บทนำ
...บทนำ...
รัชศกเฉิงซวีที่สิบเก้า ซึ่งปกครองโดยองค์ฮ่องเต้เจียงเหวินไห่ ตนเหมันฤดูหวนคืนมาเยือนยังมหานครโยวโจเมืองหลวงของอาณาจักรต้าฉวนอีกครั้งบัดนี้ที่จวนสกุลเพ่ยของท่านได้เท้า’ เพ่ย'เพ่ยเจี้ยนผิงซึ่งเขาคือท่านเจ้ากรรมอาญาบุรุษวัยสี่สิบเอ็ดหนาวของแผ่นดินต้าฉวนแห่งนี้
ซึ่งบัดนี้ด้านหน้าจวนอันกว้างขวางของท่านขุนนางหนุ่มใหญ่ผู้มีเคราดกดำนั้นเขากำลังนั่งคุกเข่าโดยมีคนของสกุลเพ่ยร่วมสองร้อยกว่าชีวิตทั้งหมดมารวมตัวกันคุกเข่าด้วยกันอยู่พร้อมหน้าไม่เว้นแม้นแต่เหล่าชนชั้นทาสก็เพื่อน้อมรับราชโองการจากองค์จักรพรรดิหรือฮ่องเต้แห่งต้าฉวน
โดยมีขันทีอาวุโสยืนทำสีหน้าทะมึนรอให้ทุกคนในจวนนี้มาตัวกันจนครบถ้วนเขาจึงเตรียมอ่านราชโองการที่ท่านใต้เท้าเพ่ยนั้นแทบไม่ต้องคาดเดาเลยว่าเนื้อหาภายในนั้นจะเป็นเช่นไรไปได้หากมิใช่เรื่องพันธสัญญาระหว่างบุตรสาวคนรองเช่น'เพ่ยอิ๋งจู'กับองค์ชายหก'เจียงเหวินไถ่'ไปได้
“ท่านเจ้ากรมอาญาเพ่ยเจี้ยนผิงจงรับราชโองการ….”
ท่านขันทีเฒ่าทอดน้ำเสียงยืดยาว เห็นแล้ว'เพ่ยฉิงเซียง'เด็กสาววัยสิบห้าหนาวบุตรสาวลำดับที่หนึ่งแต่เป็นคุณหนูลำดับที่สองของท่านใต้เท้าเพ่ยแอบเป็น ห่วงใยอีกฝ่ายว่าอาจจะคอแห้งก่อนอ่านราชโองการจบก็เป็นไปได้ แต่ให้นางจะคิดเช่นไรก็ยังคงนั่งก้มหน้านิ่งไม่เผยอศีรษะขึ้นไปวุ่นวายกับผู้ใดให้ตนเองต้องเดือดร้อนเด็ดขาด
"บัดนี้องค์ชายหก...เจียงเหวินไถ่ผู้เป็นจอมทัพแห่งกองกำลังเฮ่ยหลงมีคุณความดียิ่งใหญ่ใช้ชีพตนเองปกป้ององค์ไท่จื่อเจียงเหวินหรงจนตนเองได้บาดเจ็บสาหัส เจิ้น...ผู้เป็นบิดาแห่งแผ่นดินต้าฉวนรู้สึกซาบซึ้งในความดีนี้ขององค์ชายหก อย่างยิ่ง"
ขันทีเฒ่าเว้นระยะเล็กน้อยพร้อมกับเหลือบสายตาจับสังเกตผู้คนตรงหน้าแล้วกระแอมกระไอเร่งอ่านราชโองการต่อไปทันที
"เช่นนี้เจิ้นจึงคิดชดเชยตอบแทนที่องค์ชายหกนั้นเขายังคงไร้พระชายาแม้นเพียงหนึ่งคนจึงขอประทานสมรสให้แก่เจียงเหวินไถ่ได้สมรสกับคุณหนูใหญ่ของสกุลเพ่ยให้มาร่วมชีวิตเป็นคู่สามีภรรยาช่วยกันสืบสานลูกสร้างหลานเหลนให้แก่สกุลเจียงอยู่ยืนยงไปตลอดกาล…จบราชโองการ…”
จวบจนผ่านไปเป็นชั่วยามที่คนของราชสำนักกลับไปจนสิ้นแล้วแต่บรรยากาศภายในจวนสกุลเพ่ยนั้นกลับมิได้ชื่นมื่นเอาเสียเลยทั้งที่บุตรสาวของสกุลเพ่ยนั้นกำลังจะตบแต่งออกไปให้แก่’ องค์ชายหก’ แห่งต้าฉวนโดยแท้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นนะหรือ?
