บึงพระจันทร์
ตุบ...ตุบ!!!! ท่ามกลางอาการหอบเหนื่อยจนตัวโยนของหญิงสาว ครั้นประคองร่างของแม่ทัพตัวโตจวบจนกระทั่งมาถึงบึงพระจันทร์ได้เป็นผลสำเร็จ ร่างเล็กๆ ทรุดกายนั่งหันหลังให้กับลี่หยางเพื่อสูดอากาศเข้าปอด จนกระทั่งความเหนื่อยเริ่มจางหายไป โดยไม่ล่วงรู้ว่าตัวเธอตกเป็นเป้าสายตาของแม่ทัพในอดีตอยู่ในเวลานี้
ด้วยเพราะหมอหญิงตรงหน้าสวมอาภรณ์ประหลาดไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อน แต่ใบหน้ากลับคลุมผ้าสีดำปกปิดเอาไว้อยู่ตลอดเวลาเห็นเพียงแค่ดวงตาที่กลมโตเป็นประกายแวววาว ชวนมองเป็นยิ่งนักเท่านั้น
“อาภรณ์ของเจ้าช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก หมู่บ้านชายแดนของแดนเหนือพากันสวมอาภรณ์เช่นนี้หรอกรึ เหตุใดเท่าที่ข้าเห็นมาหาใช่ที่อยู่ในกายของเจ้าแม้แต่น้อย”ลี่หยางถามกลับไปด้วยความสงสัย
และนั่นทำให้ลี่ย่ารีบก้มลงมองร่างของเธออย่างรวดเร็วครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ก็แน่นอนสิยะว่าเสื้อผ้าของฉันจะต้องไม่เหมือนของคนที่นี่อย่างแน่นอน เพราะว่าฉันมาจากโลกหน้าในอนาคตโน้นเลย และเป็นคนเดียวที่ต้องมาพบเจอเรื่องบ้าๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้”หญิงสาวบ่นอยู่ภายในใจก่อนจะเหลือบสายตาดึงชายผ้าคลุมของเธอกลับมาห่อหุ้มกายของตัวเองเอาไว้เหมือนเดิมอย่างมิดชิดพร้อมเอ่ยขึ้น
“เสื้อผ้าของข้าเหมาะที่จะสวมใส่ป้องกันแสงแดดในเวลากลางวัน และให้ความอบอุ่นในกลางคืนได้เป็นอย่างดี”หญิงสาวพูดพลางหันกลับไปมองคนทางด้านหลัง
เฮ้ยยยย!!!! ลี่ย่าอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเธอเห็นร่างใหญ่กำยำของตงฟางลี่หยางมีเพียงผ้าพันกายแลดูคล้ายกางเกงสีขาว ท่อนบนเปลือยเปล่าและหน้าท้องที่ถูกพันแผลเอาไว้เท่านั้น ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มซีดเซียวและอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ครั้นหญิงสาวเห็นเช่นนั้นจึงรีบนำผ้าคลุมของเธอตรงเข้าห่อหุ้มกายของเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“อาการของท่านไม่ค่อยสู้ดีเสียแล้ว นอนลงก่อนเถอะนะข้าจะตรวจอาการให้เดี๋ยวนี้”หญิงสาวพูดพร้อมตรงเข้าประคองร่างแม่ทัพใหญ่ตรงหน้าให้นอนราบลงไปกับพื้นหญ้าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
หอกยาวและสามง่ามรีบปักลงดินไว้ด้านละข้าง เพื่อให้ตัวยาวิ่งเข้าสู่ร่างกายไปอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันกระเป๋าสัมภาระก็ถูกวางลงกับพื้นเพื่อค้นหาอุปกรณ์ทำแผล นำมาเย็บบริเวณปากแผลที่ปริแตกเมื่อครู่ให้แนบชิดติดกันเหมือนเดิม หาไม่แล้วแม่ทัพเลื่องชื่อต้องเสียเลือดจนหมดตัวอย่างแน่นอน
ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความพร่าเลือน หากแต่ยังไม่หมดสติ ตงฟางลี่หยางเห็นเส้นไหมถูกดึงขึ้นลงอยู่บริเวณหน้าท้องไปมา เสียงกึด กึด ที่เข็มกำลังเจาะลงไปบนเนื้อบริเวณปากแผลได้ยินอย่างแจ่มชัดแต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดกลับแทบไม่ปรากฏขึ้นมาเลยในความรู้สึก
ดวงตาสีดำคู่ใหญ่เฝ้าจับจ้องอยู่แต่ใบหน้าของหมอหญิง ที่ใช้ผ้าสีดำเช่นเดียวกับผ้าคลุมปกปิดอำพรางใบหน้าของตัวเองเอาไว้อยู่ตลอดเวลา แต่ถึงกระนั้นบางจังหวะที่ขยับกายไปมาผ้าที่ปิดอำพรางอยู่นั้นเผยอออกทำให้เห็น ใบหน้าของนางภายใต้ผ้าผืนสีดำดังกล่าวหวามไหวอยู่เช่นนั้น ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นสร้อยหยกที่ห้อยแผ่นหยกคล้ายพระจันทร์เสี้ยวเอาไว้บนคอของนาง
ดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาทันใดครั้นเห็นลวดลายบนหยกล้วนเหมือนกับอีกครึ่งที่แม่ทัพผู้กล้าสวมอยู่บนคอในเวลานี้เช่นเดียวกัน ริมฝีปากซีดขาวราวกระดาษขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ
“ยะ..หยก..หยกบุบผา!!!”สิ้นเสียงของตงฟางลี่หยาง
หมับ! ฝ่ามือตรงเข้าจับข้อมือเล็กๆ ของหมอหญิงเอาไว้อย่างรวดเร็ว เมื่อแน่ใจแล้วว่าสตรีนางนี้คือผู้ที่น้องสาวสั่งกำชับหนักหนาเอาไว้ก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
“จะ..เจ้าคือคนที่ข้ากำลังตามหามาโดยตลอด..ทะ..ที่แท้เจ้าก็มาอยู่ในสถานที่แบบนี้นี่เอง”ลี่หยางพูดกับหมอหญิงของเขาที่กำลังตกใจกับการกระทำของอีกฝ่ายอยู่ในเวลานี้
“ทะ..ท่านแม่ทัพ..เป็นอะไรขึ้นมาอีกละเนี่ย..จับข้อมือข้าเอาไว้แบบนี้ทำไม ข้าเจ็บมากเลยนะรู้ไหม”หญิงสาวบอก
“จะ..เจ้าจะต้องอยู่กับข้า! หะ..ห้ามหนีไปไหนเป็นอันขาด..หากเจ้ามิฟังยังจะหนีจากไป เชื่อเถอะว่าข้าจะตามจับเจ้ากลับมาและค้นหาจนพบได้อย่างแน่นอน เจ้าและข้ายังมีเรื่องที่จะต้องสนทนาความกันอีกยาว”ลี่หยางพูดขู่หมอหญิงของเขากลับไป
“คำก็ขู่สองคำก็ขู่ ข้าไม่ใช่นักโทษของท่านแม่ทัพนะ”หลิงลี่ย่าสวนกลับไปทันควัน
พรืดดด!!! ร่างคนตัวเล็กกว่าถูกดึงเข้าไปหาคนตัวใหญ่อย่างแรงจนล้มลงไปปะทะกับอกกว้าง และนั่นทำให้หยกบุบผาของทั้งสองประกบเข้าหากันด้วยความบังเอิญ
แวบบบบ!!! แสงเรืองรองสว่างจ้าขึ้นมาทันใดท่ามกลางอาการตื่นตะลึงของแม่ทัพชื่อก้องที่ได้เห็นเหตุการณ์ประหลาดอย่างไม่คาดฝันเช่นนั้น เพราะทันที่หยกบุบผาของทั้งสองประกบเข้าหากันด้วยความบังเอิญ ร่างของ
หมอหญิงที่ล้มลงมาปะทะกับอกค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของลี่หยางก่อนจะเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา
เหวอ!!!!! หลิงลี่ย่าอุทานออกมาด้วยความตกใจจนสุดเสียง เมื่อเธอมีความรู้สึกว่ากำลังมีแรงดึงดูดมหาศาลกระชากร่างบอบบางของหญิงสาวให้ออกไปจากบริเวณดังกล่าว
ใบหน้างามเงยขึ้นมองแม่ทัพผู้กล้าอย่างตื่นตระหนกกลับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองอยู่ในเวลานี้
"ท่านแม่ทัพช่วยด้วย!!! " หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือออกไปทันใด
หากแต่เพียงชั่วพริบตา ร่างของหญิงสาวไหววูบวาบและเริ่มจางหายไปจากอ้อมอกกว้างตรงหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ตงฟางลี่หยางไม่สามารถทำอะไรได้เลย
พรึบ!!! ร่างของหมอหญิงเลือนหายไปทันที ท่ามกลางอาการตกตะลึงของอีกฝ่าย
หลิงลี่ย่า!!!! ตงฟางลี่หยางร้องเรียกชื่อดังกล่าวออกมาจนสุดเสียง
ยุคปัจจุบัน
คุณลี่ย่า! คุณลี่ย่า คุณลี่ย่าครับ!”เสียงร้องเรียกชื่อเล่นของหญิงสาวประหนึ่งคนคุ้นเคยดังขึ้นติดต่อกัน
ในขณะที่คนถูกเรียกอยู่ในเวลานี้ กำลังอยู่ในท่าที่เรียกว่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นหญ้าบริเวณทะเลสาบพระจันทร์ ซึ่งเธอนั่งอยู่ห่างจากน้ำไม่ถึงสองเมตรเสียด้วยซ้ำ ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อมีมือของผู้ชายเข้ามาประคองร่างของเธอให้ลุกขึ้นจากท่านั่งดังกล่าวพร้อมเสียงเอ่ยถาม
“คุณลี่ย่าเป็นอะไรไปอย่างนั้นเหรอครับ...หรือว่าจะไม่สบายเพราะยังปรับตัวกับอากาศที่อยู่ภายในทะเลทรายแบบนี้ไม่ทันหรือเปล่าครับ”เสียงของผู้ช่วยหลิงฉางอี้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่ผู้ช่วย!!!”หญิงสาวเรียกคนตรงหน้าครั้นสายตาเห็นใบหน้าของเขาอย่างแจ่มชัด
หลิงลี่ย่ากลอกลิ้งดวงตาของเธอไปมา เพื่อต้องการให้ล่วงรู้ว่าสถานที่เธอกำลังอยู่ในเวลานี้คือยุคปัจจุบันหาใช่โลกอดีตกาลที่ไม่รู้ว่าย้อนกลับไปยาวนานเพียงใด
“ฉันกลับมาแล้ว! กลับมาแล้วจริงๆ ด้วย”หญิงสาวพูดออกมาด้วยความดีใจ และก็ต้องหยุดลงเมื่อคิดว่าเธอนั้นอาจจะแค่ฝันกลางวันเพราะเมาแดดทะเลทรายเสียมากกว่า
“ไม่ใช่สิหรือว่าเราจะเมาแดดแล้วเพลียกับอากาศในทะเลทรายก็เลยฝันกลางวันไปเสียมากกว่ากระมัง”หญิงสาวพูดพลางสำรวจไปทั่วบริเวณเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้ไปไหนแม้แต่น้อย ก่อนจะได้ยินเสียงของผู้ช่วยพี่ชายของเธอเอ่ยถามขึ้นมา
“คุณลี่ย่าเอากระเป๋าสัมภาระไว้ไหนอย่างนั้นเหรอครับ พอดีว่าภายในนั้นมีกระเป๋าเครื่องมือทางการแพทย์ที่เจ้านายฝากมาที่หน้าไซด์งาน เวลาคนงานเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยจะได้มีไว้ใช้อย่างทันท่วงที”พูดพลางมองหน้าน้องสาวของเจ้านายที่ยืนฟังเขาด้วยความตกใจไปชั่วขณะ
เฮ้ยยยย!!! ลี่ย่าส่งเสียงอุทานขึ้นมาทันใดครั้นถูกถามกลับมาเช่นนั้น
