หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...
เจ้าชายคามิลประทับนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าห้องคลอด หลังจากที่มาตาวีเข้าไปในห้องคลอดได้เกือบหนึ่งชั่วโมง พระองค์นั่งกำหัตถ์แน่น เป็นห่วงเจ้าตัวน้อยที่จะลืมตามาดูโลกในอีกไม่กี่นาทีไม่น้อย แม้จะไม่ชอบแม่ของลูกแต่อย่างไรเสียเด็กที่จะเกิดมาก็เป็นลูกของพระองค์
ไม่กี่นาทีต่อมาประตูห้องคลอดก็เปิดออกมาพร้อมกับนายแพทย์วัยกลางคน เดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าว่าที่คุณพ่อคนใหม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและโล่งใจไม่น้อย เมื่อภรรยาของชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้คลอดบุตรออกมาโดยปลอดภัย
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ปลอดภัยทั้งคุณแม่และคุณลูก”
“ขอบคุณครับคุณหมอ”
“ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ ยังมีคนไข้อีกรายที่รอเตรียมคลอด” นายแพทย์วัยกลางคนเอ่ยบอกคุณพ่อคนใหม่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น สายตามองพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าก็รู้สึกคุ้นตาเหลือเกินแต่ก็นึกไม่ออกว่าเขาเคยเห็นชายหนุ่มอาหรับคนนี้ที่ไหน
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับคุณหมอ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับคุณ...เอ่อ”
“ผมคามิล รองประธานซาร์เนียริ่ง จิวเวลลี่”
เจ้าชายคามิลแนะนำตัวกับนายแพทย์ด้วยน้ำเสียงสุภาพ สายพระเนตรทอดมองชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วย พระองค์อยากรู้เหลือเกินว่าชายคนนี้จะถามอะไรพระองค์กันแน่
“งั้นคุณก็คือเจ้าชายคามิลแห่งซาร์มาเนียใช่หรือเปล่าครับ”
“ครับ”
“กระหม่อมขอพระราชทานอภัยที่...”
นายแพทย์ถึงกับเข่าอ่อน เมื่อรู้ฐานะของหนุ่มอาหรับตรงหน้า
“ไม่เป็นอะไรหรอกคุณหมอ แต่ผมอยากขอร้องคุณหมอหน่อยได้ไหม” ในเมื่อนายแพทย์คนนี้รู้แล้วว่าพระองค์เป็นใคร ถ้าอย่างนั้นพระองค์ขอให้นายแพทย์คนนี้ช่วยเก็บความลับเรื่องที่พระองค์มีบุตรกับหญิงไทยคนนี้ดีกว่า
“ได้ครับ...เอ่อ...พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกคุณหมอ คุยกับผมปกติก็ได้”
“เอ่อ...ครับ” นายแพทย์เริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้นมาอีกนิดหน่อย เมื่อฟังคำพูดของเจ้าชายหนุ่มอาหรับผู้นี้ ใครๆ ก็รู้ว่าตอนนี้ซาร์มาเนีย ประเทศจากตะวันออกกลางเข้ามาทำธุรกิจกับประเทศไทยและคาดการณ์ว่าธุรกิจระหว่างประเทศจะดีขึ้นเรื่อยๆ และเจ้าชายหนุ่มผู้นี้ก็เป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆ เสียด้วย
“เจ้าชายต้องการให้ผมช่วยเหลือเรื่องอะไรครับ”
“ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้ไหมคุณหมอ”
“ผมจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้ เจ้าชายคามิลไม่ต้องเป็นห่วง”
แม้จะสงสัยในคำขอร้องของเจ้าชายหนุ่มผู้นี้ แต่นายแพทย์ก็ไม่อยากค้นหาคำตอบนั้น เขาเพียงทำตามหน้าที่และจรรยาบรรณของหมอก็พอ ในเมื่อญาติของคนไข้ขอร้อง เขาก็สมควรที่จะทำตาม
“ขอบคุณมากคุณหมอ”
เจ้าชายคามิลตรัสด้วยสุรเสียงทุ้มนุ่มนวล มองนายแพทย์อย่างซาบซึ้งพระทัย พระองค์เองก็ไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ว่ามารดาของเจ้าตัวน้อยเป็นใคร นับจากนี้เป็นต้นไป พระมารดาขององค์ชายน้อยนามอัจมาน บิน มูฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มาอิล คือ...การะเกด ณัฐวิโรจน์เท่านั้น
//////////
5 ชั่วโมงต่อมา...