ก็คงเพราะองค์ชายหก ‘เจียงเหวินไถ่’ บุรุษวัยยี่สิบห้าหนาวนั้นเขาเพิ่งได้รับอุบัติเหตุเมื่อฤดูกาลล่ากวางดาวของเหล่าเชื้อพระวงศ์ชายเมื่อสิบสองวันก่อนโดยการเอากายของตนเองปกป้องคมธนูให้แก่องค์ไท่จื่อเจียงเหวินหรงจนป่านนี้เขานั้นก็ยังไม่ฟื้นคืนสติ
จะอยู่หรือตายล้วนยังไม่แน่ชัด หรือต่อให้องค์ชายลำดับที่หกผู้นั้นเขาไม่ถึงแก่ความตายแต่ตกจากหลังม้าก็ว่าสาหัสแล้วมากแล้วเจียงเหวินไถ่ผู้นั้นกลับยังถูกพิษร้ายจากดินแดนทะเลทราย กว่าจะแบกหามกันกลับมาถึงเมืองหลวงเข้าก็เข้าสู่ สามวันสามคืนผ่านไปเลยทีเดียวอาการที่ว่าย่ำแย่เข้าขั้นตรีทูตถึงเพียงนั้นหากไม่ตายก็คงอาจใกล้ถึงขั้นพิการ
ดังนั้นจากแต่เดิมหญิงคนรักขององค์ชายหกที่เป็นคุณหนูรองเช่น เพ่ยอิ๋งจูบุตรสาวที่ถือกำเนิดจากฮูหยินเอก เช่นจงอี้หรานที่ผู้คนทั้งเมืองโยวโจวแห่งนี้เข้าใจเสมอมาว่านางคือคุณหนูใหญ่จึงเดือดร้อนใจอย่างยิ่งที่จะต้องแต่งงานไปกับบุรุษซึ่งมิรู้ชะตากรรมเช่นนั้นต่อให้เขาเป็นองค์ชาย แต่พิกลพิการ หรืออาจจะตายก็ได้ทุกเวลานางที่เป็นสตรีรูปโฉมงดงามล่มปฐพีจะเอาชีวิตไปผูกติดด้วยได้หรือไม่ นางมิใช่คนโง่ถึงเพียงนั้นสักหน่อย
...ตบแต่งกับบุรุษบาดเจ็บใกล้ตายให้เขาหล่อเหล่าหรือร่ำรวยนางก็มิอาจรับไหวเด็ดขาด!...
เพราะนางคือคุณหนูผู้เพียบพร้อมเพ่ยอิ๋งจูนางมีหรือจะยินดีถูกส่งตัวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวในอีกสามวันต่อไปตบแต่งให้แก่บุรุษที่จะอยู่หรือตายล้วนไม่แน่ชัด นี่จึงเป็นสาเหตุให้บรรยากาศภายในจวนใต้เท้าเพ่ยนั้นแสนจะตึงเครียดไปเก้าส่วนเพราะหากเป็นการเจรจาสู่ขอกันโดยแม่สื่อธรรมดาทั่วไปมิใช่พระราชโองการย่อมพอจะแก้ไขหรือปฏิเสธกันได้อยู่บ้างทว่านี่...
...ช่างยากยิ่งนัก!...
"ท่านแม่เช่นไรข้าก็ไม่ยินดีจะแต่งให้กับซากศพหรอกนะเจ้าค่ะ...ท่านพ่อข้าไม่ยินดีจะตบแต่งให้องค์ชายหกเด็ดขาดนะเจ้าค่ะ"
สาวน้อยวัยสิบห้าหนาวนางกรีดเสียงร้องขัดอกขัดใจโดยมิรักษากิริยาใดทั้งสิ้น ดังเช่นเวลาปกติภายนอกจวนและอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนส่วนมากเพราะสถานที่แห่งนี้คือจวนสกุลเพ่ยนางจะกระทำตนเองเช่นไรก็ได้นั่นเอง
"จะร้อนใจไปไยเจ้าเป็น'คุณหนูใหญ่'เช่นนั้นหรืออิ๋งจู?"
