ความสงสัยว่าวันนี้เธออยู่ที่ไหน ทำให้เธอเดินก้าวไปยังหน้าต่างที่มีผ้าม่านปิดอยู่ แสงจากภายนอกสว่างจ้าเข้ามา เธอปรับม่านตาก่อนจะมองออกไปที่ด้านนอก กองหินดินทราย และวัสดุก่อสร้างวางเรียงรายกันอยู่กองเป็นพะเนิน เห็นที่ดินตรงหน้าแดงเถือกไปสุดลูกหูลูกตา
เธอพยายามใช้ความคิดว่าจากที่ร้านมาที่นี่ใช้เวลามากน้อยเพียงใด แต่ตัวเธอก็จำไม่ได้มันสะลึมสะลือไปหมด
ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา ‘หรือว่าเราถูกวางยา’
แค่นึกถึงสภาพตัวเองที่เอาไม่รอดแล้วเมื่อคืน ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องปกติ อีกอย่างเธอยังตอบสนองความต้องการของร่างหนาใหญ่ของชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ แค่นึกถึงตรงนี้นับเดือนก็หน้าแดงร้อนออกหูผ่าว ๆ ถึงแม้สติสตางค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ความรู้สึกวาบหวิวรัญจวนใจก็ยังตราตรึง
เสียงเปิดประตูทำให้เธอตกใจ และหันไปมองผู้ที่เข้ามาใหม่ พอเห็นเป็นพศินธ์ เธอก็ค่อยโล่งใจ
“นับมากินอะไรก่อนเร็ว” เขาเรียกเธออย่างเอ็นดู วางกล่องโฟมที่ใส่อาหารลงบนโต๊ะทำงาน แล้วเดินไปเอาน้ำในตู้เย็นที่อยู่ใกล้
“ที่นี่ที่ไหนคะ” เธอถามออกไปด้วยความอยากรู้
“ไซต์งานที่พี่ดูอยู่ อยู่ในเมืองหาดใหญ่นี่แหละ แต่นอกเมืองออกมาสักหน่อย บ้านจัดสรรน่ะ” เขาบอกเธออย่างละเอียด ดึงเก้าอี้หัวกลมที่อยู่ใต้โต๊ะอีกตัวออกมานั่ง
ความหอมของอาหารทำให้นับเดือนที่แทบไม่ได้กินอะไรมากนักตั้งแต่หนีออกจากบ้านมา รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เธอนั่งลงตรงเก้าอี้ที่มีพนักพิง
“ชอบกินอะไร พี่จะได้ซื้อมาให้” เขาถามด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร
“กินได้หมดค่ะ” เธอบอกเขาเสียงเบา ยกมือไปรับช้อนที่เขายื่นมาให้ เธอใช้มันเขี่ยต้นหอมที่อยู่ในข้าวผัดออกมาวางข้าง ๆ พศินธ์หัวเราะขึ้นมามองหน้าใสตรง ๆ
“ไหนว่ากินได้หมด ทำไมไม่กินผัก ฮึ” เขายกมือขึ้นมาขยี้หัวเธอเบา ๆ นับเดือนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่ว่ามีคนคอยห่วงใยเธอนั้นไม่เคยมี
เด็กสาวค่อย ๆ กลืนข้าวลงไปในคอ น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นมาอีก ตอนนี้ไม่กล้าสบตากับเขา เพราะรู้ว่าเขาจ้องมองอยู่ กะพริบตาไล่น้ำตาที่เอ่อออกมาจนท่วมนัยน์ตา เธอรีบกินและรีบกลืน เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองจะสะอื้น
ท่าทางการกินของเธอทำให้พศินธ์ช้อนสายตาลงมามองใบหน้าที่ก้มลงไปเกือบจะชนกล่องโฟม เขาใช้มือเชยคางเธอขึ้น เห็นเธอน้ำตาคลอ และกะพริบตาไล่น้ำตาตัวเองปริบ ๆ นับเดือนสูดลมหายใจ วางช้อนแล้วยกมันขึ้นมาเช็ดน้ำตา
“กินข้าว ทำไมต้องร้องไห้ด้วย” เขาพูดขึ้นมาเบา ๆ หยิบทิชชูที่อยู่ใกล้ ๆ มายื่นให้ นับเดือนรับมันมาแล้วเช็ดน้ำตา เขาเปิดขวดน้ำแล้ววางให้ตรงหน้า
พศินธ์รีบทานในส่วนของตัวเอง ปล่อยให้เธอทานข้าวไปเงียบ ๆ พอเขากินอิ่มแล้วก็รีบพูด
“พี่ไปทำงานนะ เย็น ๆ กลับมา มีขนมน้ำอัดลมอยู่ในตู้เย็น รู้สึกว่าจะมีผลไม้ด้วย กินได้นะ” เขาบอกเธอแล้วยกมือขึ้นมาลูบศีรษะเธออีกครั้งก่อนจะเดินออกไป