ร่างที่นอนหลับอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า สายตาพยายามกะพริบเพื่อปรับสภาพก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องคลอด และรู้สึกเสียใจไม่น้อยที่ผู้ชายที่เธอรัก ไม่ยอมเข้าไปให้กำลังใจเธอในยามที่เธอต้องการเขา
“ตื่นแล้วเหรอครับ” ร่างสูงกำยำลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเตียงของคุณแม่ลูกหนึ่งด้วยสายตาราบเรียบ
“ค่ะ...ว่าแต่คุณเป็นใครหรือคะ” มาตาวีถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงอย่างสงสัยระคนประหลาดใจ ผู้ชายที่เธอต้องการเจอมากที่สุดก็คือเจ้าชายคามิล แต่เพราะเหตุใดถึงเป็นชายวัยกลางคนผู้นี้ไปได้
“ผมเป็นทนายความของเจ้าชายคามิลครับ”
“แล้วเจ้าชายคามิลไปไหน”
“เสด็จออกไปข้างนอกครับ เดี๋ยวคงกลับมา”
เขาไม่อยากบอกหญิงสาวผู้นี้เลยว่า ตอนนี้เจ้าชายคามิลกำลังจัดการเรื่องเอกสารเกี่ยวกับเจ้าชายองค์น้อยอยู่อีกห้องหนึ่ง ตอนแรกเขาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเหตุใด เจ้าชายอาหรับผู้นี้ถึงได้โหดร้ายกับแม่ของลูกนัก
แต่พอฟังเรื่องราวทั้งหมดจากองครักษ์คนสนิทเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วเขารู้สึกเห็นใจและสงสารหญิงสาวอีกคนที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายไปอยู่เสียที่ไหน ชายที่ตนรักกับเพื่อนสนิทแอบมีความสัมพันธ์กันจนถึงขั้นมีลูก
แม้เรื่องทุกอย่างจะเกิดจากความทะเยอทะยานของผู้หญิงคนนี้ แต่หากฝ่ายชายเด็ดขาดมากกว่านี้ ทุกอย่างคงไม่บานปลายมาถึงขั้นนี้
“แล้วเจ้าชายบอกหรือเปล่าว่าไปไหน”
มาตาวีถามเสียงแข็ง มองทนายความอย่างไม่พอใจ เธอทรมานเกือบตายกับการคลอดลูกของเขา แต่ดูสิ่งที่เขาตอบแทนเธอสิ นอกจากไม่มีความรักให้แล้ว ยังส่งทนายความมาหาเธออีก
“ไม่ได้บอกครับ แต่อีกสักพักเจ้าชายก็คงจะเสด็จมา”
“ผมเตรียมเอกสารทั้งหมดเอาไว้แล้ว คุณจะอ่านก่อนไหมครับ” ทนายความถาม แม้จะรู้สึกไม่พอใจหญิงสาวรุ่นลูกคนนี้แต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมามากนัก ก่อนที่เจ้าชายคามิลจะให้เขาร่างเอกสารฉบับนี้ เขาอดถามถึงสาเหตุที่ฝ่ายหญิงขอเงินเพิ่มจากห้าสิบล้านเป็นหนึ่งร้อยล้านไม่ได้ และคำตอบที่ได้มาก็คือผู้หญิงคนนี้
อยากได้เงินเพิ่มเพื่อแลกกับอิสรภาพของเด็กที่กำลังจะลืมตามาดูโลก ทันทีที่เจ้าชายคามิลเล่าจบ เขาอดชังในน้ำใจและความรักของหล่อนไม่ได้
“ฉันไม่อ่าน รอให้เจ้าชายมาเสียก่อน แล้วเรื่องที่ฉันยื่นเสนอไป เจ้าชายของคุณตอบตกลงหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อย่างที่ฉันต้องการ ทุกอย่างก็จบ”
“คงไม่ได้หรอกครับคุณมาตาวี เพราะตอนนี้คุณไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น”
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อฉันเป็นเมียของเจ้าชายคามิลและยังเป็นแม่ของลูกเขาด้วย”
“ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณจะมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ แต่เท่าที่ผมรู้...คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อรองตั้งแต่แรกแล้ว ผมไม่อยากให้คุณต้องลำบากหรือเจอเรื่องแย่ๆ มากไปกว่านี้”
“หุบปากของคุณเดี๋ยวนี้นะคุณทนายความ ฉันเป็นใคร แล้วคุณเป็นใคร ควรจะสำนึกเอาไว้เสียบ้าง”
มาตาวีตวาดเสียงกร้าว ใบหน้าสวยบิดเบี้ยว นึกแค้นใจในโชคชะตาเหลือเกิน และแค้นไปถึงการะเกดด้วย หากไม่มีนังเพื่อนคนนี้เสียคน บางทีความรักของเธอกับเจ้าชายคามิลคงจะไปได้ดีกว่านี้ สองมือกำผ้าห่มแน่น แค้นใจแทบกระอักกับสายตาเย็นชาของทนายความผู้นี้
“เธอนั่นแหละที่ควรสำนึกมาตาวี”
เจ้าชายคามิลตรัสขึ้น ดวงเนตรคมมองสบตาแม่ของลูกอย่างเย็นชา ได้ยินตั้งแต่ทนายความเกรียงไกรสนทนากับมาตาวีตั้งแต่แรก ยิ่งเห็นนิสัยอีกด้านของมาตาวี พระองค์ก็ยิ่งชิงชัง
“คุณหายไปไหนมา” มาตาวีถามอย่างน้อยใจ เธอนอนเจ็บอยู่อย่างนี้ก็เพราะเขา แต่ดูท่าทางที่ชายหนุ่มแสดงออกมาสิ มีแต่ความหมางเมินและเย็นชา
“มันไม่ใช่ธุระอะไรของเธอเลยมาตาวี”
“แต่ฉันเป็นเมียคุณนะคะ”
“เธอไม่ใช่เมียฉัน”
“เจ้าชาย นี่คือเอกสารที่กระหม่อมเตรียมเอาไว้เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ทนายความเกรียงไกร หยิบซองเอกสารยื่นให้เจ้าชายหนุ่มอย่างนอบน้อม แม้เจ้าชายพระองค์นี้จะรับสั่งให้เขาพูดคุยกับพระองค์ด้วยคำสามัญธรรมดา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น เขาก็จะเปลี่ยนคำพูดและวางตัวให้เหมาะสมเหมือนครั้งแรกที่ได้รู้จักกับเจ้าชายอาหรับพระองค์นี้ทันที
“ขอบใจมากคุณทนาย”
เจ้าชายคามิลรับซองเอกสารสีน้ำตาลจากมือของทนายความเกรียงไกรแล้วหันมายื่นให้มาตาวีด้วยสายพระเนตรเย็นชา พระองค์ต้องการให้เรื่องนี้จบลงเสียที ตอนนี้ทุกอย่างใกล้เป็นจริงเต็มทน ขอเพียงแค่ผู้หญิงคนนี้เซ็นเอกสารฉบับนี้เท่านั้น
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...