“เจ้ากำลังทำอะไร!”ลี่หยางถามกลับไปทันทีครั้นเห็นโลหิตแดงฉ่นกำลังไหลออกจากกายของหมอหญิงเช่นนั้น
“ก็กำลังถ่ายเลือดของข้าให้กับท่านอยู่นะสิ ท่านแม่ทัพเสียเลือดไปมากตรงได้เลือดเข้าสู่ร่างกายอย่างน้อยสามถุงเพื่อให้ท่านฟื้นตัวได้เร็ว อีกอย่างเลือดของท่านหายากมากพอดีข้ามีหมู่เลือดตรงกันกับท่านและไม่มีโรคภัยอะไรด้วย ก็เลยสามารถให้เลือดกันได้”หลิงลี่ย่าอธิบายกลับไปโดยไม่คิดอะไรแม้แต่น้อย
“ท่านหมอ!!!”หงอี้เอ่ยออกมาทันทีเมื่อหญิงสาวพูดจบ
ในขณะที่ตงฟางลี่หยางซึ่งกำลังจับจ้องสตรีตรงหน้าตาไม่กะพริบอยู่ในเวลานั้น ครั้นได้ยินคำตอบของนางกลับมาเช่นนั้นก่อนจะเอ่ยคำถามบางอย่างกลับไป
“เจ้าล่วงรู้หรือไม่ว่าข้าคือผู้ใด”ลี่หยางถามน้ำเสียงจริงจังและเน้นหนัก
หลิงลี่ย่าส่ายหน้าไปมาติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น
“ข้าไม่รู้หรอกว่าท่านเป็นใคร และมาจากไหน ในเมื่อข้าเป็นหมอมีหน้าที่รักษาคนเจ็บป่วย ไม่ว่าคนผู้นั้นจะยิ่งใหญ่คับฟ้ามาจากไหนหรือยากดีมีจนเป็นยาจกหรือขอทานมาอย่างไรก็ตามแต่ ข้ารักษาให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันไม่แบ่งชนชั้น”
หญิงสาวพูดพลางกำมือเข้ากันจนแน่นก่อนจะคลายออก และทำเช่นนี้เป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งถุงบรรจุเลือดเต็มเปี่ยม ลี่ย่าถอดเข็มออกจากข้อพับของเธอก่อนจะหันกลับไปดึงเข็มชุดใหม่พร้อมสาย พลางลุกขึ้นก่อนจะนั่งลงบนเตียงแทงเข็มลงไปบนหลังมือข้างที่เหลือติดตามด้วยเทปผ้าปิดทับพร้อมยกถุงเลือดชูขึ้นสูง
“ข้าต้องการหอกอีกหนึ่งอันมาปักลงดินเพื่อแขวนถุงเลือดนี้ให้ท่านแม่ทัพอีกฝั่งของเตียง มีอีกหรือไม่”หญิงสาวเอ่ยถามกลับไปพร้อมหันกลับมามองหน้าบุรุษตรงหน้าทั้งสองที่กำลังจับจ้องการกระทำของเธออยู่
“หงอี้”ลี่หยางเรียกชื่อคนสนิท
และนั่นทำให้หงอี้รีบพยักหน้าขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
“ขอรับท่านแม่ทัพ..ท่านหมอรอเพียงครู่ใช้เวลาไม่เกินจิบชาหนึ่งถ้วย”หงอี้พูดพลางรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็วเพื่อนำสิ่งที่หมอหญิงร้องเรียกหา
“เจ้าเจ็บหรือไม่”เสียงของแม่ทัพผู้กล้าเอ่ยถามหมอหญิงตรงหน้าน้ำเสียงนั่นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
และคำถามดังกล่าวทำให้หญิงสาวก้มลงมองใบหน้าที่เต็มด้วยหนวดเคราปกคลุม ซึ่งกำลังนอนมองเธออยู่ตลอดเวลาก่อนจะส่ายหน้าไปมาติดต่อกัน
“ไม่หรอก!”หญิงสาวตอบกลับไปสั้นๆ โดยไม่ใส่ใจกับคำถามที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงเร้นความห่วงใยในตัวของนาง
แม้แต่ตงฟางลี่หยางก็ไม่ล่วงรู้ตัวเองเช่นกัน ว่าเพราะเหตุใดจึงถามนางออกไปเช่นนั้น ก่อนจะเหลือบสายตาเห็นหงอี้นำหอกสามง่ามเข้ามานำส่วนด้ามปักลงดิน ส่วนที่เป็นสามง่ามตั้งขนาบกับเตียง ก่อนจะรีบเอื้อมมือรับถุงเลือดจากมือของหมอหญิงร้อยเชือกเอาไว้นำไปห้อยไว้กับสามง่ามดังกล่าวพร้อมเสียงของหลิงลี่ย่าเอ่ยขึ้นกับหงอี้
“เดี๋ยวพอท่านแม่ทัพได้เลือดครบสามถุง ให้รอดูอาการคืนนี้ หากไข้เริ่มทุเลาลงหมายถึงอาการบาดเจ็บของท่านแม่ทัพไม่น่าเป็นห่วงอะไรแล้ว และที่สำคัญจะต้องทำความสะอาดบาดแผลทั้งเช้าและเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้มีหนองเกิดขึ้นมาได้อีก และจะต้องกินยาตามที่ข้าสั่งให้ครบอย่าให้ขาดจนกว่าจะหมด ส่วนบาดแผลของท่านกว่าจะฟื้นตัวใช้เวลาสักหน่อยเพราะว่าปล่อยไว้นานเกินไป อย่าออกแรงหรือถูกอะไรกระแทก เพราะถ้าแผลปริแตกจะยิ่งรักษายาก”หญิงสาวสั่งกำชับเสียยืดยาว
“ขอรับท่านหมอ ข้าน้อยจะทำตามคำสั่งของท่านไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย ท่านแม่ทัพของข้าช่างโชคดีเสียนี่กระไรที่มาพานพบทายาทของหมอเทวดาหยงเซี๊ยะ หาไม่แล้วมิรู้ว่าอาการจะเป็นอย่างไรเช่นกัน ถ้าอย่างไงเมื่อนายกองที่ไปเชิญท่านกลับมาถึงค่ายทหาร ข้าจะให้ทหารกองอารักขาไปส่งท่านหมอที่หมู่บ้านชายแดน”หงอี้บอกกลับไป
หลิงลี่ย่าหน้าเจื่อนขึ้นมาโดยพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น
“งานเข้าแล้วลี่ย่า! จะรู้ไหมเนี่ยว่าหมู่บ้านชายแดนอยู่ตรงไหนของที่นี่ มิหนำซ้ำไม่รู้ด้วยว่ามาได้อย่างไง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลับไปมืดแปดด้านเลยให้ตายสิ จะกลับไปก็ไม่ได้จะไปต่อก็ไม่รู้จะต้องทำอย่างไง”หญิงสาวเฝ้าครุ่นคิดด้วยความหนักใจ
ทันใดนั้นเอง
“ผู้ใดอนุญาตให้นางกลับไป! ในเมื่อข้ายังไม่ได้มีคำสั่ง”เสียงห้าวทุ้มใหญ่ดังแทรกขึ้นมาโดยพลัน
และนั่นทำให้ลี่ย่าและหงอี้ต่างหันกลับมาต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นเล่าขอรับท่านแม่ทัพ ในเมื่อท่านหมอหญิงสามารถรักษาอาการของท่านจนดีขึ้นถึงเพียงนี้เชียวเลยนะ”หงอี้ถามกลับไปอย่างสงสัย
ตงฟางลี่หยางยกยิ้มที่มุมปากขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาดำใหญ่จับจ้องหมอหญิงตรงหน้าพร้อมเอ่ยขึ้น
“ข้ายังไม่บอกเลยว่าอาการดีขึ้นหรือไม่ เช่นนั้นแล้วหากไม่มีคำสั่งอนุญาตจากข้า นางยังไปไหนไม่ได้ทั้งสิ้นต้องรักษาข้าจนกว่าอาการจะดีขึ้นเป็นที่น่าวางใจ และที่สำคัญชีวิตของข้าจะต้องยังไม่ตายระหว่างที่เจ้าทำการรักษาหากข้าตาย ข้าก็จะเอาเจ้าไปด้วยเช่นกัน”
“เฮ้ย! ทำแบบนี้ได้อย่างไง”ลี่ย่าโวยวายขึ้นมาทันที
“ท่านแม่ทัพ”หงอี้อุทานออกมาโดยพลัน
ในขณะที่คนพูดนั้นส่งเสียงหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอก่อนจะหลับตาพริ้ม พร้อมยกมือตบลงบนฟูกนอนติดต่อกันก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เจ้าจะต้องนั่งเฝ้าข้าอยู่ตรงนี้ หากไม่มีคำสั่งของข้าห้ามออกจากกระโจมเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่”ลี่หยางออกคำสั่งเสียงเข้มหากแต่คำตอบที่ได้กลับมานั้นคือความเงียบงัน
“เข้าใจหรือไม่ที่ข้าบอก”แม่ทัพหนุ่มถามย้ำขึ้นมาอีกครั้ง
“เข้าใจ!”หญิงสาวกระแทกเสียงห้วนตอบรับกลับไป
หลิงลี่ย่าอยากจะกระโดดบีบคอผู้ชายตัวโตเท่ายักษ์เสียให้ได้เลยเชียว คำสั่งที่เอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้เกิดมาหญิงสาวก็เพิ่งจะพานพบเป็นครั้งแรก
“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะอีตาแม่ทัพ สบโอกาสเมื่อไรแม่จะฉีดยาให้นอนหลับตายไปเฉยๆ เลยคอยดูสิ”ลี่ย่าต่อว่าอยู่ภายในใจก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“จริงสิในกระเป๋าเครื่องมือมียานอนหลับอยู่หนึ่งขวดเป็นของพี่สามที่ใช้อยู่เป็นประจำ ดีละอีตาแม่ทัพคราวนี้นายเสร็จฉันแน่นอน”หญิงสาวพูดพลางหัวเราะอยู่ในลำคอออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับไปมองคนที่เธอกำลังคิดแผนการอันแยบยลอยู่ในใจ
เฮ้ยยยย!!!! หญิงสาวอุทานออกมาจนสุดเสียงด้วยความตกใจ เมื่อเธอหันกลับมาแล้วเกือบชนใบหน้าของตงฟางลี่หยางคู่กรณีของเธอที่กำลังนั่งมองอยู่เพียงลำพังส่วนหงอี้ไม่รู้ว่าออกไปจากกระโจมตั้งแต่ตอนไหน
“ทะ...ท่าน...ละ...ลุกขึ้นมาทำไม เหตุใดจึงไม่นอน รู้ไหมเมื่อครู่ข้าตกใจหมดเลย”ลี่ย่าพูดพร้อมกระเถิบร่างถอยหนีให้ห่างออกเพราะรู้สึกว่าระยะห่างของเขาและเธอช่างอยู่ใกล้กันเสียเหลือเกินในเวลานี้
“เจ้าชอบที่จะคิดอะไรอยู่ในใจเช่นนี้เสมออย่างนั้นเหรอ ข้าได้ยินเสียงหัวเราะและเห็นดวงตาเจ้าเล่ห์ที่กำลังสะท้อนออกมาอยู่ในเวลานี้ แสดงว่ากำลังคิดจะทำอะไรข้าอยู่ใช่หรือไม่ เจ้าจงบอกออกมาเสียดีๆ”ตงฟางลี่หยางเอ่ยถามดักคอ
“เฮ้ย! เขารู้ได้อย่างไงเนี่ย..เป็นผีอย่างนั้นเหรอถึงได้รู้ว่าเรากำลังคิดจะทำอะไรเขา”ลี่ย่าบ่นอยู่ภายในใจก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
“นี่ท่านแม่ทัพช่วยคิดดีกับข้าหน่อยจะได้ไหม ข้าเป็นหมอรักษาอาการบาดเจ็บของท่านนะ ไม่ใช่นักโทษเสียหน่อย แน่นอน ว่าข้าจะต้องไม่พอใจท่านมากที่ออกคำสั่งเช่นนั้นออกมา รู้ไหมทำแบบนี้เท่ากับลิดรอนสิทธิเสรีภาพกันชัดๆ”
หญิงสาวต่อว่าต่อขานกลับไปตามสไตล์ของเธอพลางสะบัดหน้าหนีอย่างแรง ก่อนจะลุกจากเตียงทรุดกายลงนั่งกับพื้นเพื่อจัดเก็บเครื่องมือการรักษาของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ครั้นลี่หยางเห็นกิริยาที่หมอหญิงแสดงต่อเขาออกมาเช่นนั้น เสียงหัวเราะด้วยความขบขันดังขึ้นอยู่ภายในลำคอ นานหลายปีแล้วที่ไม่ได้หัวเราะเช่นนี้ออกมา ก่อนจะรู้สึกตัวแสร้งตีหน้าตาย ทำหน้าถมึงทึงเข้ามาแทนที่ อันที่จริงแล้วลำพังแค่หนวดเคราล้อมรอบกรอบหน้าก็ทำให้หน้าตาดุดันไม่เกรงใจผู้ใดอยู่แล้ว ยิ่งแสร้งทำหน้าถมึงทึงเช่นนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าจะน่ากลัวสักเพียงใด ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการอยากรู้
“เจ้ามีแซ่และนามว่าอะไร!”ตงฟางลี่หยางถามด้วยน้ำเสียงเน้นหนัก
ในขณะที่ลี่ย่าซึ่งกำลังค้นหาขวดยานอนหลับอยู่ในขณะนั้น หญิงสาวตอบกลับไปทันใดโดยไม่เสียเวลาขบคิด
“ข้าแซ่หลิง มีชื่อว่าลี่ย่า หลิงลี่ย่าคือชื่อและแซ่ของข้า”สิ้นเสียงของหญิงสาว
หมับ! ข้อมือน้อยๆของเธอถูกตงฟางลี่หยางคว้าจับเอาไว้ทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น พร้อมออกแรงดึงร่างงามเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดของอีกฝ่าย