“คิดจะลอบสังหารข้าอย่างนั้นรึ!!!”ลี่หยางตวาดกร้าวพร้อมพยายามหยัดกายลุกขึ้นจากฟูกนอนขึ้นมาทันที ท่ามกลางเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดของสตรีสาวตรงหน้าดังสวนขึ้นมาโดยพลัน
“โอ้ยยย!!! เจ็บ..เจ็บ..เจ็บ”ลี่ย่าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกแม่ทัพเลื่องชื่อจับข้อมือของเธอเอาไว้จนแน่นเช่นนั้นพร้อมเสียงของหงอี้ดังสวนขึ้นมาทันใด
“ท่านแม่ทัพ...นี่คือท่านหมอ...นางคือท่านหมอหญิงกำลังรักษาอาการบาดเจ็บของท่านอยู่นะขอรับ หาใช่ศัตรูฝ่ายตรงข้ามแม้น้อย ขอท่านแม่ทัพอย่าได้กังวล ข้าน้อยอยู่กับท่านตลอดเวลา ปล่อยท่านหมอเถิดขอรับหาไม่แล้วอาการบาดเจ็บสาหัสของท่านในยามนี้จะไม่มีหมอรักษาได้ หากนางต้องตายด้วยน้ำมือของท่านไปเสียก่อนที่จะทำการรักษา”หงอี้พูดพลางถลาเข้ารั้งร่างใหญ่กำยำแม่ทัพของตนให้ออกห่างจากสตรีสาวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
คำกล่าวของหงอี้ทำให้ตงฟางลี่หยางที่เต็มไปด้วยอาการดุดันและแข็งกร้าวอยูในเวลานั้น ลดน้อยลงแต่ถึงกระนั้นก็ยังสังเกตเห็นว่า มือของหมอหญิงตรงหน้าช่างแลดูบอบบางและงดงามเกินกว่าจะเป็นสตรีชาวบ้านธรรมดา อีกทั้งฝ่ามือที่หยาบกระด้างได้สัมผัสกับฝ่ามือของหมอหญิงด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เกิดอาการสงสัยก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือ
“เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า...จงรักษาอาการบาดเจ็บของข้าให้หาย!!!”ตงฟางลี่หยางพูดเสียงเน้นหนักแฝงเร้นความเหี้ยมเกรียมอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมหันกลับไปมองรองแม่ทัพคนสนิท
“หงอี้”ลี่หยางเรียกหาคนสนิท
“ขอรับท่านแม่ทัพ”หงอี้ขานรับอย่างรวดเร็ว
“ในระหว่างการรักษาหากหมอหญิงผู้นี้ทำให้ข้าต้องจบชีวิตลง จงสังหารนางทิ้งซะ!!! หรือรักษาข้าไม่หายจากอาการบาดเจ็บก็สังหารนางทิ้งเช่นกัน เข้าใจหรือไม่”ตงฟางลี่หยางพูดพลางมองหน้าหมอหญิงที่เอาแต่นั่งก้มหน้ามองพื้นอยู่ตลอดเวลา
“เงยหน้ามองข้าเดี๋ยวนี้! ไม่ได้ยินหรืออย่างไงที่ข้าถาม! เอาแต่ก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพยายามซ่อนเร้นพิรุธอย่างนั้นละสิ”เสียงตวาดกร้าวช่างดุดันเสียนี่กระไร
หลิงลี่ย่าหัวใจแทบวาย แก้วหูแทบแตก สติแทบหลุดเมื่อถูกแม่ทัพในอดีตทั้งดุดันและเกรี้ยวกราดกับเธอเสียนี่กระไร ครั้นพอตั้งสติได้ความกลัวเมื่อแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแรงโมโห เลือดขึ้นหน้าขึ้นมาทันใด
ควับ!!! หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยอาการอิดโรย ใบหน้าซีดเซียวเพราะพิษไข้รุมเร้า หนวดเครายาวปกคลุมล้อมรอบกรอบหน้าจนน่ากลัวมากกว่าจะน่ามอง แรงโมโหและนิสัยที่ไม่ยอมใครง่ายๆ พรั่งพรูคำพูดออกมาที่แม้แต่แม่ทัพลือชื่อก็ไม่คาดคิดว่าจะมีสตรีใดหาญกล้าต่อปากต่อคำกับเขาเช่นนี้
“ได้ยิน! หูไม่หนวก! แต่ที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองก็เพราะรับไม่ได้กับสภาพของท่านต่างหาก ไม่ได้มีพิรุธอะไรซ่อนเร้นตามที่คิดเอาไว้เลยนะ และขอบอกเอาไว้เลยว่าข้าไม่กลัวตาย! แต่ก็ไม่อยากตายอย่างไร้เหตุผลกับคำสั่งบ้าๆ แบบนี้ เพราะฉะนั้นให้ความร่วมมือกันหน่อย ช่วยนอนนิ่งๆ ไม่ต้องพูดอะไรออกมาอีกจะได้ไหม ขืนพูดมากจะทำให้ข้าเสียสมาธิ”หญิงสาวไม่พูดเปล่า สองมือผลักแผ่นอกกว้างของแม่ทัพหนุ่มชื่อก้องให้ล้มลงไปนอนกับฟูกตามเดิม
ตุบ!!! ร่างใหญ่ผึ่งผายถูกผลักลงไปนอนบนฟูกอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางอาการนิ่งงันของลี่หยางที่เอาแต่จับจ้องดวงตากลมโตสีดำสนิทหากแต่มีประกายแวววาวเป็นที่น่าชวนมองอย่างยิ่งยวด ภายใต้ขนตางอนยาวที่รับกันอย่างลงตัว
“แปลก...แปลกมากเลย...ท่านแม่ทัพนอนแน่นิ่งไม่ขัดขืนท่านหมอหญิงเลย เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นรึ”หงอี้พึมพำด้วยความสงสัยท่ามกลางอาการโล่งใจของลี่ย่าที่เห็นอาการสงบนิ่งของชายหนุ่มตรงหน้า
“เฮ้อ!...รอดตายแล้วลี่ย่าเอ้ย สงสัยอีตาแม่ทัพจะฟังเราไม่ทันหรือคงจะฟังไม้รู้เรื่อง นอนนิ่งเป็นท่อนไม้เลย แต่ก็ดีจะได้รักษาอาการบาดเจ็บราบรื่นหน่อย โชคดีเป็นบ้าเลยที่พี่สามฝากอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมา แสดงว่าคนงานพบอุบัติเหตุอยู่บ่อยๆเป็นแน่ มีเกือบครบหมดทุกอย่างเลย อีตานี่ต้องใช้ยาแก้อักเสบและยาฆ่าเชื้อเป็นจำนวนมากเสียด้วย”ลี่ย่าคิดอยู่ในใจก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ข้าจะต้องใช้เข็มเงินเพื่อนำตัวยาเข้าสู่ร่างของท่าน ร่างกายขาดน้ำและอาหารจะต้องให้น้ำเกลือ แผลติดเชื้อและเป็นหนองจะต้องให้ยาฆ่าเชื้อและยาลดไข้ผ่านทางเข็มเงินเล่มนี้ และต้องให้เลือดท่านด้วยเพราะท่านเสียเลือดไปมาก”
“เข็มเงินเพียงเล่มเดียวสามารถให้ยาได้หลายขนานถึงเพียงนั้นเชียว”ลี่หยางถามกลับไปด้วยความสงสัย
“ก็ทำนองนั้นแหละ เพราะว่านี่คือวิชาแพทย์ของข้าที่ได้ร่ำเรียนมา ท่านอย่างเพิ่งถามอะไรมากนอนนิ่งๆ ข้าจะลงมือรักษาท่านเดี๋ยวนี้แล้ว จะได้กลับบ้านข้าเสียที”หญิงสาวพูดพลางใช้เครื่องตรวจกรุ๊ปเลือดที่อยู่ภายในกระเป๋าปฐมพยาบาล
ช่างโชคดีเสียนี่กระไร ที่หลิงฉางอี้จัดอุปกรณ์ดังกล่าวให้มาด้วย ซึ่งใช้ตรวจเลือดของคนงานในแต่ละวันที่รับเข้ามาทำงานใหม่ของบริษัทฯ จึงทำให้ต้องมีอุปกรณ์ในการตรวจหมู่เลือดอยู่ตลอดเวลา และนั่นทำให้ลี่ย่านำมาตรวจหมู่เลือดของแม่ทัพในอดีตเพื่อช่วยเหลือชีวิตของเขาในครั้งนี้
