ตอนที่ 11 หยกบุบผา1.2

1775 คำ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ร่างสมส่วนของหลิงลี่ย่ากำลังก้าวเดินออกมาจากตัววิหารเจ้าแม่ โดยมีผ้าคลุมสีดำทะมึนขลิบชายผ้าด้วยไหมสีทองปักเป็นรูปหงส์เหินไปตามแนวขอบชายผ้าคลุมปกปิดร่างกายอย่างมิดชิด หากแต่สวยงามอย่างลงตัว ชวนมองมากเลยทีเดียว ในขณะที่หญิงสาวกำลังก้าวเดินออกมาจากวิหารเจ้าแม่ คิ้วงามพลันขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อท้องฟ้าเบื้องบนในเวลานี้กำลังย่างเข้าสู่เวลากลางคืนแล้ว เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงที่เธอเข้าไปทำธุระส่วนตัวอยู่ในวิหารดังกล่าว ดวงตาคู่งามกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณด้วยความแปลกใจ ก่อนจะไปหยุดนิ่งจับจ้องอยู่แต่ตรงทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งบัดนี้ดวงไฟมากมายกำลังทำงานให้แสสว่างไปโดยรอบทะเลสาบ สะท้อนน้ำสีเขียวมรกตสวยงามเป็นยิ่งนัก “โอโห่! สวยจัง”หญิงสาวพูดออกมาทันทีพร้อมสองเท้าก้าวเดินตรงไปที่ทะเลสาบอย่างรวดเร็ว เพียงครู่หลิงลี่ย่าก็มาหยุดยืนต้องขอบทะเลสาบ ผิวน้ำเคลื่อนไหวไปมาตามกระแสลมที่พาดผ่านมาเป็นระยะๆ ก่อนจะหันกลับไปมองทิศที่รถของเธอจอดอยู่มองเห็นเล็กนิดเดียว และเห็นผู้ช่วยของพี่ชายกำลังสาละวนกับการตั้งเต๊นท์ที่พักสำหรับค้างคืนในทะเลทรายเป็นเวลาสองคืนอยู่ในเวลานี้ “โอโห่! ไม่น่าเชื่อเลยแฮะว่ารถแคมป์ปิ้งของพี่สามจะสารพัดประโยชน์ได้มากมายขนาดนี้ พอกางเต๊นท์ออกมาใหญ่ไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย ว่าแต่ทำไมในทะเลทรายมืดเร็วจัง มิหนำซ้ำยังมืดเร็วกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก”หญิงสาวพูดพลางยกโทรศัพท์มือถือเก็บภาพทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวในเวลากลางคืนที่กำลังสะท้อนกับแสงไฟอยู่ในเวลานี้ ก่อนจะหันกล้องมือถือเพื่อเก็บภาพถ่ายของเธอเองซึ่งถ่ายคู่กับทะเลสาบ และนั่นทำให้ลี่ย่าสังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนหน้าจอโทรศัพท์ เมื่อท้องฟ้าเบื้อบนปรากฏพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีเหลืองนวลลอยอยู่เบื้องบน ในขณะที่เบื้องล่างคือทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวโดยมีร่างของหญิงสาวอยู่เบื้องหน้า และที่น่าประหลาดใจยิ่งไปกว่านั่นก็คือ ทั้งพระจันทร์เสี้ยวเบื้องบนและทะเลสาบพระจันทร์เบื้องล่างมาอยู่ตำแหน่งตรงกัน นอกจากนี้สร้อยหยกที่เธอสวมอยู่ในเวลานี้ แผ่นหยกครึ่งเสี้ยวที่มีรูปร่างคล้ายพระจันทร์ก็มีตำแหน่งซ้อนทับเข้าหากันอย่างไม่น่าเชื่อ ทันใดนั้นเอง แวบบบบบ!!!! แสงสว่างเจิดจ้าลุกวาววับไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าบังเกิดขึ้นมาโดยพลัน พร้อมร่างของหลิงลี่ย่าหายไปจากบริเวณทะเลสาบพระจันทร์ไปอย่างรวดเร็ว พรึบ!!!! เพียงชั่วพริบตาร่างสมส่วน ที่มีผ้าคลุมสีดำทะมึนปกปิดร่างกายเอาไว้อย่างมิดชิดของหลิงลี่ย่าก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง เธอไม่ได้หายไปไหน ยังคงยืนอยู่บริเวณทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมนั่นก็คือ ในเวลานี้ไม่ปรากฏว่าไม่มีวิหารเจ้าแม่ ไม่มีศาลเจ้าพ่อมังกรและก็ไม่ปรากฏหอน้ำพุหยกแต่อย่างใด ไร้สิ้นแสงจากหลอดไฟที่รายล้อมไปทั่วบริเวณซึ่งใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าไปทุกพื้นที่ ทุกสิ่งหาได้ปรากฏเหมือนดั่งที่เคยเป็นแต่อย่างใด ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมาอยู่เพียงครู่ ก่อนจะกวาดสายตาสังเกตสิ่งรอบตัว แม้ว่าเหตุการณ์ประหลาดจะเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ลี่ย่าก็สัมผัสถึงความผิดปกตินั้นได้ ด้วยเพราะในเวลานี้ท้องฟ้าเบื้องบนมืดมิดเห็นดวงดาวมากมายนับหมื่นล้านดวง กำลังแข่งขันทอแสงจนทั่วทั้งผืนทรายสว่างอย่างเห็นได้ชัดอีกทั้งพระจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้าในเวลานี้ใหญ่กว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมามากเลยทีเดียว เฮ้ย! หญิงสาวส่งเสียงอุทานออกมาทันที ร่างสมส่วนอรชรรีบก้าวเดินออกมาจากขอบทะเลสาบมาหยุดยืนอยู่บนเนินทรายสูงตรงหน้าเพื่อกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ครั้นสายตามองไกลออกไปเบื้องหน้าแทนที่จะเห็นวิหารเจ้าแม่ ศาลเจ้าพ่อมังกรหรือแม้กระทั่งหอน้ำพุหยก แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นกลับเป็นแสงจากคบไฟและกระโจมมากมายคล้ายกองคาราวาน ตั้งกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณเนินทราย และที่สำคัญลี่ย่าเห็นบุรุษสวมชุดเกราะโบราณ หน้าตาล้วนถมึงทึงและดุดัน ร่างกายใหญ่โต ยืนเรียงรายอยู่ตามจุดต่างๆ ล้อมรอบกระโจมเหล่านั้นทั้งหมด “แม่เจ้า!!! นี่เราอยู่ที่ไหนกันแน่!!!”ลี่ย่าเอ่ยออกมาทันใดเมื่อเธอแน่ใจว่าสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ในเวลานี้แตกต่างจากเมื่อครู่ที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง ทันใดนั้นเอง อ๊าคคคคคค!!!! เสียงร้องโหยหวนบ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสดังกึกก้องขึ้นท่ามกลางท้องทะเลทรายอันเวิ้งว้างสุดสายตาขึ้นมาโดยพลัน “ท่านแม่ทัพขอรับ อดทนอีกสักหน่อยเถิด ท่านนายกองกำลังไปตามหมอจากหมู่บ้านชายแดนมารักษาอาการบาดเจ็บของท่านแล้ว อีกไม่นานแล้วขอรับ! อีกไม่นานแล้ว”เสียงของทหารใกล้ชิดส่งเสียงบอกแม่ทัพของเขา และถ้อยคำดังกล่าวทำให้ลี่ย่าขมวดคิ้วงามเข้าหากันทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น “ท่านแม่ทัพอย่างนั้นเหรอ...เฮ้ย! แถวนี้มีแม่ทัพมาจากที่ไหนร่วมแฟรมเดียวกันกับทางรัฐบาลด้วยเหรอ ยุคสมัยนี้คำว่าแม่ทัพไม่มีกันแล้ว มีแต่เรียกว่าท่านนายพลกันทั้งนั้น”ลียาพูดอยู่คนเดียวตามลำพัง ทันใดนั้นเอง “มีคนร้ายบุกรุก! มีพวกสอดแนมของศัตรูบุกค่ายทหาร!!!”เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ติดตามด้วยเสียงฝีเท้าและชุดเกราะดังกระทบกันเอ็ดอึงขึ้นตามมาทันที บรรดาชายฉกรรจ์สวมชุดเกราะโบราณต่างวิ่งตรงมายังจุดที่หญิงสาวกำลังยืนอยู่ในขณะนี้ “เหวออออ!!! อะไรกันเนี่ย”ลี่ย่าร้องตะโกนเสียงหลงพร้อมหันหลังกลับเตรียมวิ่งออกไปจากบริเวณดังกล่าว “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!”