ตอนที่ 3
โรสรินทร์ได้แต่ทำเสียงขลุกขลักในลำคอ เพราะเอาเข้าจริงแล้วเธอแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร เพราะความโกรธแค้นมันกลบฝังทุกอย่างเสียหมดสิ้น กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อตัวเองกลายเป็นเหยื่อให้ราชสีห์จับโยนเล่นเป็นลูกบอล
“ถ้าจะคุยเรื่องนั้น เห็นทีเราคงต้องไปคุยกันที่บ้านคุณหนูโรสแล้วแหละ เพราะว่าเอกสารทุกอย่างที่คุณพ่อคุณหนูทำไว้อยู่ที่นั่นหมดเลย”
“เอกสารที่แกทำขึ้นเพื่อโกงพ่อฉันใช่ไหม”
เอกสาร...ใช่! ถ้าจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างคืนจากภีมะ เธอจะต้องหาหลักฐานการฉ้อโกงของอีตาบ้านั่นให้เจอ
ไม่น่าเลย...ไม่น่าหงุนหันพลันแล่นรีบมาที่นี่เลย ถ้าสงบสติสงบใจสักหน่อย ตอนนี้เธอคงค้นหาหลักฐานการฉ้อโกงของอีตาบ้าภีมะพบแล้ว
เห็นใบหน้าและสายตาของโรสรินทร์แล้วรอยยิ้มก็แต้มบนมุมปากภีมะ ไม่ต้องบอกก็รู้ หญิงตรงหน้าเขากำลังคิดค้นหาเอกสารมาหักล้างความเป็นจริง ถ้ามันมีอยู่และอยู่ที่นั่นจริง ก็คงหาเจอ!
“อ้าว!! พูดแบบนี้ก็สวยซิครับคุณหนูโรส” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเอือมระอาใจ พลางส่ายศีรษะเล็กน้อย “จะกล่าวหาอะไรใคร ควรมีหลักฐานมาอ้างนะครับ” ภีมะคว้าแขนเรียวพาลากไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่
“ปล่อยฉันนะ” โรสรินทร์สะบัดแขนออกจากการจับกุม แต่ก็ไม่หยุด เธอเลยก้มหน้าลงไปจะกัดมือที่บีบลงมาแทน ถ้าไม่ได้ยินเสียงขู่เอาซะก่อน
“ห้ามทำร้ายร่างกายผมอีกนะคุณหนูโรส ถ้าไม่เชื่อละก็...คราวนี้มันคงจะไม่หยุดเพียงแค่จูบ แต่คงจะถึงขั้นนอนกับคุณในห้องนี้แหละ ไม่เชื่อ ลองดูก็ได้นะครับ” ไม่เพียงพูดเปล่า ภีมะยังก้มหน้าลงไปจนปลายจมูกเกือบจะชนเข้ากับแก้มใสซับสีเลือดฝาด
ถึงจะบอกว่าไม่กลัว หากโรสรินทร์ก็กริ่งเกรงกับคำขู่อยู่ไม่น้อย เธอหันไปอีกฝั่งที่ไม่มีใบหน้าและร่างของภีมะ พร้อมความแค้นที่อัดสุมแน่นอยู่ในทรวง
คนอย่างโรสรินทร์ รัตนะบดินทร์ จะพ่ายแพ้หมดรูปอย่างนี้หรือ
ไม่! แค่ตอนนี้เธอเหนื่อยจากการเดินทาง จึงยังไม่มีเรี่ยวแรงพอรับมือภีมะได้ มันก็เท่านั้นเอง รอให้มีโอกาสเสียก่อนเถอะ เธอจะเอาเลือดหัวภีมะออกมาให้จงได้!
