ตอนที่ 12 หยกบุบผา 1.3

1793 คำ
กระโจมผู้บัญชาการทัพ ร่างสูงใหญ่กำยำของบุรุษหนุ่ม ภายใต้หนวดเคราขึ้นปกคลุมล้อมรอบกรอบหน้า ผมสีดำปล่อยยาวสยายนอนเปลือยแผ่นอกท่อนบนในท่านอนตะแคง ด้วยเพราะถูกหอกยาวเสียบจนลึกเข้าไปภายในร่างกาย จนยากที่จะทำการดึงออกได้โดยง่าย จึงทำได้เพียงตัดส่วนปลายหอกให้สั้นลงเพียงเท่านั้น ในยามนี้ตงฟางลี่หยาง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเทียนหยวน นำกองทัพบุกเข้าโจมตีดินแดนทางตอนเหนือของอาเคอซู่ซึ่งได้ยอมจำนนแล้วหมดสิ้น และในการรบครั้งนี้แม่ทัพหนุ่มผู้กล้าได้ถูกหอกของแม่ทัพจากชนเผ่าแดนเหนือในขณะที่กำลังชุลมุนอยู่กลางสนามรบเสียบเข้าตรงหน้าท้อง หอกแหลมของแม่ทัพชนเผ่าแดนเหนือถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษ จึงสามารถแทงทะลุชุดเกราะของตงฟางลี่หยาง จนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยกำลังภายในที่อยู่ไหลเวียนภายในกายเหนือกว่าผู้คนปกติทั่วไป ทำให้ลี่หยางยังสามารถมีพละกำลังนำทัพจนยึดดินแดนทางตอนเหนือได้เป็นผลสำเร็จ แต่ถึงกระนั้นด้วยบาดแผลที่ฉกรรจ์ยิ่งนักจึงทำให้แม่ทัพหนุ่มหมดสติลงทันทีที่กลับถึงค่ายทหารของตัวเอง ซึ่งมาตั้งค่ายรอที่ทะเลสาบพระจันทร์ ภายหลังจากยึดดินแดนทางตอนเหนือจนบรรลุผลสำเร็จสมความตั้งใจ ทว่าบาดแผลฉกรรจ์ดังกล่าวได้สร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ตงฟางลี่หยางอย่างยิ่งยวด หมอหลวงจากราชสำนักซึ่งฮ่องเต้ไท่อีส่งมารักษาแม่ทัพผู้กล้าโดยตรงก็ยังเดินทางมาไม่ถึง ด้วยระยะทางที่ห่างไกลนับพันลี้ ครั้นส่งนายกองของกองทัพควบม้าเร็วไปตามหมอที่หมู่บ้านชายแดน ก็ยังมาไม่ถึงเช่นกันเพราะกว่าจะออกจากเขตทะเลทรายก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสามวัน และกว่าจะถึงหมู่บ้านชายแดนต้องควบม้าไปอีกวันครึ่งจึงจะถึงจุดหมาย ซึ่งกว่าจะมาถึงดูท่าตงฟางลี่หยางต้องสิ้นชื่อเป็นแน่ “ท่านหมอเชิญทางนี้”เสียงเชื้อเชิญของรองแม่ทัพดังขึ้น เว่ยหงอี้ใช้มือยกผ้าเปิดทางเข้าของกระโจมให้หมอหญิงในชุดคลุมสีดำก้าวเข้ามาภายใน ก่อนจะก้าวเดินนำหน้าไปที่เตียงไม้ซึ่งมีร่างใหญ่ของตงฟางลี่หยางนอนหายใจรวยรินอยู่ในเวลานั้น และทันทีที่สายตาของหลิงลี่ย่าเห็นสภาพของคนเจ็บที่ถูกหอกแหลมเสียบคาท้องอยู่เช่นนั้น เหลือเพียงส่วนปลายไม้โผล่พ้นออกมาจากร่างเพียงแค่น้อยนิด “ท่าทางจะหนักเอาการ”หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นเชือกห้อยคอมีแผ่นหยกครึ่งเสี้ยวปรากฏอยู่ตรงหน้า เฮ้ย!!! หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความลืมตัวครั้นเห็นหยกขาวที่มีรูปร่างคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวห้อยอยู่บนคอของคนเจ็บ ทั้งรูปทรงและลวดลายเหมือนกับสร้อยหยกที่เธอสวมอยู่ติดคอในเวลานี้ทุกอย่าง “หยกอีกครึ่งเสี้ยวที่เหมือนกับสร้อยหยกที่เราเก็บได้มีจริงหรือนี่และมาอยู่กับผู้ชายคนนี้ด้วย ว่าแต่แล้วเขาเป็นใครอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวครุ่นคิดในใจพร้อมเสียงของหงอี้ดังแทรกขึ้น “ถึงกับตกใจเลยเหรอท่านหมอ”หงอี้ถามกลับไปพร้อมใบหน้าของลี่ย่าพยักขึ้นลงเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยก่อนจะเอ่ยถามกลับไป “คนเจ็บถูกอาวุธมากี่วันแล้ว”ลี่ย่าเอ่ยถามขึ้นทันที “นับรวมวันนี้ก็ยี่สิบวันแล้วท่านหมอ”เว่ยหงอี้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “หา! ยี่สิบวันแล้วเหรอ แม่เจ้า! อยู่มาได้อย่างไงกันเนี่ยไม่น่าเชื่อเลยว่ายังมีชีวิตอยู่มาได้ถึงขนาดนี้ เคสแบบนี้โดนปุ้บตายปั้บสถานเดียวเลย”หญิงสาวพูดออกมาตามสไตล์ของเธอ จนคนฟังนิ้วหน้าเข้าหากันเพราะฟังแล้วไม่เข้าใจ “ท่านหมอพูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่องเลย ช่วยพูดในสิ่งที่ข้าเข้าใจได้หรือไม่”หงอี้บ่นอย่างขัดใจ และนั่นทำให้ลี่ย่ารีบสงบปากสงบคำลงทันที เพราะว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้แท้จริงแล้วคือความจริงหรือความฝันกันแน่ หญิงสาวทรุดกายลงนั่งคุกเข่ากับพื้นพลางเอื้อมมือ เปิดผ้าที่ปิดแผลอยู่ในเวลานั้นออกจนเผยให้เห็น แผลฉกรรจ์เต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนองและเริ่มส่งกลิ่นเหม็นออกมาแล้ว จนทำให้คนเป็นหมอจากยุคอนาคตถึงกับนิ่งงันไปทันที “โอโห่! ฉันละเชื่อเขาเลยทำไมถึงมีชีวิตอยู่ต่อมาได้อย่างไงกันถึงยี่สิบวันแบบนี้ได้นะ แผลติดเชื้อแล้วเสียด้วยจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ชายคนนี้แล้ว ถูกแทงลึกมากเสียด้วยต้องผ่าออกอย่างเดียว แต่ดูจากรูปร่างแล้วคงเป็นเพราะแข็งแรงกำยำถึงอยู่มาได้จนถึงป่านนี้”หญิงสาวพูดพร้อมวางกระเป๋าเป้และกระเป๋าสะพายของเธอลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ผ้าคลุมถูกเปิดขึ้นเผยให้เห็นกระเป๋าเป้และกระเป๋าสะพายของหญิงสาววางอยู่ ก่อนที่กระเป๋าเป้ของเธอจะถูกเปิดออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อค้นหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งพี่ชายของเธอฝากมามอบให้กับหัวหน้าคนงาน ซึ่งยังต้องอยู่เก็บรายละเอียดปลีกย่อยไม่ต่ำกว่าสองสัปดาห์ ภายในนั้นมีอุปกรณ์สำหรับปฐมพยาบาลอย่างครบครัน ชนิดที่ว่าสามารถทำการผ่าตัดเล็กๆ ได้ หญิงสาวหยิบปรอทวัดไข้ขึ้นมา ก่อนจะสะบัดไปมาแรงๆ พร้อมนำไปวางไว้ที่ใต้ลิ้น ก่อนจะใช้นิ้วเรียว เปิดเปลือกตาที่ปิดสนิทของคนเจ็บให้เปิดขึ้นเพื่อสังเกตอาการไปด้วยพร้อมกัน ท่ามกลางสายตาของเว่ยหงอี้ที่นั่งมองการรักษาและเครื่องมือของหญิงสาวด้วยความแปลกประหลาดใจอย่างยิ่งยวด “ท่านหมอนี่คือขั้นตอนการรักษาอย่างนั้นเหรอ เหตุใดหน้าตาจึงแลดูแปลกประหลาดนักเชียว”หงอี้ถามกลับไปด้วยความสงสัย “อ่อ...นี่คือเครื่องมือการรักษาคนไข้ของหมอทุกคนที่จำเป็นต้องใช้ในยามฉุกเฉิน ไม่เคยเห็นเลยเหรอ”ลี่ย่าถามกลับไปแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเธอได้ยินประโยคถัดมาดังออกมาจากปากของหงอี้ “ข้าติดตามท่านแม่ทัพออกรบทำศึกมาทั่วทุกสารทิศ บาดเจ็บเจียนตายมาแล้วก็หลายครั้งหลายครา อย่าว่าแต่แคว้นเทียนหยวนที่ว่ายิ่งใหญ่แล้วเลย ทั่วหล้าก็หาเคยได้พานพบ และเครื่องมือแปลกประหลาดเช่นนี้แม้แต่น้อยเลยนะ” คำกล่าวของหงอี้ทำให้ลี่ย่านั่งฟังพลางครุ่นคิดตามไปกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “แคว้นเทียนหยวนอย่างนั้นเหรอ!...เฮ้ย!!! นี่ฉันมาอยู่ในยุคโบราณจริงๆ หรือนี่ ยุคก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้หรือเปล่า แล้วเราจะล่วงรู้ได้อย่างไงว่ามันคือเรื่องจริงหรือไม่จริง”หญิงสาวบ่นพึมพำอยู่ภายในใจก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหลงลืมปรอทวัดไข้เอาไว้ในปากของคนเจ็บ ลี่ย่ารีบดึงปรอทวัดไข้ออกจากปากอย่างรวดเร็วก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นอุณหภูมิร่างกายของคนเจ็บ “ตายแล้วมีไข้สูงถึง 45 องศาเลยเหรอเนี่ย ไม่ได้การแล้วบาดแผลติดเชื้อเพราะว่าเป็นหนองและกระจายเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว”กล่าวพร้อมเงยหน้าขึ้นมองหงอี้พร้อมเอ่ยขึ้น “ต้องรีบผ่าตัดด่วนเลยและคุณจะต้องอยู่ช่วยฉัน”ลี่ย่าบอกคนตรงหน้าในขณะที่หงอี้ยังคงนั่งงงกับคำพูดของเธอที่กล่าวออกมาเช่นนั้น จนหญิงสาวต้องเอ่ยเตือน “เอ้า! ไม่ได้ยินเหรอที่บอก ฉันจะต้องรีบลงมาผ่าตัดแล้วคุณมาช่วยฉันหน่อย”หญิงสาวพูดย้ำออกมาเป็นครั้งที่สอง ในขณะที่หงอี้ส่ายหน้าไปมาด้วยเพราะเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ลี่ย่ากล่าวออกมาแม้แต่น้อย “ข้าไม่เข้าใจที่ท่านหมอพูด กำลังหมายถึงสิ่งใดอย่างนั้นหรอกรึ”หงอี้บอกกลับไปตามตรง “โอ้ยอยากจะบ้าตายเลยฉัน ตกลงเราพูดไม่รู้เรื่องซะงั้น หรือว่าจะต้องพูดให้เหมือนกับเขาจึงจะเข้าใจ”หญิงสาวบ่นพึมพำก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรงพร้อมเอ่ยขึ้น “ท่านมาช่วยข้า! ข้าจะต้องรีบรักษาต้องดึงเอาเจ้าสิ่งที่อยู่ในร่างนี้ออกไปให้เร็วที่สุด! คราวนี้เข้าใจหรือไม่”หญิงสาวพูดช้าๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป และนั่นทำให้หงอี้รีบพยักหน้าขึ้นลงทันที “ได้สิท่านหมอพูดแบบนี้ค่อยรู้เรื่องหน่อย”กล่าวพร้อมรีบตรงเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าพลางมองเครื่องมือรักษาที่กำลังถูกลำเลียงออกจากกระเป๋า พร้อมเสียงของลี่ย่าดังขึ้น “นำโต๊ะตัวนั้นมาวางไว้ตรงนี้ ข้าจะนำเครื่องมือมาวางไว้เพื่อทำการรักษา” “เตรียมน้ำสะอาดมาให้ข้า! ขอเยอะหน่อยนะ” “ขอไม้หรืออะไรก็ได้ที่สูงๆ เอาไว้ห้อยน้ำเกลือและให้ยาผ่านทางเส้นเลือด “ขอผ้าสะอาดที่ยังไม่ได้ใช้เลย เอามาเยอะๆ” เสียงสั่งการดังลอดออกมาเป็นระยะๆ พร้อมร่างของทหารภายในกองทัพ ต่างทยอยกันลำเลียงสิ่งที่ลี่ย่าต้องการเข้ามาภายในกระโจมอย่างไม่ขาดสาย ท่ามกลางอาการสะลึมสะลือของตงฟางลี่หยาง เมื่อเสียงสตรีที่สั่งการอยู่ในขณะนั้นดังกระทบเข้ากับโสตประสาท “สะ..สตรี..ทะ..ที่ไหน...บังอาจ..ขะ...เข้ามาในค่ายทหารของข้า”แม่ทัพหนุ่มพึมพำออกมาเบาๆ ท่ามกลางดวงตาที่พร่าเลือน ตงฟางลี่หยางเห็นมือน้อยๆ หากแต่มีนิ้วยาวเรียวงาม เล็บสีกลีบบัวช่างขับกับมือขาวผ่องนวลเนียนเสียนี่กระไร และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของแม่ทัพหนุ่มในเวลานี้นั่นก็คือ เข็มเงินที่มีสายต่อเป็นทางยาวปรากฏอยู่ตรงหน้าและกำลังจะแทงลงบนหลังมือของเขา หมับ!!! มือทั้งหยาบและกระด้างจับข้อมือเล็กๆ ของอีกฝ่ายจนได้ยินเสียงร้องดังขึ้นมาโดยพลัน “คิดจะลอบสังหารข้าอย่างนั้นรึ!!!”ลี่หยางตวาดกร้าว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม