“โอ้ยยยย!!! ข้าเจ็บนะนี่ท่านจะทำอะไร...ทำไมจะต้องทำรุนแรงกันแบบนี้ด้วย ป่าเถื่อนสิ้นดีเลย”ลี่ย่าโวยวายต่อว่าคนตัวโตอย่างไม่กลัวเกรง ในขณะที่เสียงร้องของเธอทำให้หงอี้ที่ออกไปสั่งงานอยู่นอกกระโจมรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยินเสียง
“ท่านแม่ทัพ! เกิดอะไรขึ้นขอรับ”หงอี้ถามสวนขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงแม่ทัพของเขาดังแทรกขึ้นมา
“บอกข้ามาอีกครั้งว่าเจ้ามีแซ่ว่าอะไร! บอกข้าให้ชัดๆ รีบบอกมา บอกมาเดี๋ยวนี้!!!”ตงฟางลี่หยางส่งเสียงถามด้วยอาการที่ร้อนรนพร้อมเขย่าร่างหมอหญิงตรงหน้าจนหัวสั่นหัวคลอนเลยทีเดียว
“โอ้ยย! ก็บอกไปแล้วว่าข้าแซ่หลิง ชื่อของข้าคือลี่ย่า หลิงลี่ย่าคือชื่อของข้า!!!คราวนี้ท่านได้ยินชัดเจนไหมเล่า”ลี่ย่าตะโกนออกไปจนสุดเสียง ตงฟางลี่หยางเกิดอาการนิ่งงันไปทันใดครั้นได้ยินชื่อแซ่ของหมอหญิงอย่างชัดเจน
ฉับพลันคำสั่งเสียสุดท้ายของน้องสาวดังขึ้นมาในความทรงจำทันที
ตะ..ตาม...หะ...หาคนที่มีหยกบุบผาอีกครึ่งหะ..ให้พบ...หยกบุบผาเป็นอัญมณีจากสวรรค์และที่สำคัญมีความลับของสวรรค์ซุกซ่อนอยู่..คะ...คน...ผะ..ผู้...นั้น..มะ...มา...มาจาก..ตะ...ตระ..กูล..หลิง
“นางมาจากตระกูลหลิง!!!”แม่ทัพผู้กล้าพึมพำเสียงเบาด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้พานพบคนตระกูลหลิง ซึ่งมาพานพบอยู่ในสถานที่อันไกลโพ้นนับพันลี้เช่นนี้ ไม่แปลกเลยตลอดเวลาที่ผ่านมานานหลายปี ตงฟางลี่หยางพยายามค้นหาเท่าไรก็ไม่เคยพานพบแต่บทจะได้พบก็มาด้วยความบังเอิญเช่นนี้
ทันใดนั้นเอง
“มีกลุ่มคนจำนวนมากควบม้ามุ่งหน้าตรงมาทางนี้!!!!”เสียงตะโกนก้องของบรรดาทหารดังอยู่นอกกระโจมพร้อมร่างสันทัดของทหารสืบข่าวรีบเข้ามารายงานสถานการณ์เร่งด่วน
“ท่านแม่ทัพขอรับมีกลุ่มคนชุดดำควบม้าเต็มฝีเท้ากำลังมุ่งหน้ามาทางค่ายทหาร คะเนว่ามีจำนวนประมาณหนึ่งร้อยนายเห็นจะได้ขอรับ มีอาวุธครบมือราวกับว่าเตรียมพร้อมที่จะเข้ามาโจมตี”สิ้นเสียงทหารสืบข่าว
ร่างใหญ่กำยำที่เปลือยกายท่อนบนมีผ้าพันแผลพันไว้รอบบริเวณหน้าท้องและมีโลหิตไหลซึมออกมาจากตรงบริเวณบาดแผลเล็กน้อย ลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว
เปรี๊ยะ!!! บาดแผลตรงหน้าท้องที่ถูกเย็บเอาไว้จากฝีมือของคุณหมอจากยุคอนาคตทำให้ร่างของตงฟางลี่หยางชะงักงันไปชั่วขณะ พร้อมผลที่ติดตามมานั่นก็คือแผลเกิดฉีกขาดขึ้นมาทันที พร้อมเสียงของลี่ย่าดังแทรกขึ้นมาโดยพลัน
“คุณ...!!!”หญิงสาวพูดพลางรีบลุกขึ้นจากพื้นตรงเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นโลหิตไหลซึมออกมาอย่างไม่ขาดสายจนผ้าพันแผลชุ่มโชกไปด้วยเลือดเต็มไปหมด
“แผลฉีกแล้วท่านแม่ทัพ! อยากตายมากนักเหรออย่างไง อันตรายมากเลยนะยิ่งเสียเลือดไปมาก ตอนนี้ท่านไม่มีแรงที่จะไปทำอะไรใครได้หรอก เอาตัวเองให้รอดก่อนดีไหม บอกตามตรงนะว่าข้ายังไม่อยากตาย อยากจะมีชีวิตรอดอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปอีก”หลิงลี่ยาต่อว่าคนไข้โบราณของเธอ
“หุบปากของเจ้าซะ! อย่ามาออกคำสั่งกับข้า...หาไม่แล้วข้าจะโยนเจ้าให้พวกกลุ่มคนเหล่านั้นจับฉีกร่างแยกเป็นห้าส่วนให้รู้แล้วรู้รอดไป”ลี่หยางตะคอกกลับไปก่อนจะหันกลับไปสั่งทหารของเขาพร้อมเอ่ยขึ้น
“ส่งม้าลาดตระเวนออกไปสืบให้แน่ชัดว่าเป็นกลุ่มคนของผู้ใด ได้เรื่องอย่างไงรีบมารายงานข้า”แม่ทัพหนุ่มสั่งการออกไปโดยพลัน พลางหันกลับมาทางหงอี้คนสนิทของเขา
“เจ้าเป็นรองแม่ทัพของข้าไปเตรียมกำลังพลให้พร้อม บางทีอาจจะเป็นกองทหารต่างแคว้นสุ่มโจมตีเพื่อต้องการสังหารข้า ในขณะที่กำลังบาดเจ็บสาหัสอยู่ในเวลานี้ก็อาจเป็นได้ เพราะชาวแดนเหนือล่วงรู้ว่าข้าได้รับบาดเจ็บจากการทำสงครามในครั้งนี้ด้วยกันทั้งสิ้น”ลี่หยางสั่งกำชับ
“ขอรับท่านแม่ทัพ ข้าน้อยจะเตรียมรับมือให้พร้อมขอท่านได้โปรดวางใจข้าน้อยด้วยเถิด หากเป็นกองทหารต่างแคว้นสุ่มโจมตีเช่นนั้นจริงๆ ท่านควรจะหลบออกจากกระโจมบัญชาการทัพนี้ไปซ่อนตัวที่อื่นเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยในการเข้าโจมตีในครั้งนี้ กำลังทหารของเทียนหยวนล้วนมีฝีมือทั้งสิ้นจะปกป้องท่านแม่ทัพให้ถึงที่สุดขอรับ”หงอี้บอกแม่ทัพของตนด้วยความซื่อสัตย์และเต็มไปด้วยแรงภักดี
กรอดดดด!!! ตงฟางลี่หยางถึงกับกัดฟันกรอดที่ตัวเขาได้รับบาดเจ็บหนัก จนไม่อาจจับดาบปกป้องกองทัพของตัวเองในเวลาเช่นนี้ได้ ก่อนจะได้ยินเสียงหมอหญิงตัวเล็กเท่ามดตะนอยเอ่ยแทรกขึ้นมา
“อย่าเพิ่งแสดงบทฮีโร่เป็นยอดมนุษย์ไอรอนแมนอยู่แลยท่านแม่ทัพ ดูสังขารของท่านก่อนเถอะ เห็นผลงานเมื่อครู่ไหมแผลของท่านที่ข้าอุตส่าห์เย็บไว้เสียดิบดี ปริแตกหมดแล้วต้องเย็บใหม่อีกรอบ รักษาชีวิตตอนนี้และรักษาตัวให้หายดีก่อนเถอะนะ ค่อยออกไปตีรันฟันแทงกับชาวบ้านเหมือนเดิมก็ไม่มีใครเขาว่าอะไรท่านหรอกนะบอกตรงๆ”หลิงลี่ย่าพูดออกไปด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเงียบเสียงลงเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของตงฟางลี่หยางจ้องเธอเขม็ง