“OH MY GOD!!! เป็นความจริงหรือนี่ ไม่จริงใช่ไหม! มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม”หญิงสาวพูดพร้อมยกมือขึ้นทาบทับแก้มทั้งสองข้างด้วยไม่อยากจะเชื่อว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ที่ผ่านมาและเพิ่งผ่านพ้นไป หาใช่ความฝันแต่คือความจริงที่เกิดขึ้นกับเธอ
หญิงสาวเดินกลับไปกลับมาดั่งหนูติดจั่นอยู่เช่นนั้น ท่ามกลางสายตาของผู้ช่วยฉางอี้มองกิริยาของน้องสาวเจ้านายด้วยความงุนงงระคนสงสัยที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้
“คุณลี่ย่าเธอเป็นอะไรไป! ทำไมมีอาการแปลกๆ แบบนี้ขึ้นมาได้นะ ก็ยังมาด้วยกันดีๆ อยู่แล้ว แปลกจริงเชียวหรืออากาศที่นี่แปรปรวน คนก็เลยเพี้ยนตาม”ชายหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะได้ยินเสียงน้องสาวเจ้านายดังแทรกขึ้นมา
“พี่ผู้ช่วยลี่ย่าอยากขอถามอะไรบางอย่างจะได้ไหมคะ”หญิงสาวตัดสินใจถามกลับไป
“เชิญถามได้เลยครับ ถ้าผมล่วงรู้อะไรและสามารถตอบได้ก็จะตอบทันที”เขาตอบกลับมาแทบไม่ต้องคิด
และคำตอบดังกล่าวทำให้ลียาถามสวนกลับไปทันควัน
“พี่เชื่อว่าคนเราจะสามารถเดินทางไปโลกในยุคอดีตได้หรือเปล่าคะ ถ้ามีคนมาบอกกับพี่ว่าได้ไปเยือนยุคโบราณมาในช่วงเวลาที่หายไป”
ผู้ช่วยหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น
“มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยเหรอครับคุณลี่ย่า ยุคสมัยในอดีตผ่านมาแล้วย่อมไม่มีทางหวนคืนกลับมา เวลาเดินหน้าไปอนาคตอยู่เสมอ ทำไมคุณลี่ย่าจู่ๆ จึงตั้งคำถามแบบนี้ออกมาได้ละครับ”ชายหนุ่มถามกลับไปด้วยความสงสัย
หญิงสาวนิ่งเงียบไปชั่วขณะครั้นได้ยินคำตอบเช่นนั้น
“อ่อ! ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ผู้ช่วยลี่ย่าแค่คิดเล่นๆ ไปอย่างนั้นเอง”หญิงสาวตอบเลี่ยงออกไปพร้อมเสียงของผู้ช่วยฉางอี้สอบถามกลับมาอีกครั้ง
“ตกลงคุณลี่ย่าเห็นกระเป๋าสัมภาระไหมครับ จะได้นำกระเป๋าปฐมพยาบาลไปมอบให้กับคนงาน”
“คะ...คือ...ว่า”หญิงสาวมีอาการติดอ่างขึ้นมาทันใด
“ไม่เห็นเหมือนกันค่ะพี่ผู้ช่วย ค้นหาในรถหมดแล้วอย่างนั้นเหรอคะ”หญิงสาวพูดพลางมองอีกฝ่ายตาแป๋ว
ในขณะที่ผู้ช่วยของฉางอี้ได้แต่ยกมือเกาศีรษะของตัวเองไปมาด้วยเพราะมั่นใจว่าเห็นเจ้านายเตรียมเอาไว้ให้แล้ว เพียงแต่ไม่ได้เป็นคนนำมาใส่ไว้ด้วยตัวเองเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เข้าใจว่าน้องสาวเจ้านายซึ่งเธอนั้นคือคุณหมอที่ใกล้จะเรียนจบแล้วเป็นคนนำมา
“ถ้าเช่นนั้นเดี๋ยวผมลองไปค้นหาอีกรอบ”ชายหนุ่มพูดพลางเหลือบสายตามองไปที่สร้อยหยกที่สวมอยู่บนคอของน้องสาวเจ้านายด้วยความแปลกใจ เพราะจำได้ว่าหยกที่ห้อยมีรูปร่างคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวแต่ในเวลานี้กลับเป็นแผ่นหยกทรงกลมและส่องประกายเรืองรองอย่างเห็นได้ชัด
