เมื่อสหายรักซึ่งคบหากันตั้งแต่ยังเป็นศิษย์ร่วมสำนักศึกษาอู๋จี้ ซึ่งมาจากแคว้นเฉิงฮั่นที่มีบริเวณเขตชายแดนอยู่ติดกับเทียนหยวน และยังเป็นเมืองพี่เมืองน้องเพราะมีการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น ตั้งแต่ชนชั้นเชื้อพระวงศ์และขุนนางระดับสูงของทั้งสองแคว้นมาโดยตลอด และยังรวมไปถึงสี่แคว้นที่มีชายแดนอยู่ติดกับเทียนหยวนก็ใช้วิธีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีทั้งหมด
ในขณะเดียวกันที่ตระกูลตงฟางน้องสาวเพียงคนเดียวของตงฟางลี่หยาง นามว่าตงฟางเหมยฮัวหลงรักซุนเหว่ยอี้อย่างหัวปักหัวปำ นางต้องการที่จะแต่งงานออกเรือนเข้าจวนตระกูลซุนเพื่อมาเป็นฮูหยินเอกของซุนเหว่ยอี้
ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายถ่วงเวลาและไม่พูดถึงเรื่องการแต่งงานออกเรือนไปกับน้องสาวของเพื่อนสนิท โดยให้เหตุผลว่า “ต้องการเวลาที่พร้อมกว่านี้” ทำให้ตงฟางเหมยฮัวเฝ้ารอคอยอย่างมีความหวังและน้อยใจคนรักของนางเป็นอย่างมาก
สืบเนื่องมาจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตงฟางเหมยฮัว ถูกซุนเหว่ยอี้หลอกใช้เพื่อต้องการทำลายเทียนหยวน เป้าหมายเพื่อปลดแอกแผ่นดินเฉิงฮั่นให้เป็นอิสระไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของเทียนหยวนอีกต่อไป และแผนการดังกล่าวจะสำเร็จลงได้ต้องทำลายแม่ทัพใหญ่จากตระกูลตงฟางให้พินาศย่อยยับ ซึ่งหลายครั้งหลายคราแม่ทัพหนุ่มผู้กล้าสามารถเอาชีวิตรอดมาจากแผนลอบสังหารในระหว่างการทำศึกระหว่างแค้นน้อยใหญ่มาได้ทุกครั้ง
จวบจนกระทั่งซุนเหว่ยอี้ใช้แผนเล่นงานเพื่อนรักโดยใช้ความรักของตงฟางเหมยฮัวที่มีต่อเขาดังกล่าว เข้ามาตีสนิทและหลอกล่อจนนางหลงรักหมดหัวใจยอมทำตามอย่างง่ายดายไม่ว่าจะสั่งให้ทำอะไรราวกับเป็นคนโง่ที่ดวงตามืดบอดเพราะความรักเข้าครอบงำ อีกทั้งฉวยโอกาสลักลอบมีสัมพันธ์สวาทกับตงฟางเหมยฮัวจนนางลุ่มหลงยากนักที่จะถอนตัว
ซุนเหว่ยอี้ใช้ความรักของตงฟางเหมยฮัวจนสามารถส่งคนของตัวเองเข้าแทรกซึมอยู่ภายในจวนตงฟางได้เป็นผลสำเร็จเพื่อสืบความเคลื่นไหวของตงฟางลี่หยางทุกฝีก้าว ทั้งนี้เพื่อวางแผนลอบสังหารขุนพลหนุ่มของเทียนหยวน ตงฟางลี่หยางไม่ล่วงรู้เลยว่าซุนเหว่ยอี้เพื่อนรักของเขาแท้จริงแล้วหาได้มีชื่อเสียงเรียงนามดังกล่าว
แต่ในความเป็นจริงแล้วสหายรักคือองค์ชายแปดของแคว้นเฉิงฮั่น พระนามว่ามู่หรงฉี เพื่อตำแหน่งรัชทายาทของแผ่นดินเฉิงฮั่น จึงต้องการสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ให้กับพระองค์
ดังนั้นแผนการทำลายล้างความมั่นคงภายในกับกองทัพของเทียนหยวนให้สูญสิ้นจึงบังเกิดขึ้น ชีวิตของตงฟางลี่หยางจึงเป็นเป้าหมายที่ต้องการมาเป็นอันดับแรก และเมื่อสามารถสังหารแม่ทัพชื่อก้องสิ้นชื่อลงได้เป็นผลสำเร็จแล้ว แผ่นดินเทียนหยวนก็จะไร้สิ้นผู้นำกองทัพ
ด้วยเหตุนี้ตงฟางเหมยฮัว จึงเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่องค์ชายแปดแห่งเฉิงฮั่นได้วางหมากเอาไว้ เพื่อต้องการจะเข้าถึงตัวตงฟางลี่หยางได้อย่างใกล้ชิด ด้วยเพราะแม่ทัพลี่หยางเหลือน้องสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น ในขณะที่ตงฟางลี่เช่ผู้เป็นบิดาได้จากไปแล้วเมื่อห้าปีก่อน ส่วนเย่วฮูหยินได้จากไปเมื่อครั้งตงฟางเหมยฮัวมีอายุเพียงแค่ห้าขวบเท่านั้น
องค์ชายแปดมู่หรงฉีส่งคนเข้าแทรกซึมจนสามารถเข้าไปเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของตงฟางเหมยฮัว และได้แอบลักลอบส่งข่าวความเคลื่อนไหวของตงฟางลี่หยางที่ล่วงรู้มาจากจดหมายที่สองคนพี่น้องจะใช้นกอินทรีติดต่อสื่อสารระหว่างกันอยู่เป็นประจำ และสายข่าวขององค์ชายแปดก็ได้ส่งข่าวสำคัญของแม่ทัพหนุ่มแห่งเทียนหยวนให้พระองค์ได้ล่วงรู้
ทันทีที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูคนงามให้อยู่รับใช้อย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งเวลาส่งจดหมายไปกับอินทรีสื่อสารและเพราะด้วยเหตุนี้เอง โอกาสจึงมาถึงองค์ชายแปดหลังจากที่เฝ้ารอคอยมาโดยตลอด เมื่อตงฟางลี่หยางเคลื่อนทัพบ่ายหน้ามาที่เมืองเป่ยเยี่ยนเพื่อยึดเมืองดังกล่าวซึ่งเต็มไปด้วยบ่อน้ำดินดำมาให้กับเทียนหยวน หลังจากตีเมืองรอบนอกจนมาถึงเป่ยเยี่ยนเป็นผลสำเร็จ
ในขณะเดียวกันหลังจากที่องค์ชายมู่หรงฉีทรงล่วงรู้ว่า ตงฟางลี่หยางกำลังบ่ายหน้านำทัพขึ้นแดนเหนือเพื่อเข้ายึดเมืองเป่ยเยี่ยน ซึ่งมีน้ำดินดำเป็นขุมคลังมหาศาลมาไว้ในกำมือ และตงฟางเหมยฮัวออกจากจวนใหญ่อันเป็นที่พำนักของนางเดินทางมาที่เมืองเป่ยเยี่ยนเพื่อสกัดน้ำดินดำนั้นนำออกมาใช้ และการเดินทางไกลของตงฟางเหมยฮัวเพื่อทำหน้าที่ของนางมอบความมั่งคั่งให้แก่เทียนหยวนเป็นโอกาสให้มู่หรงฉีลงมือตามแผนที่วางเอาไว้
มู่หรงฉีเร่งนำทัพเฉิงฮั่นเข้าบุกยึดเมืองเป่ยเยี่ยนชิงตัดหน้ากองทัพของเทียนหยวน และวางแผนรับมือตงฟางลี่หยางโดยมีคนรักของตัวเองเป็นตัวประกันหลังจากชิงตัวนางในระหว่างการเดินทางมาสมทบกับพี่ชาย และแม่ทัพผู้กล้าก็พลาดท่าเสียทีให้แก่ศัตรูเป็นครั้งแรกหลังจากถูกสังหารด้วยกำยานพิษจนทหารภายในกองทัพล้มตายลงไปเป็นจำนวนมาก
ในขณะที่ตงฟางลี่หยางใช้กำลังภายในสกัดพิษร้ายจนสามารถรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด แต่พลังวรยุทธ์หดหายไปเกือบหมดเพราะถูกพิษร้ายดังกล่าวทำลาย
และเพื่อนรักทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันอีกครั้งในรอบหลายปีโดยมีกำแพงของเมืองเป่ยเยี่ยนขวางกั้นระหว่างกลางเป็นเกราะคุ้มภัยให้กับมู่หรงฉีที่กำลังเฝ้ายืนมองร่างของตงฟางลี่หยางชุ่มโชกไปด้วยหยาดโลหิตสีแดงฉานอย่างพึงพอใจ
“เจ้าช่างแข็งแกร่งเกินกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากเลยเชียวนะลี่หยาง! ถูกพิษของข้าแต่ก็ยังสามารถรอดชีวิตมาได้ ในขณะที่กองทหารของเจ้าล้มตายเกลื่อนกลาดอยู่ตรงหน้าประตูเมืองเต็มไปหมด!”มู่หรงฉีตะโกนก้องถามกลับไป
ในขณะที่แม่ทัพผู้กล้ายืนถือหอกยาวที่เต็มไปด้วยเลือดแดงฉานอาบเต็มคมหอกและด้ามยาว ยืนจ้องร่างของอดีตเพื่อนที่เคยรักและคิดว่าเป็นเพื่อนแท้มาโดยตลอด เส้นผมสีดำยาวสยายตกลงปรกหน้าหลังจากที่ต้องสังหารทหารของเฉิงฮั่นด้วยพลังวรยุทธ์ที่เหลือเพียงน้อยนิดถึงสองวันเต็มๆ
ตึง! ด้ามหอกกระแทกลงบนพื้นดินอย่างแรงเพื่อใช้เป็นหลักยึดเหนี่ยวร่างใหญ่โตของตงฟางลี่หยางเอาไว้
“เพราะอะไรเจ้าจึงทำเช่นนี้เหว่ยอี้!!!”ลี่หยางตะโกนกึกก้องถามอีกฝ่ายกลับไปที่กำลังยืนอยู่บนกำแพงเมือง
ในขณะที่ชื่อแซ่ลวงที่ตะโกนออกมานั้นได้สร้างความขบขันให้แก่องคชายแปดแห่งต้าเยี่ยนเสียเต็มประดา
“นี่เจ้ายังคงคิดว่าข้ามีชื่อแซ่นามนั้นอยู่อีกอย่างนั้นเหรอลี่หยาง! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้ากับข้าคือศิษย์จากสำนักอู๋จี๋เช่นกัน เป็นอย่างไรรสชาติของความพ่ายแพ้ได้ลิ้มลองแล้วรู้สึกดีหรือไม่ไอ้หน้าโง่!”มู่หรงฉีตะโกนถามกลับไป
“เจ้า...!!!!”เสียงคำรามลั่นดังออกมาจากลำคอ
“เจ้าคนโฉดชั่วใช้แซ่และนามลวงปกปิดตัวตนที่แท้จริงเอาไว้เป็นเสียยิ่งกว่าคนขลาด คิดหรือว่าข้าจะไม่ล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วเจ้ามาจากที่ใดกันแน่ ในเมื่อเป็นชาวเฉิงฮั่นและยังสามารถมีกองทหารนับเรือนหมื่นวางแผนมาทำลายกองทัพของข้าได้ ชาวเฉิงฮั่นเก่งกาจในการลอบแทงข้างหลังและชอบใช้วิธีสุนัขลอบกัดผู้อื่นยิ่งนักซึ่งเป็นนิสัยของฮ่องเต้เฉิงฮั่น มู่หรงเฉียนบิดาของเจ้า!!!”
