี่แหละที่จะขัดขวางให้ถึงที่สุด’
ชายหนุ่มรำพันในใจ จากที่คิดจะสนับสนุนให้ภัทรจีบปานไพลินตั้งแต่ครั้งแรกนั่นหายไปจากสมอง อาจเพราะเห็นท่าทีสนิทสนมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสองก็ได้ที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจคิดขัดขวาง ถ้าภัทรจีบเด็กในปกครองของเขาและบิดาและแล้วอาหารมื้อนี้ก็เป็นมื้อที่เลวร้ายที่สุดสำหรับปานไพลิน หญิงสาวนั่งทานอาหารอย่างอึดอัดกับท่าทีของขัตติยะกับภัทร
แม้การะเกดพยายามหาเรื่องคุย แต่ดูเหมือนสองหนุ่มนั่งปล่อยรังสีอำมหิตใส่กันตลอดเวลา ไม่รู้เหมือนกันว่าจะนั่งเขม่นหน้ากันไปถึงเมื่อไร แต่ที่แน่ๆ อาหารมื้อนี้จบลงอย่างไม่สวยหรู อีกทั้งเธอยังถูกขัตติยะสั่งให้กลับไปอยู่บ้านวิโรจนวิศิษฐ์อีกด้วย โดยชายหนุ่มให้เหตุผลว่าคุณอมรเทพไม่ค่อยสบายช่วงนี้ เธอจึงควรกลับไปดูแลผู้มีพระคุณ โดยที่ปานไพลินไม่รู้เลยว่านั่นเป็นแผนการของขัตติยะที่จะขัดขวางภัทรไม่ให้จีบเธอ
ส่วนภัทรได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจกับท่าทางไม่เป็นมิตรของขัตติยะ เห็นทีเขาคงต้องเจอศึกหนัก จากการปะทะคารมกันวันนี้ทำให้เขารู้ว่าขัตติยะพยายามขัดขวางและไม่ยินดีที่จะรับเขาเอาไว้พิจารณาในฐานะแฟนของปานไพลิน แต่ที่เขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อยก็ตรงที่ขัตติยะชอบการะเกดนี่แหละ อย่างน้อยขัตติยะก็ไม่ใช่คู่แข่งของเขา แม้สงสัยในท่าทีของอีกฝ่ายก็ตามที บางทีอาจารย์หนุ่มผู้นี้อาจจะหวงปานไพลินในฐานะน้องสาวหรือเด็กสาวที่บิดาของเขาอุปการะเอาไว้ก็ได้
‘ผมไม่ยอมให้คุณมาขัดขวางผมได้หรอกคุณขัตติยะ’
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...