“ฉันไม่ทำร้ายนายก็ได้ ถ้านายจะเอามือสกปรกๆ ออกไปจากแขนฉัน” หญิงสาวเบะริมฝีปาก พร้อมมองมือใหญ่อย่างรังเกียจเดียดฉันท์
“ได้ซิครับ ผมตามใจคุณหนูโรสคนสวยอยู่แล้ว” ภีมะบอกยิ้มๆ ไล่สายตามองร่างผอมบางที่หลอกตา สิ่งที่เห็นต่างจากสิ่งที่ได้สัมผัสโดยสิ้นเชิง
“ว่าแต่นอกจากสองเรื่องนี้แล้ว คุณหนูโรสมาพบผมด้วยเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าขอรับ”
โรสรินทร์ใบหน้าแดงก่ำและบึ้งตึง ดวงตาขุ่นขวาง ขบกัดฟันบนริมฝีปาก หายใจแรงและเร็ว เพราะคำถามเล่นลิ้นจากไอ้ตัวร้าย
“ไม่มีแล้ว” เธอตอบไปด้วยน้ำเสียงแห้งแล้งแบบมะนาวไม่มีน้ำ
“เหรอครับ” เขาลากไล้ปลายนิ้วไปบนลำแขนเรียวยาว
“เฮ้อ...ใจแป้วเลยเรา อุตส่าห์คิดว่าคุณหนูโรสจะตอบว่า เพราะฉันทนคิดถึงนายไม่ไหว พอลงจากเครื่องปุ๊บ ก็เลยรีบมาเพื่อจะเห็นหน้านายปั๊บ”
“กรี๊ด...ไอ้บ้า” หญิงสาวผลักร่างหนาให้ห่างจากตัว “ไ*********กเฮ้ย! อย่างฉันนะหรือจะคิดถึงนาย ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ก็แล้วกัน”
“มันก็ไม่แน่นะคุณหนูโรส ผมจะเอาให้คุณคิดถึงผมในชาตินี้แหละ” ชายหนุ่มจับมือเรียวนำมาวางบนตักกว้าง “ตอนนี้ผมหิวแล้ว คุณหนูโรสไปทานอาหารเป็นเพื่อนหน่อยซิ”
“ไม่ยะ นายหิวนายก็ไปกินคนเดียวซิ ฉันกินไม่ลง ถ้าต้องทนเห็นหน้าสะเหล่อๆ อยู่ร่วมโต๊ะอาหารด้วย” โรสรินทร์สะบัดมือออกจากการเกาะกุม และรีบลุกขึ้นเดินฉับๆ ไปคว้ากระเป๋าใบเล็กที่ติดกายมาคล้องไหล่
หมับ!!
“จะรีบไปไหนละคุณหนูโรส ถ้าไม่ไปทานอาหารกับผม ก็เป็นอาหารให้ผมทานละกัน” ภีมะบอกน้ำเสียงยิ้มๆ ก่อนเคลื่อนไปคว้ากายบางมากอดรัด พลางฉกจุมพิตลงไปบนเรียวปากนุ่มอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มกดย้ำเคล้าคลึง...สอดปลายลิ้นแยกเรียวปากอิ่มเต็ม จนสามารถล่วงล้ำเข้าไปลิ้มรสความหวานภายใน ก่อนดึงกระเป๋าใบเล็กออกจากมือเล็กและจับแขนเรียวมาโอบรอบลำคอแกร่ง จากนั้นก็หันไปลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่ม จนพบกับความนุ่มหยุ่นและเต่งตึงที่เพียงสัมผัสลงไปก็ตอบสนองกลับมาทันควัน
“อื้อ...อื้อ...”
โรสรินทร์พยายามหนีอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เธอก็หลุดรอดจากน้ำมือภีมะไม่ได้เลย อีกทั้งยังต้องยินยอมรับสัมผัสเอาแต่ใจที่ชายหนุ่มมอบให้จนเนื้อตัวร้อนผ่าวราวกับอยู่ใกล้กองไฟ ไหนจะความพยายามขับไล่สิ่งแปลกปลอมออกไปจากปากก็ดูจะไม่เป็นผลเอาเสียเลย เป็นการทำให้ภีมะสนุกสนานมากขึ้นด้วย
“อย่าฝืนความต้องการของตัวเองซิหนูโรส” ชายหนุ่มกอดรัดร่างกลมกลึงแนบชิด ฝ่ามือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลเนียนนุ่มอย่างย่ามใจ