เสียงสั่งเฉียบขาดดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังของหญิงสาว ติดตามด้วยร่างของบุรุษสวมชุดเกราะโบราณ บางคนถือหอกยาว บางคนถือดาบ กรูกันเข้ามาล้อมหญิงสาวเป็นวงกลมนับหลายสิบคน คบไฟที่บรรดาทหารต่างถืออยู่ในมือนั้นทำให้ ลี่ย่าเห็นหน้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน ช่างถมึงทึงและดุดันเป็นที่น่าหวาดหวั่นเสียนี่กระไร “แม่เจ้า! นี่ฉันมาหลงอยู่ในกองถ่ายทำซีรีสสงครามช่องไหนกันวะเนี่ย มีแต่ทหารสวมชุดเกราะโบราณเต็มไปหมดเลย แต่ไม่ใช่สิ ทำไมไม่เห็นจะมีกล้องถ่ายทำสักตัว แล้วไหนจะทีมงานถ่ายทำอีก”ลี่ย่าคิดในใจพลางกลืนน้ำลายลงคอด้วยเธอรู้สึกว่ามีบางอย่างชักจะไม่ชอบมาพากันเกิดขึ้นกับเธอเสียแล้ว “ตั้งแต่เก็บเจ้าสร้อยหยกเส้นนี้ได้ พบเจอแต่เรื่องแปลกประหลาดตลอดเลย อย่าบอกนะว่าเจ้าสร้อยเส้นนี้เป็นตัวการทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”หญิงสาวบ่นพึมพำ หลิงลี่ย่ารีบกระชับผ้าที่คลุมร่างของเธออยู่ในเวลานั้นให้ปกปิดมิดชิดมากยิ่งขึ้น พร้อมขยับผ้าคลุมผมสำหรับป้องกันแสงแดดที่ได้มาพร้อมกับผ้าคลุมผืนใหญ่ ขึ้นมาปิดบังใบหน้าเผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาสีดำกลมโตที่ใสแจ๋วราวกระจกเพียงเท่านั้น ก่อนจะได้ยินเสียงตวาดดุดันอยู่ทางเบื้องหลังของเธอ “จับคนผู้นี้ไปขังเอาไว้!!!!”เสียงสั่งการดังขึ้นมาทันที “ขอรับ!!!”บรรดาทหารต่างรับคำอย่างพร้อมเพรียง หลิงลี่ย่าถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจครั้นได้ยินเช่นนั้น สมองรีบสั่งการให้เธอแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน ก่อนจะนึกถึงคำพูดและเสียงร้องของคนเจ็บที่ดังขึ้นเมื่อครู่ที่ผ่านมา “จะต้องมีคนเจ็บปางตายอยู่แถวนี้แน่ๆ เลย และท่าทางจะต้องมียศตำแหน่งสูงด้วย พวกเขาบอกว่ากำลังให้นายกองไปตามหมอจากหมู่บ้านชายแดนมารักษา เอาวะสวมรอยเป็นหมอรักษาเลยดีกว่า เอาตัวรอดไว้ก่อนเพราะถึงอย่างไงเราก็เป็นหมอจริงๆนี่หว่า รักษาคนเจ็บได้อยู่แล้ว”ลี่ย่าคิดในใจพร้อมรีบหันกายกลับมาเผชิญหน้ากับกองทหารในชุดเกราะก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว “หยุดก่อน...อย่าเพิ่ง! อย่าเพิ่ง! ฉันเป็นหมอนะ มีคนไปตามฉันให้มารักษาคนเจ็บที่นี่”หญิงสาวตะโกนบอกกองทหารที่กำลังล้อมรอบตัวเธออยู่ในเวลานี้ “ว่าอย่างไงนะ! นี่เจ้าเป็นสตรีอย่างนั้นหรอกรึ และยังเป็นหมอที่นายกองไปตามมารักษาท่านแม่ทัพด้วยอย่างนั้นเหรอนี่”เสียงที่ดังออกมาจากบุรุษร่างใหญ่ซึ่งสวมชุดเกราะเช่นเดียวกันเอ่นแทรกขึ้น “ชะ..ใช่...แล้ว...มีคนไปตามฉันให้มารักษาคนเจ็บที่นี่ อย่ามัวแต่ถามอยู่เลย นะ..ไหนละคนเจ็บถ้าไม่รีบรักษาแล้วละก็ ไม่รอดนะเพราะเสียงร้องที่เพิ่งได้ยินบ่งบอกว่าได้รับบาดเจ็บมากเลยทีเดียวไม่ใช่เหรอ”หญิงสาวรีบตัดบทพยายามพูดเฉไฉไปทางอื่น เพราะตัวเธอเองนั้นก็มีไม่มีข้อมูลอะไรเลย อาศัยว่าจับใจความที่บังเอิญมาได้ยินเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น ครั้นบุรุษในชุดเกราะได้ยินเช่นนั้น ความคิดที่จะสอบถามเอาความจริงพลันล้มเลิกไปทันทีแต่ก็ไม่วางคลางแคลงใจอยู่ร่ำไปสินะ “แต่ไหนแต่ไรมายังไม่เคยมีสตรีเรียนรู้วิชาแพทย์เช่นนี้มาก่อนเลย ช่างเถอะ! ช่างเถอะ! ถ้าเช่นนั้นท่านหมอรีบตามข้ามาด้วยเถิด ท่านแม่ทัพบาดเจ็บสาหัสเป็นยิ่งนัก รีบเข้าไปดูอาการก่อนเถอะ”กล่าวพร้อมส่งสัญญาณให้บรรดาทหารที่พากันยืนรายล้อมอยู่ในขณะนั้นเปิดทางออกอย่างรวดเร็ว ลี่ย่าเห็นเช่นนั้นถึงกับโล่งอก เมื่อคนตรงหน้าบอกกับเธอ หญิงสาวไม่รอช้ารีบกระชับกระเป๋าเป้และกระเป๋าสะพายของตัวเองที่อยู่ในอ้อมแขนภายใต้ผ้าคลุมปกปิดกายเอาไว้จนแน่น พร้อมรีบเดินตามคนตรงหน้าไปอย่างกระชั้นชิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม