ใบหน้างามส่ายไปมาติดต่อกันเมื่อได้เห็นสภาพของพี่ชายถูกแส้จับตรึงร่าง ตงฟางเหมยฮัวล่วงรู้โดยทันทีว่าพี่ชายของนางกำลังถูกม้าจับแยกร่างเพื่อสังหารศัตรูที่มีพลังวรยุทธ์สูง
“ไม่นะพี่ใหญ่! เหตุใดพี่ใหญ่ของข้าต้องกลายไปเป็นเช่นนี้ได้! ซุนเหว่ยอี้ท่านทำเช่นนี้ทำไม!”ตงฟางเหมยฮัวตวาดถามคนรัก
ร่างเล็กบอบบางหันกลับไปเผชิญหน้าองค์ชายแปดแห่งเฉิงฮั่นเพื่อรอคำตอบ พร้อมเสียงของตงฟางลี่หยางตะโกนก้องแทรกขึ้นมาจากพื้นดินเบื้องล่างกำแพงเมือง
“ซุนเหว่ยอี้เป็นนามลวง คนผู้นั้นแท้จริงแล้วคือองค์ชายแปดแห่งเฉิงฮั่นนามว่ามู่หรงฉี! และทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นนี้เป็นแผนชั่วที่จะทำลายข้าและเทียนหยวนเพื่อแยกแผ่นดินออกไป!!!”ตงฟางลี่หยางตะโกนบอกน้องสาว
ในขณะที่คนฟังถึงกับยืนนิ่งงันไม่ไหวติงครั้นได้ยินพี่ชายของนางกล่าวเช่นนั้นออกมา ดวงตาจับจ้องอยู่แต่ใบหน้าของชายคนรักที่นางรักมั่นอย่างสุดหัวใจมาโดยตลอด
“เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอ! ว่าท่านคือองค์ชายจากแคว้นเฉิงฮั่นตามคำกล่าวของพี่ใหญ่ข้า”นางถามย้ำกลับไปเพื่อให้แน่ใจ
ข้างฝ่ายมู่หรงฉี ยิ้มเหยียดขึ้นที่มุมปากพร้อมเหลือบมองสตรีร่างเล็กที่พลาดท่ามาหลงรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว
“ใช่แล้วทำไมเหรอเหมยฮัว เจ้าไม่ยินดีหรืออย่างไรว่าแท้จริงแล้วผู้ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าในเวลานี้ก็คือองค์ชายแปดแห่งเฉิงฮั่นและต่อไปจะได้สถาปนาขึ้นเป็นรัชทายาททันทีที่ข้าสังหารพี่ชายของเจ้าเป็นที่เรียบร้อย”
มู่หรงฉีกล่าวถ้อยประโยคออกมาอย่างไม่สะทกสะท้านพร้อมแสยะยิ้มเหยียดอย่างดูแคลนสตรีร่างเล็กที่กำลังยืนจ้องหน้าของตนเขม็งอยู่ในเวลานี้
“จ้องหน้าอยู่เช่นนี้คงกำลังตกใจมากสิท่าที่ได้ล่วงรู้ฐานะอันแท้จริงของข้า เอาเถิดเดี๋ยวก็ชินไปเองต่อไปเจ้าจะต้องอยู่เคียงข้างกายข้าตลอดเวลาเพื่อใช้ความสามารถของเจ้าที่มีอยู่นำน้ำดินดำออกมาใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเฉิงฮั่น มีเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ล่วงรู้ดีว่าจะนำเจ้าน้ำสีดำเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์และเพิ่มความมั่งคั่งให้แก่แคว้นที่ยึดครองเอาไว้ได้อย่างไรบ้าง”มู่หรงฉีบอกผู้หญิงที่หลงรักเขากลับไป
หากแต่คำกล่าวขององค์ชายจากเฉิงฮั่นกลับไม่ได้ทำให้ตงฟางเหมยฮัวรู้สึกยินดีแต่อย่างใด เมื่อล่วงรู้ฐานะอันแท้จริงของอีกฝ่ายเช่นนั้น เพราะนั่นก็หมายความว่าที่ผ่านมาทั้งหมดนางถูกหลอกใช้มาโดยตลอด
“แสดงว่าที่ผ่านมาทั้งหมดท่านหลอกข้ามาโดยตลอดหรือนี่! รวมไปถึงหลอกล่อให้ข้าหลงรักท่านจนมอบกายและหัวใจไปให้ทั้งหมดเพียงเพื่อให้บรรลุในสิ่งที่ท่านต้องการอย่างนั้นละสิ!”นางถามย้ำกลับไป