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้าภีมะ” ดูเหมือนยิ่งเธอต่อต้านไปมากเท่าไหร่ แรงสัมผัสที่ทุ่มลงมาหนักขึ้นเท่านั้น ภีมะทำให้เธอป่วนปั่นจนสองขาสั่น เผลอจิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังกว้างและลากแรงๆ ระบายความรัญจวนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“โธ่...คุณหนูโรส ผมขอจูบคุณอีกนิดนะ” ชายหนุ่มออดอ้อนเสียงนุ่มทุ้ม “ผมอยากทำอย่างนี้...อยากจูบคุณมาตั้งนานแล้ว” ใช่! เขาอยากคลอเคลียจูบโรสรินทร์ตั้งแต่แรกเจอ เธอทำให้เขาปรารถนาอยากเข้าใกล้ แนบชิดเพียงแต่ได้มองใบหน้าสวยใสราวกับเด็กมัธยม
“ผมอยากสัมผัส...อยากเห็นคุณ” เขารีบปลดกระดุมเสื้อหญิงสาวออก พร้อมดันกรวยที่ปกปิดสองเต้าเต่งตึงโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี เพื่อจะได้ชื่นชมความสวยงามตรงหน้าอย่างชัดเจน
“อืม...” ภีมะถึงกับร้องครางในลำคอ เขาเคยแต่จินตนาการถึงทรวงอกโรสรินทร์ จะงดงามชวนจับต้องแค่ไหน ที่เอาเข้าจริงๆ ที่คิดไว้มันห่างไกลโดยสิ้นเชิง ทรวงอกอิ่ม กลมกลึงและชูชันยั่วยุให้เขาอยากซุกไซ้คลอเคลีย
“สวยมากเลยครับคุณหนูโรส ผมเฝ้าคิดว่าถ้าได้สัมผัส...” ฝ่ามือหนาทาบลงไปบนเต้ากลมกลึง ปลายนิ้วไล้บนปลายยอดนุ่ม
“หยุด...หยุดนะไอ้ภีมะบ้า!” ถ้าเขาโจมตีทางอื่น เธอยังพอจะตั้งรับและโต้กลับเอาคืนได้ แต่อีตาบ้าภีมะเล่นแนบชิดถึงเนื้อถึงตัว สร้างความปั่นป่วนจนไม่รู้จะรับมืออย่างไรดี
“ถ้าจะให้ผมหยุด ก็ขึ้นอยู่กับคุณหนูโรสนั่นแหละครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมแนบใบหน้าลงไปคลอเคลียซอคอนุ่ม ขบกัดผิวเนื้อนวลนุ่มหอม ก่อนเคลื่อนจุมพิตเรื่อยลงไปจนถึงสองปทุมถันที่ไหวชูช่ออยู่
“จะยอมไปทานอาหารกับผม หรือเราจะอยู่กันในห้องนี้...ให้ผมได้เห็น ได้สำรวจ สัมผัสคุณหนูโรสแบบแนบชิด ทุกซอกทุกมุม”
มือหนึ่งฟอนเฟ้นทรวงอกอวบอิ่ม พร้อมเคลื่อนใบหน้าไปจนปากหนาสัมผัมกับยอดทรวงสีชมพู
“ที่ผมอยากให้เป็นอย่างหลังนะครับ...เรามาทำความรู้จักกันอย่างใกล้ชิด ทุกซอกทุกมุมดีกว่านะครับ”
เขาตวัดจะงอยถันเข้าปาก พร้อมใช้ปลายลิ้นตวัดไล้ปลายยอด หยอกเย้าจากเชื่องช้าเป็นถี่รัว
“ไม่! หยุดนะไอ้บ้าภีมะ”
โรสรินทร์ตัวสั่น แทนที่ภีมะจะหยุด เขายังลูบไล้ฝ่ามือลงไปเรื่อยๆ โดยที่เธอไม่รู้เหมือนกันว่ากระโปรงกระชับตัวได้ร่นไปกองอยู่บนเอวคอดกิ่ว
“แต่ผมยังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการเลยนี่น่า” นิ้วยาวไล้คลึงผิวเนื้อนวลเนียนนุ่มลงไปเรื่อยๆ จวบจนถึงหน้าท้องแบนราบเรียบ
“แกก็หยุดทำบ้าๆ อย่างนี้ก่อนซิ” โรสรินทร์ห้ามเสียงสั่น รีบไล่ตามมือที่เคลื่อนลงไปวางนิ้วบนกุหลาบอวบอูม แม้จะมีเสื้อผ้าปกปิด แต่ความร้อนจากมือภีมะกลับสามารถแทรกซึมไปถึงส่วนกายอันอ่อนไหว ไหนจะสัมผัสที่ยังคงแนบอยู่บนทรวงอีกเล่า ทำให้เธอปั่นป่วน สมองก็เริ่มจะไม่สั่งการแล้วด้วย