“ท่านแม่ทัพเลือดกรุ๊ปเอหรือนี่ เฮ้อ...”หญิงสาวพูดพลางถอนหายใจออกมาอย่างแรง ครั้นเธออ่านกรุ๊ปเลือดผ่านทางอุปกรณ์จากยุคนาคต ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ดังกล่าวไปไว้ทางอื่นพร้อมเสียงของหงอี้เอ่ยแทรกขึ้น
“เจ้าสิ่งนั้นคืออะไรรึท่านหมอและเอาไว้ใช้ทำอะไร”หงอี้ถามด้วยความสงสัย
“ท่านแม่ทัพเสียเลือดมาก จำเป็นต้องให้เลือด ข้านำมาตรวจเพื่อยากรู้ว่าท่านแม่ทัพต้องได้เลือดจากผู้ใด”
“หา! นี่ท่านหมอล่วงรู้วิธีถ่ายเลือดด้วยอย่างนั้นเหรอ”หงอี้ถามกลับไปด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ล่วงรู้
หญิงสาวพยักหน้าขึ้นลงเป็นการยอมรับพร้อมเอ่ยขึ้น
“เป็นวิชแพทย์ของข้าที่ได้ร่ำเรียนมา สงสัยอะไรอย่างนั้นเหรอ”ลี่ย่าถามพร้อมจรดเข็มลงบนหลังมือของลี่หยางอย่างเบามือพร้อมใช้สำลีปิดทับติดตามด้วยเทปกาวซึ่งเป็นชนิดผ้าสำหรับการผ่าตัดปิดทับจนแน่นเพื่อไม่ให้เข็มหลุดออกจากกาย พร้อมเสียงของแม่ทัพแห่งเทียนหยวนเอ่ยขึ้น
“เจ้าเรียนวิชาแพทย์มาจากที่ใด”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถาม
“ซิงหัว”หญิงสาวตอบกลับไปสั้นๆ
และคำตอบดังกล่าวทำให้ตงฟางลี่หยางและรองแม่ทัพคนสนิท เบิกตากว้างขึ้นมาโดยพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ใช่ท่านหมอเทวดาหยงซิงหัว ผู้สืบทอดวิชาหมอเทวดาจากท่านหมอหยงเซี๊ยะอันเป็นที่กล่าวขานในตำนานของราชวงศ์เซี๊ยะใช่หรือไม่”หงอี้ถามกลับไปอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความเงียบงันของหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าชื่อที่เอ่ยออกมานั้นคือผู้ใดและมีความสำคัญอย่างไร เธอจึงทำได้แต่เพียงพยักหน้าอือออไปตามน้ำเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่หมอตัวจริงที่มีคำสั่งให้ไปตามหาที่หมู่บ้านชายแดนแต่อย่างใด
อืออออ....หญิงสาวส่งเสียงตอบรับอยู่ในลำคอโดยไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่น้อย พร้อมก้มลงใช้เข็มฉีดยาชาไปทั่วบริเวณปากแผล เพื่อลดอาการเจ็บปวดในระหว่างผ่าเอาอาวุธออกมา ท่ามกลางอาการดีใจเป็นที่สุดของหงอี้ครั้นหลิงลี่ย่าตอบกลับมาเช่นนั้น
“ท่านแม่ทัพช่างโชคดีจริงๆ เลยขอรับ ที่ได้มาพบกับทายาทของหมอเทวดาในตำนาน ไม่มีผู้ใดที่จะไม่รู้จักตำนานหมอเทวดาหยงเซี๊ยะ วิชาแพทย์อันเลื่องลือที่สามารถถ่ายเลือดของคนผู้หนึ่งไปให้อีกผู้หนึ่งเป็นที่กล่าวขานไปทั่วหล้า มีเพียง หยงเซี๊ยะและทายาทผู้สืบทอดเท่านั้นที่สามารถทำได้เช่นนั้น ท่านแม่ทัพต้องปลอดภัยอย่างแน่นอนขอรับ ข้ามั่นใจ”หงอี้กล่าวกับแม่ทัพของตน
ท่ามกลางสายตาของตงฟางลี่หยางที่เฝ้าจับจ้องการรักษาของหมอหญิงตรงหน้าตาไม่กระพริบ พร้อมเฝ้าสังเกตนางอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“ผิวพรรณขาวผุดผ่องนวลเนียนลออตา รูปมือและนิ้วเรียวยาวดั่งลำเทียนงดงามมาก เล็บมือสีกลีบบัวชวนมอง ฝ่ามือนุ่มนิ่มหามีความหยาบกระด้างแม้แต่น้อย อีกทั้งสตรีร่ำเรียนวิชาแพทย์ยังไม่เคยปรากฎมาก่อน ยิ่งอาศัยอยู่ตามหมู่บ้านในเขตชายแดนด้วยแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ หากแต่หยิบจับสิ่งใดกลับแลดูคล่องแคล่วยิ่งนัก สตรีผู้นี้แท้จริงเป็นผู้ใดกันแน่เล่า”ตงฟางลี่หยางเฝ้าครุ่นคิดอยู่ภายในใจเช่นนั้น จนไม่ล่วงรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ก่อนจะได้ยินเสียงของหมอหญิงดังแทรกขึ้น
“เอาออกมาได้แล้ว!!! โอโห่...ดูเจ้าสิ่งนี้สิเสียบคาท้องของท่านมานานเกือบเดือน โชคดีมากเลยนะที่ท่านยังมีชีวิตรอดอยู่ต่อมาได้จนกระทั่งมาพบข้า ไม่เป็นบาดทะยักตายไปเสียก่อน”หญิงสาวพูดพลางยกหอกสัมฤทธิ์คมกริบที่เสียบอยู่ในท้องของแม่ทัพหนุ่มให้เจ้าตัวได้เห็นผลงานของเธอ
ท่ามกลางอาการตื่นตะลึงของลี่หยางและคนสนิทที่เห็นหอกแหลมตรงหน้า ซึ่งถูกนำออกมาจากทางหน้าท้องได้เป็นผลสำเร็จ ติดตามด้วยเสียงของหงอี้ดังแทรกขึ้น
“ท่านแม่ทัพเจ็บหรือไม่ ท่านหมอเอาหอกออกมาจากท้องของท่านได้แล้วขอรับ ไม่น่าเชื่อเลยเพียงชั่วพริบตาเท่านั้นก็นำเอาหอกแหลมนี่ออกมาได้”หงอี้พูดไม่หยุดปาก
ในขณะที่ลี่หยางก้มลงมองมือขาวผ่องที่กำลังทาบทับอยู่บนหน้าท้องของเขา พร้อมปักเข็มเงินและดึงเส้นไหมขึ้นลงไปมาอยู่เช่นนั้นอย่างเบามือ ตงฟางลี่หยางไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย หากแต่ตรงกันข้ามอาการทุกข์ทรมานกลับหายไปเป็นปลิดทิ้งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เจ้ามีวิธีอย่างไรจึงสามารถทำให้ข้าไม่รู้สึกเจ็บปวดกับบาดแผลที่ได้รับแม้แต่น้อย แม้ในเวลายามเย็บแผลก็ไม่รู้สึกเจ็บสัมผัสได้เพียงฝีเข็มที่กำลังเย็บขึ้นลงของเจ้าเท่านั้น”แม่ทัพแห่งเทียนหยวนถามกลับไป ด้วยน้ำเสียงที่แปรเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดผิดกับเมื่อครู่ที่ผ่านมา พร้อมจับจ้องหมอหญิงตรงหน้าว่านางจะตอบกลับมาอย่างไร
“มือข้าเบาเวลาฉีดยาหรือเย็บแผล คนไข้ไม่ค่อยรู้สึกหรอกอีกอย่างข้าฉีดยาชาให้กับท่านเพื่อไม่ให้เจ็บปวดในระหว่างนำหอกออกมาเพราะมีโอกาสที่จะทำให้ช็อคเพราะเสียเลือดมาก ก็เลยต้องเซฟตี้สุดๆ”ลี่ย่าพูดอธิบายกลับไป
กา...กา...กา...กา…กา!!!! นิ่งงันและงุนงงกันถ้วนหน้าครั้นลี่หยางและหงอี้ได้รับคำตอบกลับมาเช่นนั้น ก่อนจะพากันขมวดคิ้วเข้าหาพร้อมกันทั้งคู่ เมื่อต่างเห็นหมอหญิงตรงหน้าแทงเข็มขนาดใหญ่เข้าที่ข้อพับแขนของตัวเองพร้อมใช้ผ้าสีขาวขนาดเล็กทาบทับเอาไว้ติดตามด้วยโลหิตแดงฉานไหลออกมาตามเชือกใสอย่างรวดเร็วก่อนจะลงไปรวมกันที่ภาชนะรองรับคล้ายถุงน้ำเนื้อใสตามความเข้าใจของคนทั้งสองที่เห็นเช่นนั้น