และคำถามของตงฟางเหมยฮัวได้สร้างความรำคาญให้แก่มู่หรงฉีอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“เพิ่งรู้เอาตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ...เพราะถึงอย่างไรเสียเจ้าก็กลายเป็นคนของข้าไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าล่วงรู้และเก็บงำความลับเอาไว้ก็จะต้องบอกกับข้าออกมาทั้งหมดซึ่งเป็นสามีของเจ้า”มู่หรงฉีบอกอีกฝ่ายกลับไป
และคำกล่าวขององค์ชายแปดจากเฉิงฮั่นได้สร้างเสียงหัวเราะขบขันให้แก่ตงฟางเหมยฮัวขึ้นมาทันใดครั้นนางได้ยินเช่นนั้น
“หัวเราะอะไร!!!”องค์ชายจากเฉิงฮั่น ตะคอกถามกลับไปก่อนจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายตอบกลับมา
“ที่แล้วมาท่านไม่เคยยอมรับว่ามีความสัมพันธ์เช่นสามีภรรยากับข้ามาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ เหตุใดในเวลานี้จึงมาอ้างสิทธิเช่นนี้กับข้าได้ ท่านคิดว่าเมื่อข้าได้ยินเช่นนั้นจะรู้สึกยินดีจนเนื้อเต้นและหลงเชื่ออย่างงมงายในคารมของท่านอย่างนั้นอยู่อีกเหรอ”ตงฟางเหมยฮัวตอกหน้าอีกฝ่ายกลับไปเมื่อนางล่วงรู้เท่าทันความคิดคนโฉด
“เจ้าหมายความว่าอย่างไงเหมยฮัว!”มู่หรงฉีเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นยะเยียบ
“ข้าไม่จำเป็นต้องตอบ! แต่จงล่วงรู้เอาไว้เถอะว่าหากต้องการล่วงรู้ความลับของน้ำดินดำในเมืองเป่ยเยี่ยนนี่แล้วละก็ ท่านจะต้องปล่อยพี่ใหญ่ของข้าให้เป็นอิสระเดี๋ยวนี้! หาไม่แล้วอย่าหวังเลยว่าจะได้ล่วงรู้อะไรออกมาจากปากของข้าทั้งสิ้น”นางข่มขู่เพื่อต้องการให้ปลดปล่อยพี่ชายให้เป็นอิสระ
ข้างฝ่ายมู่หรงฉียืนจ้องหน้าสตรีร่างเล็กที่กำลังใช้ความลับของน้ำดินดำมาเจรจาต่อรองเพื่อให้ปลดปล่อยแม่ทัพของเทียนหยวนให้รอดพ้นไปจากเงื้อมมือ
“คิดหรือว่าคนเช่นเจ้าจะอยู่ในฐานะที่สามารถเจรจาต่อรองกับข้าได้ หากข้าต้องการให้ตายก็จะต้องตาย! หากต้องการจะให้มีชีวิตรอดต่อไปก็ขึ้นอยู่กับข้า! ไม่ใช่มาจากเจ้า!”องค์ชายจากเฉิงฮั่นพูดเสียงเย็นยะเยียบพลางสูดลมหายใจเข้าไปในปอดของตัวเองจนลึก
“เอาธนูมาให้ข้า!”เสียงเรียกหาอาวุธสังหารดัง
“นี่ท่านจะทำอะไร!”ตงฟางเหมยฮัวถามสวนกลับไป
“อยากรู้อย่างนั้นเหรอ! เช่นนั้นข้าก็จะให้คนเช่นเจ้าล่วงรู้ว่าอย่าหาญกล้าคิดต่อรองสิ่งใดกับข้าโดยเฉพาะชีวิตของพี่ชายเจ้า!”สิ้นเสียงของมู่หรงฉี มือหยาบหนาคว้าคันธนูพร้อมลูกดอกขึ้นสายพร้อมง้างจนสุดแขนท่ามกลางเสียงหวีดร้องของตงฟางเหมยฮัว
“อย่าทำอะไรพี่ใหญ่ของข้า! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!!”เสียงร้องห้ามดังออกมาด้วยความตกใจพร้อมรอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์ชายจากเฉิงฮั่น
“ปลดเสื้อเกราะออกให้หมด!!! ข้าอยากทดสอบแม่ทัพใหญ่ของเทียนหยวนผู้นี้เสียหน่อย ว่าจะมีเนื้อหนังหนาทนทานคมหอก คมดาบและคมธนูได้สักกี่มากน้อยกันเชียว”มู่หรงฉี ออกคำสั่งเสียงดังกระหึ่ม
“เจ้าคนถ่อย!!!”ตงฟางลี่หยางส่งเสียงคำรามลั่นออกมาทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น
ทหารจำนวนหนึ่งเดินตรงมาที่ร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพเทียนหยวนพร้อมปลดชุดเกราะอย่างดีสำหรับระดับแม่ทัพใหญ่เท่านั้นที่จะนำมาสวมอยู่บนร่างจนเหลือเพียงชุดตัวยาวด้านในสีดำทะมึน ท่ามกลางสายตาของอดีตสหายรักที่กำลังยืนมองอย่างพึงพอใจ
“จงดูพี่ชายของเจ้าว่าจะต้องถูกทรมานอย่างไรบ้าง! ปล่อยให้เป็นอิสระอย่างนั้นเหรอ สิ่งเดียวที่จะทำให้รอดพ้นก็คือความตายที่จะได้รับจากข้าเท่านั้น!!!”สิ้นเสียงของมู่หรงฉี
ฟิ้วววว!!!! เสียงหวีดหวิวขับเคลื่อนแหวกว่าย เมื่อลูกธนูถูกปล่อยออกไปทันทีพุ่งทะยานตรงไปที่ร่างของแม่ทัพใหญ่ของเทียนหยวนที่กำลังถูกตรึงร่างเอาไว้อยู่กับที่ ยืนเป็นเป้านิ่งอย่างดีรอรับลูกธนูดังกล่าว
“อย่า!!!!”ตงฟางเหมยฮัวร้องตะโกนก้องออกมาด้วยความตกใจสุดขีด
ฉึก!!!! ลูกธนูพุ่งตรงเสียบเข้าบริเวณยอดอกของตงฟางลี่หยางจนปักลึกทะลุไปทางด้านหลังเลยทีเดียว
พรืดดดด!!! แม่ทัพหนุ่มถึงกับกระอักโลหิตแดงฉานออกมาทันที ท่ามกลางเสียงร้องของน้องสาว
“พี่ใหญ่!!!!”ตงฟางเหมยฮัวร้องเรียกพี่ชายจนสุดเสียงพร้อมตัดสินใจออกมาอย่างเด็ดขาด
“ข้ายอมแล้ว! หยุดทำร้ายท่านพี่ของข้า แล้วเจ้าจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างมู่หรงฉี!!!”ตงฟางเหมยฮัวตะโกนบอกคนโฉด
ในขณะที่คนเป็นพี่ชายค่อยๆ เงยหน้ามองขึ้นไปบนกำแพงเมืองพลางส่ายหน้าไปมาติดต่อกัน
“จะ...จะ...เจ้า..ยะ...อย่าทำเช่นนั้น...ฮะ...ฮัว...ฮัวเอ๋อ”ตงฟางลี่หยางพยายามบอกน้องสาว
ทว่าเสียงที่ออกไปนั้นกลับบางเบาดั่งเช่นเสียงกระซิบแผ่วก็ว่าได้ ดวงตายังคงจับจ้องน้องสาวที่อยู่บนกำแพงเมืองตลอดเวลาด้วยเป็นห่วงนางอย่างยิ่งยวด
ในขณะที่ตงฟางเหมยฮัวเฝ้ามองพี่ชายของนางอยู่ตลอดเวลาเช่นกันและล่วงรู้ความรู้สึกที่แสดงออกมาจากสีหน้าและแววตาทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ว่าพี่ชายของนางกำลังรู้สึกอย่างไรแม้ว่าจะไม่ได้ยินถ้อยคำก็ตาม
“ข้าขอโทษพี่ใหญ่! เป็นเพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของฮัวเอ๋อ ที่หลงรักคนผิดจนทำให้ท่านตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”
ตงฟางเหมยฮัวคร่ำครวญอยู่ภายในใจ พร้อมเปลือกตาปิดลงอยู่เพียงครู่ก่อนจะเปิดขึ้นมาอีกครั้งราวกับว่าได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเพื่อลงมือทำอะไรบางอย่าง