จงอี้หรานสตรีวัยสามสิบหกหนาวผู้เป็นฮูหยินเอกของท่านใต้เท้าเพ่ยเอ่ยวาจามิทุกข์ร้อนอันใดจบลงก็ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบแก้กระหายเสียหนึ่งอึก
“ใช่หรือไม่เจ้าค่ะท่านพี่...ท่านแม่สามีที่ต้องขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไปตำหนักขององค์ชายหกนั้นย่อมต้องเป็นเพ่ยฉิงเซียงมิผิดไปใช่หรือไม่เจ้าค่ะเพราะว่าตามบันทึกจวนสกุลเพ่ย ฉิงเซียงนางคือคุณหนูใหญ่มาสิบห้าหนาวแล้ว ในราชโองการนั้นมีนามของอิ๋งจูที่ตรงใดสักเพียงหนึ่งประโยคมีเพียง'คุณหนูใหญ่สกุลเพ่ยเช่นนี้จะเป็นเพ่ยอิ๋งจูไปได้อยู่หรือเจ้าค่ะ”
จงอี้หรานนางกล่าวจบเนิบนาบแล้วนางจึงกรีดนิ้วหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบด้วยกิริยาราวนางพญาหงส์จากนั้นนางก็วางถ้วยลงแล้วเปิดรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มไปให้สมาชิกของสกุลเพ่ยที่ประกอบไปด้วยฮูหยินผู้เฒ่าเพ่ยสตรีวัยเจ็ดสิบหนาวซึ่งมีสตรีสาวน้อยวัยราวสิบห้าหนาวนามเพ่ยฉิงเซียงนั้นคอยนั่งบีบนวดให้อยู่ไม่ห่างกาย ถัดไปเป็นท่านใต้เท้าเพ่ยเองซึ่งลำดับต่อจากจงอี้หรานก็คือเพ่ยอิ๋งจูคุณหนูรองผู้เฉิดฉายในฐานะคุณหนูใหญ่มาโดยตลอดสิบห้าหนาวเช่นกัน
"หรือท่านแม่สามีนั้นจะมีความคิดเห็นซึ่งแตกต่างไปเสียจากสะใภ้คนนี้ก็จงได้โปรดชี้แนะอี้หรานด้วยเจ้าค่ะ"
นางหันไปเอ่ยถ้อยคำอ่อนหวานผสานรอยยิ้มอ่อนโยนให้แก่มารดาของสามี ที่ทำเอาหญิงชราเช่นอู๋เจินอิงที่ผ่านร้อนและหนาวมาเจ็ดสิบครั้งยังต้องเผลอกลืนน้ำลายฝืดลำคอเพราะตนเองไร้อำนาจต่อรองกับลูกสะใภ้นางนี่นั่นเอง
เหตุใดมารดาของสามีจึงดูเกรงอกเกรงใจลูกสะใภ้เช่นนี้นะหรือ?...ก็คงเพราะสกุลเดิมของจงอี้หรานนั้นเป็นถึงญาติสนิทชิดใกล้กับอัครมหาเสนาบดีใหญ่เคียงข้างองค์จักรพรรดิเช่นเฝิ่งตู้เจวียนไม่พอนางยังเป็นญาติผู้น้องของเฝิ่งฮองเฮาในยามนี้อีกด้วย
เช่นนี้ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าเพ่ยนางจะเอ็นดูหลานสาวคนโตที่เกิดก่อนหลานสาวคนรองเพียงสามวันมากมายเพียงใดแต่คำว่า’ อำนาจ’ กับ'บุญคุณ'มันก็ค้ำคอจุกปากหญิงชราไปจนสิ้นดังนั้นแล้วมีหรือที่นางจะไปกล้าเอ่ยวาจาขัดข้องให้ลูกสะใภ้และฝ่าย’ ท่านตา’ ของหลานสาวคนรองได้ขุ่นเคืองไปได้อยู่อีกหรือไรกัน
“ย่อมต้องเป็นไปตามที่สะใภ้ใหญ่กล่าวมานั้นถูกที่สุดแล้ว”
“ท่านย่า...”