“หุบปาก! เจ้าคนชั้นต่ำบังอาจกล่าววาจาบจ้วงเสด็จพ่อของข้า! ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงยิ่งนัก ดีเท่าไรแล้วที่ข้าลดตัวลงไปคบหาเป็นสหาย ในเมื่อคาดเดามาได้เกินครึ่งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้าให้ล่วงรู้ความจริง ก่อนที่ชีวิตของเจ้าจะดับดิ้นฝังร่างทิ้งไว้ที่เมืองเป่ยเยี่ยนแห่งนี้ว่าแท้จริงแล้วข้าคือมู่หรงฉี องค์ชายแปดแห่งเฉิงฮั่น!!!”
ฮึ่ม!!!! เสียงคำรามลั่นดังออกมาจากลำคอของแม่ทัพใหญ่ผู้กล้าครั้นได้ล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของอดีตสหายรัก
“มู่หรงฉี...องค์ชายแปดแห่งเฉิงฮั่นอย่างนั้นหรอกเหรอ”แม่ทัพพูดพูดลอดไรฟัน
กรอดดด!!!! ฟันกรามขบเข้าหากันจนแน่นจนเห็นเป็นแนวสันปูดปูน ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไรก่อนจะค่อยๆ แผดเสียงหัวเราะดังกึกก้องได้ยินไปทั่วบริเวณหน้าประตูเมือง
“หัวเราะอะไรเจ้าลูกเต่าลี่หยาง!!!!”มู่หรงฉีตวาดถามเสียงกึกก้องอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นแม่ทัพเทียนหยวนยังมีอารมณ์ส่งเสียงหัวเราะอย่างขบขันดั่งเช่นเมื่อครู่ที่ผ่านมา
ในขณะที่ดวงตาสีนิลกาฬคมกริบยังคงจับจ้องตรงไปที่ร่างขององค์ชายแห่งเฉิงฮั่น อดีตสหายเลวที่กำลังยืนหน้าสั่นกระพืออย่างไม่สบอารมณ์ทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันของอดีตสหายเช่นนั้น
“ทำไม! เจ้าทนฟังเสียงหัวเราะของบิดาไม่ได้แล้วอย่างนั้นเหรอไอ้ลูกเต่ามู่หรงฉี!!!!!”ตงฟางลี่หยางก่นด่าตอกหน้ากลับไปเช่นกัน
คำด่าทอที่ตอกหน้ากลับมาดังกล่าวเล่นเอาองค์ชายแปดจากเฉิงฮั่น หน้าสั่นกระพือขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น
“สามห้าว! กล้าใช้ถ้อยคำเช่นนี้กับข้าอย่างนั้นเหรอช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาเสียเลย ว่าเจ้าเป็นใครและข้าเป็นใครไอ้คนถ่อย!!!!”มู่หรงฉีตวาดกึกก้อง
“ฟ้าสูงแล้วอย่างไร! ในเมื่อเกิดมาแล้วแต่ทำตนต่ำตมไม่ต่างอะไรไปจากเหล่าไพร่สารเลว ตระกูลมู่หรงของเจ้าไม่มีทางที่จะเป็นอิสระไปจากเทียนหยวนไปได้! แคว้นของเจ้าจะต้องตกเป็นเมืองรองอยู่เช่นนี้ไปตลอดกาลไม่อาจผงาดขึ้นมาอยู่เหนือกว่าแคว้นใดได้ ตราบใดที่ข้าตงฟางลี่หยางยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่มีทางที่น้ำหน้าอย่างเจ้าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ!!!”
คำด่าทอที่ตอกหน้าสวนกลับมานั้นเล่นเอาองค์ชายจากเฉิงฮั่นตาลุกโชนขึ้นมาทันใด
“อย่างนั้นเหรอ! ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าวันนี้เจ้าจะมีปัญญาสามารถเอาชีวิตรอดไปได้หรือเปล่า...ทหาร!!!!”ประโยคสุดท้ายมู่หรงฉีตะโกนก้องสุดเสียง
ทันทีที่เสียงตะโกนดังกระหึ่มส่งสัญญาณขึ้นมาเช่นนั้น
ควับ! ควับ! ควับ!!! โซ่ตรวนที่มีความยาวถูกเหวี่ยงออกมาอย่างรวดเร็วตรงเข้าตรึงสองแขนและรวบบริเวณลำคอใหญ่ของตงฟางลี่หยางก่อนจะถูกดึงเอาไว้อย่างแน่นหนา
ผึง!!!! โช่ทั้งสามดึงรั้งจนทำให้สองแขนใหญ่ของแม่ทัพเทียนหยวนกางออกจนสุดแขน บริเวณลำคอก็ถูกรัดแน่นเอาไว้ไม่ต่างกันพร้อมเสียงหัวเราะกึกก้องดังแทรกขึ้น
“เจ้าจะถูกจับแยกร่างออกเป็นห้าส่วน ตอนนี้ถูกตรึงไว้สามส่วนแล้วเหลืออีกสองส่วนก็คือขาทั้งสองข้าง หากแต่ก่อนที่จะตายข้าจะให้คนเช่นเจ้าได้มีโอกาสเห็นอะไรบางอย่างเสียก่อนลี่หยาง!!!”มู่หรงฉีพูดพลางแสยะยิ้มหยามเหยียด
“เอาตัวนางออกมา!!!”เสียงสั่งการดังก้องออกมาทันทีท่ามกลางความงงงันของแม่ทัพใหญ่แห่งเทียนหยวนครั้นได้ยินเช่นนั้น
ร่างเล็กบอบบางค่อนข้างไปทางผอมบางของตงฟางเหมยฮัว ถูกพันธนาการอย่างแน่นหนากำลังเดินตามแรงลากของทหารเลวจากเฉิงฮั่นที่ดึงรั้งร่างน้อยๆ ดังกล่าวโดยมีผ้าปิดตาและถูกไม้ขนาดพอดีกับปากคาบเอาไว้คาดด้วยเชือกผูกรั้งไว้ไปที่บริเวณท้ายทอย
และทันทีที่ร่างของตงฟางเหวยฮัวปรากฏตัวออกมานั้น ดวงตาแข็งกร้าวของคนเป็นพี่ชายเบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างยิ่งยวดเมื่อเห็นน้องสาวเพียงคนเดียวปรากฏกายอยู่บนกำแพงเมืองเป่ยเยี่ยนในเวลานี้
“เหมยฮัว!!!!”ตงฟางลี่หยางร้องเรียกน้องสาวของเขาออกมาจนสุดเสียง
ในขณะที่คนเป็นน้องจดจำเสียงของพี่ชายได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ได้พานพบหน้ากันมานานกว่าสามปีแล้วก็ตาม
“เอาผ้าปิดตาออกและดึงไม้คาบปากออก! นางจะได้เห็นสภาพของพี่ชายว่าพบกับจุดจบอย่างไรและจะได้สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย”มู่หรงฉีสั่งการกับทหาร
พรึบ! ผ้าปิดตาถูกดึงออกตามคำสั่งอย่างรวดเร็วพร้อมสภาพของแม่ทัพใหญ่แห่งเทียนหยวนปรากฏอยู่ตรงหน้าตงฟางเหมยฮัวจนเต็มสองตาอยู่ในเวลานี้
“พี่ใหญ่!!!!”ตงฟางเหมยฮัวร้องเรียกพี่ชายของนางจนสุดเสียงทันทีที่ได้เห็น
“เหมยฮัว!!!”ตงฟางลี่หยางเพรียกหาน้องสาวคนเดียวของเขา