นับเดือนถอนหายใจออกมาเสียงดัง มองออกไปนอกหน้าต่างที่ตอนนี้ พศินธ์ยกมันแล้วรวบเอาไว้ข้าง ๆ เห็นหลังชายหนุ่มไว ๆ หายเข้าไปในโซนก่อสร้าง นับเดือนรีบกินข้าว ก่อนจะเก็บรวบรวมใส่ถุงมัดปากให้แน่น
ความเหงาเกิดขึ้นมาจับจิต ความกลัวขึ้นมาจับใจ เธอจะหันหน้าไปพึ่งใครได้ นับเดือนกลับไปหย่อนตัวลงบนที่นอนที่ยับยู่ เธอหยิบมันมาพับ ก่อนจะเห็นร่องรอยหยดเลือดที่อยู่บนที่นอน
หญิงสาวเอื้อมมืออันสั่นเทาไปสัมผัสมัน ความหวังของลูกผู้หญิง อยากแต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก และมอบความบริสุทธิ์ให้กับเขา แต่ตอนนี้
นับเดือนทิ้งตัวลงไปนอนคุดคู้อยู่บนเตียง คิดวนไปหัวสมองแทบระเบิด ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนแรง
พศินธ์ก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบ เขาเห็นเธอนอนสอดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอยู่บนเตียง เนื้อตัวที่มอมแมมของเขาที่เต็มไปด้วยฝุ่นทำให้เขาต้องรีบพาตัวเองไปชำระล้างร่างกายให้โดยเร็ว ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยชุดลำลองสบาย ๆ ก่อนจะมานั่งลงที่ข้างเตียง มองหน้าที่ไร้เครื่องสำอางของนับเดือน ดวงหน้าที่สะอาดหมดจดนั้น เธอยังไม่ไหวติงขนาดเขามานั่งใกล้เสียขนาดนี้
ชายหนุ่มค่อย ๆ เลื่อนตัว และลงไปนอนกอดก่ายเธออย่างที่ใจต้องการความหอมหวานความสุขที่เขาได้รับจากร่างกายนุ่มนิ่มนี้ยังประทับใจ ใบหน้าเข้มเลื่อนไปจนชิดก่อนจะหอมแก้มเธอเบา ๆ เขาสัมผัสได้ถึงร่างกายที่มีความร้อนอยู่ผ่าว
“นับจ๋า ไม่สบายหรือ” เขาเรียกชื่อเธอออกมาทันที
นับเดือนสะดุ้งตื่น เธอหันมามองเขาด้วยความตกใจ แต่พอเห็นเป็นใบหน้าชายหนุ่มที่คุ้นตาก็ถอนหายใจออกมาดัง ๆ
“นับปวดหัว” เธอบอกเขา คงจะเป็นเพราะตากฝนเมื่อคืนก่อนโน้นแน่ ๆ
พศินธ์แตะหลังมือไปที่หน้าผากมน รับรู้ได้ถึงความร้อนที่ส่งออกมา
“เดี๋ยวพี่หายาให้กิน” เขาบอกเธอเสียงนุ่ม
ก่อนจะรีบไปหยิบยาสามัญประจำบ้านที่เขาต้องมีติดไว้เสมอ หากว่าคนงานในไซต์ก่อสร้างไม่สบายหรือได้รับบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ก็ต้องวิ่งมาเอายาที่นี่
“กินยาก่อน” เขาประคองเธอลุกขึ้นนั่ง หยิบยาใส่ปาก และยกน้ำดื่มให้ นับเดือนกลืนมันลงคออย่างลำบาก
“นับตากฝนเมื่อคืนก่อนน่ะค่ะ” เธอบอกเขาเสียงเบา ตอนนี้กลายเป็นว่าตัวเธออยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่ นับเดือนเบี่ยงกายหลบออกมา แต่เขาก็รั้งไว้ ก่อนจะกอดกระชับแน่นตามหัวใจที่ปรารถนา
“เดี๋ยวคนงานจะเอาอาหารมาให้ ค่อยกินกันนะ” เขาบอกเธอด้วยความอาทร นับเดือนน้ำตารื้นขึ้นมาอีก เกิดมาไม่เคยมีใครอ่อนโยนกับเธอแบบนี้ เวลาที่ไม่สบายป้าก็แค่ถาม พาไปหาหมอ อยากหายก็ต้องกินยาเอาเอง นับเดือนจึงรักษาตัวไม่อยากให้เจ็บป่วยให้เป็นภาระของใคร
ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขารีบลุกขึ้นไป มีภรรยาคนงานยื่นถุงกับข้าวพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ มาให้ เธอเห็นเขาหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ที่วางไว้ที่โต๊ะทำงานยื่นให้เมียคนงานไปจำนวนหนึ่ง
“มากินข้าวกันเร็ว” เขาบอกเธอ และเดินไปหยิบถ้วยจานที่อยู่หลังตู้เย็นออกมาตามจำนวนอาหารที่ได้มา พร้อมทั้งแกะเรียบร้อย