“คุณลี่ย่าหาแผ่นหยกที่หายไปนำมาประกบต่อกันได้แล้วอย่างนั้นเหรอครับ ตอนแรกเห็นมีครึ่งเสี้ยวก็ว่าสวยแล้วพอสองชิ้นประกบเข้าหากัน สวยงามลงตัวมากไปกว่าเดิมเลยทีเดียว”กล่าวพร้อมเดินปลีกตัวกลับขึ้นไปที่รถแคมป์ปิ้งพร้อมตะโกนกลับมา
“ที่พักสำหรับสองคืนเตรียมเรียบร้อยเสร็จแล้วนะครับ ถ้าหากต้องการพักผ่อนคุณลี่ย่าเข้าไปนอนบนรถได้เลย ส่วนผมจะนอนเฝ้าอยู่ด้านล่างที่กางกระโจมคลุมรถเอาไว้รอบคันหมดแล้ว”
คำกล่าวของผู้ช่วยฉางอี้ที่ถามกลับมานั้นทำให้หลิงลี่ย่าถึงกับดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก้มลงมองสร้อยหยกที่สวมอยู่บนคอของเธอและไม่สามารถถอดออกได้เสียด้วย ในเวลานี้แผ่นหยกที่เคยมีเพียงครึ่งเสี้ยวกลับมีส่วนที่หายไปมาประกบเข้าหากันอย่างน่าแปลกใจเป็นยิ่งนัก
“ยะ..หยก..ของอีตาแม่ทัพ! ทะ..ทำไม..มาอยู่กับเราได้ละ..ทำไงละทีนี้เกิดอีตานั้นมาตามจับเรากลับไปตามคำขู่ของเขาอีกเราจะทำอย่างไงดี จะหนีไปที่ไหน!!!”หญิงสาวตกใจอย่างสุดขีดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธออยู่ในเวลานี้ ทันใดนั้นเอง
กระแสลมไม่รู้ว่ามาจากแห่งหนใดโหมกระหน่ำขึ้นมาฉับพลันพร้อมเสียงตะโกนก้องของผู้คนที่อยู่ในสถานที่ดังกล่าวดังเอ็ดอึงขึ้นมาทันใด
“พายุทราย!!! รีบวิ่งเข้าไปหลบในตัวอาคารหาที่กำบังร่างเร็วเข้า!!!”เสียงตะโกนก้องเอ็ดอึงและความวุ่นวายเริ่มปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ละคนทางใครทางมันเอาตัวรอดให้แก่ตัวเองโดยเร็วที่สุด
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวหันกลับไปที่วิหารเจ้าแม่ซึ่งพี่ชายของเธอรับผิดชอบในการสร้างอาคารดังกล่าว ร่างงามรีบหันกายวิ่งกลับไปยังวิหารเจ้าแม่อย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางกระแสลมแรงที่พาดผ่าน ลมกรรโชกทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ร่างของลี่ย่าหยุดชะงักไม่สามารถเดินฝ่ากระแสลมแรงดังกล่าวต่อไปได้อีก ทันใดนั้นเอง
แรงลมโหมกระหน่ำอย่างน่ากลัวและรุนแรง ก่อนจะหอบร่างของหญิงสาวลอยตัวขึ้นเหนือพื้น ดั่งถูกคนจับยกขึ้นก่อนจะตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
เหวออ!!! ลี่ย่าอุทานจนเสียงหลงด้วยความตกใจ ก่อนจะรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างจับร่างของเธอเหวี่ยงไปทางทะเลสาบพระจันทร์
ตูมมมมม!!!! เสียงคล้ายบางสิ่งตกลงในทะเลสาบพระจันทร์ที่กำลังสะท้อนกับเงาของพระจันทร์ ซึ่งบัดนี้จากที่โผล่มาครึ่งเสี้ยว ท่ามกลางเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
ช่วยด้วย!!!!