“เจ้าล่วงรู้หรือไม่ทันทีที่พละกำลังของข้าหวนคืนกลับมา เจ้าจะเป็นคนแรกที่สังเวยคมดาบให้แก่ข้า!”แม่ทัพหนุ่มแสร้งพูดขู่หมอหญิงตัวเท่าแมวตรงหน้าจนอีกฝ่ายรีบยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองทันใด
รอยยกยิ้มปรากฎขึ้นมุมปากของตงฟางลี่หยาง ครั้นเห็นกิริยาของหมอหญิงเช่นนั้นก่อนจะหันกลับไปมองหงอี้ ที่ยืนยิ้มหน้าบานเมื่อสังเกตเห็นแม่ทัพของตน เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาตงฟางลี่หยางมีรอยยิ้มเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกก็วันนี้
“เจ้ายิ้มอะไรหงอี้ไปจัดการตามที่ข้าสั่งได้แล้ว ได้เรื่องอย่างไงไปรายงานข้าที่บึงพระจันทร์ ข้าจะรออยู่ที่นั่น”ลี่หยางสั่งกำชับพร้อมเสียงของหงอี้ดังขึ้นทันใด
“รับทราบขอรับ”หงอี้ขานรับคำสั่งพร้อมออกจากกระโจมไปอย่างรวดเร็วติดตามด้วยเสียงของแม่ทัพลือชื่อดังขึ้น
“แล้วเจ้าจะยืนนิ่งเฉยอยู่ทำไมในเมื่อเป็นหมอก็จงรีบเข้ามาประคองข้าไปที่บึงพระจันทร์! เร็วเข้าสิ!!!”ลี่หยางไม่พูดเปล่า ส่งสายตาพิฆาตพร้อมถลึงดวงตาใหญ่กลับมา เล่นเอาคุณหมอขนหัวลุกกับสายตาของผู้ชายตรงหน้า
“บรื้อออ!!! อีตาแม่ทัพนอกจากไม่หล่อเอาเสียเลยแล้ว ตาก็ดุน่ากลัวเป็นบ้าเลยให้ตายเถอะ ทำไมฉันจะต้องมาอยู่ในสถานที่บ้าๆ แบบนี้ด้วยนะ แล้วความฝันบ้าบออะไรทำไมถึงได้เหมือนจริงนักก็ไม่รู้”หญิงสาวบ่นพึมพำอยู่ภายในใจ
ร่างงามสมส่วนตรงเข้าประคองแม่ทัพในอดีตกาลเอาไว้อย่างรวดเร็ว พลางนำท่อนแขนกำยำยกพาดไปกับบ่าเล็กๆ ของเธอ ซึ่งน้ำหนักไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ร่างกายที่ทั้งสูงและใหญ่กำยำ อีกทั้งยังมีมวลกล้ามเนื้อที่แน่นตึงไปทุกส่วนเล่นเอาคุณหมอตัวเท่ามดเหมือนแบกช้างแมมมอธดีๆ นี่เอง
“โอโห่! คนอะไรก็ไม่รู้ตัวหนักอย่างกับหิน”ลี่ย่ารำพึงอยู่ภายในใจก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อหลงลืมคิดไปว่าจะต้องเอาสายน้ำเกลือและขวดยามากมายรวมไปถึงถุงเลือดที่แขวนอยู่บนหอกและสามง่ามอยู่ในเวลานั้น รวมไปถึงกระเป๋าสัมภาระของเธอที่กองอยู่ที่พื้นต้องนำติดตัวไปด้วยเช่นกัน
“ไปตัวเปล่าไม่ได้ท่านแม่ทัพ ต้องเอายาทั้งหมดที่ห้อยอยู่ไปด้วย หาไม่แล้วท่านจะต้องเดี้ยงตายอย่างแน่นอนเลย”หญิงสาวใช้คำในยุคของเธอ และแน่นอนว่าคนฟังหาได้ล่วงรู้ความหมายแต่อย่างใด