สาวน้อยที่บังเอิญได้มีชะตาเกิดใหม่ในร่างของคุณหนูใหญ่ทว่ากลับไร้ค่าและไร้อำนาจที่สุดในจวนสกุลเพ่ยแห่งนี้เอ่ยปากขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชีวิตหนึ่งหนาวของตนเองที่ต้องเสแสร้งว่าตนเองยังเป็นเพียงคนโง่เขลามีปัญญาที่ล่าช้ากว่าน้องสาวต่างมารดาเช่นเพ่ยอิ๋งจูอยู่มาก
ถูกต้องเพ่ยฉิงเซียงในหนึ่งหนาวที่ผ่านมาหาใช่คนเดิมแต่ นางคือดวงจิตของ’ พรนำพารุจิรานันทน์’ สาวน้อยจากยุค2021ดังนั้นจะยินดีแต่งออกไปคงยากจะทำใจได้เป็นแน่นางจึงพยายามจะคัดค้านจนเต็มกำลังแต่…
กำลังนั้นนางกลับมีน้อยกว่ามดเพราะหากนับกันตามถานะเปิดเผยภายนอกเรียกว่าคนส่วนใหญ่ที่ทราบคงจะเหมาะสมกล่าวว่าเพ่ยอิ๋งจูนางนั้นคือ’ คุณหนูใหญ่’ ทว่าความจริงแล้วนั้นคุณหนูใหญ่ที่แท้จริงกลับเป็น’ เพ่ยฉิงเซียง’ บุตรีของท่านใต้เท้าเพ่ยที่เกิดกับสาวใช้อุ่นเตียง นั่นเอง
ซึ่งแน่นอนว่าเพ่ยฉิงเซียงในอดีตนั้นเป็นคนโง่เป็นนางเด็กปัญญาเฉื่อยเพราะมารดาของนางนั้นคลอดตนเองออกมาก่อนครบสิบเดือนทว่าเพ่ยฉิงเซียงในวันนี้มิได้เบาปัญญาเลยย่อม
พอจะรู้แจ้งอยู่บ้างถึงโทษทัณฑ์แห่งการหลอกลวงเบื้องสูงว่ามันร้ายแรงเพียงใดลำพังแค่คนในสกุลเพ่ยต้องตายนางก็อาจมินำพาได้แต่มันรวมไปถึงนางด้วยหากความลับแตกดังโพล๊ะขึ้นมาเด็กสาวผู้ข้ามกาลนางเลยไม่ต้องการติดอวนไปด้วยนั่นเอง
"เงียบเถอะฉิงเซียงทุกสิ่งมิใช่ธุระให้เจ้ามาเป็นกังวลแทนท่านย่ากับบิดาของเจ้าหน้าที่ของเจ้ามีแค่เพียงในสามวันนี้เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวตบแต่งเข้าตำหนักองค์ชายหกให้จงดีเท่านั้นก็ถือว่าบุญคุณความแค้นระหว่างสกุลเพ่ยกับเจ้าสิ้นสุดกันแล้วในชาตินี้"
เพียงไม่กี่ประโยคของฮูหยินผู้เฒ่าเพ่ยทว่ามันกลับมีผลอันยิ่งใหญ่ผลักดันชีวิตของสาวน้อยผู้ข้ามกาลมาอยู่ในร่างของ’ เพ่ยฉิงเซียง’ คุณหนูใหญ่วัยสิบห้าหนาวผู้แทบจะไม่เคยมีตัวตนหรือมีค่าอันใดในจวนสกุลเพ่ยแห่งนี้ให้พลิกผันไปจนน่าใจหายและคาดไม่ถึงไปในเวลาเดียวกันทันที
เพราะสุดท้ายแล้วด้วยอำนาจที่มีไม่น้อยของสกุลจงและเฝิ่งฮองเฮาก็เบี่ยงเบนจนการเป็นเจ้าสาวของเพ่ยฉิงเซียงนั้นถูกต้องทุกประการไร้ข้อกังขาต่อให้มีคำนินทามากมายทว่าขอเพียงไม่ขัดราชโองการจงอี้หรานและเพ่ยเจี้ยนผิงล้วนไม่ใส่ใจทั้งสิ้นสุดท้ายคุณหนูใหญ่ตัวตนจริงที่ถูกซุกซ่อนเป็นความลับท้ายจวนมาเป็นเวลาสิบห้าหนาวก็กลับมีตัวตนขึ้นมาไม่พอยังช่วยให้คุณหนูรองและคนสกุลเพ่ยพ้นภัยร้ายไปได้อย่างหมดจดอีกด้วยย
ทว่าความจริงแล้วตัวผู้กลายเป็นคนสำคัญนางจะเต็มใจหรือไม่กลับไร้ผู้คนสนใจไปทั้งสิ้น เพ่ยฉิงเซียงหรือที่จริงนั้นเป็นพรนำพาเด็กสาวจากยุค2021มาได้หนึ่งหนาวทว่าคนที่ข้ามภพมาติดอยู่ในร่างกายของบุตรสาวไร้ค่าเช่นตนเองจะไปทำอันใดไปได้
เงินทองก็ไม่มี พวกพ้องหรือญาติพี่น้องคงไม่ต้องกล่าวถึง ดังนั้นต่อให้นางจะคับแค้นจะไม่อยากแต่งงานออกไปมีหรือที่เพ่ยฉิงเซียงนั้นจะขัดขืนอันใดได้อีก มิคิดเลยว่าทำให้ตนเองขี้ริ้วขี้เหร่จนแม้แต่ทาสชายยังไม่กล้ามองนางนานเพราะกลัวจะเก็บไปฝันร้ายสุดท้ายชีวิตสงบก็สิ้นสุดลงเพียงหนึ่งหนาวเท่านั้น
...เฮ้อ!...พระชายาหกอันใดนั่นใครอยากจะเป็นกัน!...