“ดูท่าการเรียนรู้วิชาแพทย์ของเจ้าจึงทำให้กลายเป็นคนพูดจาไม่รู้ความเช่นนี้ใช่หรือไม่ พูดแต่ละคำหามีความหมายแม้แต่น้อย”ลี่หยางดุหมอหญิงตัวน้อยพลางส่ายหน้าไปมา
หญิงสาวคันปากยิ่งนักอยากจะตอบโต้กลับไป แต่เกรงว่าตัวเธอเองนะสิจะพาลตายเสียก่อนที่จะได้กลับบ้านของตัวเอง จึงสงบปากสงบคำเอาไว้ก่อน
“อีตาแม่ทัพขี้ยัวะ! ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ มีอย่างที่ไหนมาว่าเราพูดไม่รู้เรื่อง”ลี่ย่าบ่นอยู่ในใจพร้อมปล่อยร่างใหญ่โตลงกับพื้นตามเดิม พลางรีบตรงเข้าไปเก็บข้าวของต่างๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
ตุ๊บ! ร่างของลี่หยางทรุดฮวบลงไปกับพื้นโดยพลันครั้นถูกหมอหญิงปล่อยร่างของเขาเสียดื้อๆ เล่นเอาเจ็บปวดแปลบตรงบริเวณบาดแผลที่หน้าท้องขึ้นมาเป็นยิ่งนัก
“นั่นเจ้าจะไปไหนอีก!”ลี่หยางหันกลับไปถามพลางสังเกตเห็นสายระโยงระยางที่มาจากร่างของตัวเองเริ่มตึงขึ้นมาทันที ครั้นร่างใหญ่ทรุดกายอยู่กับพื้นไม่ได้นอนอยู่บนเตียงดั่งที่ควรจะเป็น
ร่างเล็กๆ แต่คล่องแคล่วว่องไว เก็บข้าวของอุปกรณ์ต่างๆ จนเกลี้ยงพร้อมหันกลับไปดึงหอกยาวออกจากพื้นนำไปส่งให้คนขี้ยั๋ว
“ถือเอาไว้ท่านแม่ทัพ ขวดยาพวกนี้กำลังรักษาท่านอยู่ในเวลานี้นะ”ลี่ย่าพูดพร้อมส่งหอกให้คนตัวโตที่ยื่นมือรับไว้แต่โดยดี พลางเหลือบสายตามองไปทางร่างเล็กๆ ของหมอหญิงกำลังดึงสามง่ามขึ้นมาถือเอาไว้เอง
ในขณะเดียวกันสัมภาระของเธอสะพายไว้บนบ่าอีกข้าง หญิงสาวตรงเข้าประคองร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่กับพื้น พลางออกแรงจนสุดชีวิตให้คนตัวโตลุกขึ้นยืนได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งสองรีบก้าวออกจากกระโจมไปอย่างรวดเร็วพร้อมเปิดประตูที่ใช้ผ้าผืนใหญ่มาปิดไว้เปิดขึ้นสูงจนเห็นเหตุการณ์ด้านนอก สายตาของลี่หยางและลี่ย่ามองตรงไปยังเบื้องหน้า
ในเวลานี้กองทหารของเทียนหยวนต่างกระจายกำลังล้อมรอบค่ายทหารเอาไว้โดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังจากต่างแคว้นบุกเข้าโจมตีมาถึงภายในค่าย และทันทีที่ร่างของคนทั้งคู่ก้าวออกมาจากกระโจม ผ้าคลุมสีดำทะมึนของหญิงสาวถูกแม่ทัพตัวใหญ่ ดึงแผ่ขยายออกมาจนสามารถคลุมร่างของคนทั้งสองเอาไว้อย่างมิดชิด
ทั้งนี้เพื่ออำพรางกายไม่ให้ผู้ใดเห็นว่าเป็นใครออกมาจากกระโจมดังกล่าว ท่ามกลางอาการตื่นตระหนกของ หลิงลี่ย่าที่ผ้าคลุมกายของเธอถูกลี่หยางคลี่ออกจนกว้างก่อนจะคลุมร่างทั้งสองเอาไว้ด้วยกันมุ่งหน้าไปบึงพระจันทร์