“โลกแห่งความจริงที่มันโหดร้าย....”
“แต่หนูก็ต้องยอมรับมันอยู่ดี...อย่าคิดถึงมันอีกเลยค่ะแม่ แม่ไม่สบายอยู่ แม่พักผ่อนมากๆ นะคะ เดี๋ยวหนูจะไปอาบน้ำก่อน อ้อ...แม่ทานยารึยัง”
มิ่งขวัญพยักหน้ารับ คล้อยหลังที่บุตรสาวเดินเข้าห้องนางก้มลงมองผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยในมือที่ค่อยๆ คลายออกหลังจากกำไว้แน่น บนเนื้อผ้าบางสีขาวมีรอยเลือดสีแดงสดหยดเล็กๆ ติดอยู่ น้ำหยดหนึ่งไหลลงมาตามร่องแก้มที่มีริ้วรอยของการผ่านช่วงชีวิตมานาน มิ่งขวัญหลับตาลงหัวใจล่องลอยไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่ครูจนๆ อย่างมิ่งขวัญได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแต่ฐานะสูงส่งและร่ำรวยล้นฟ้า
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณมิ่งขวัญ เศรษฐกรใช่มั๊ยคะ”
ผู้หญิงคนนั้นสร้างความฉงนฉงายให้แก่ใครหลายๆ คน ด้วยการไปพบถึงห้องพักครูในโรงเรียนที่มิ่งขวัญทำงานอยู่ เบื้องหลังกรอบแว่นสีดำอันโตเป็นใบหน้าของหญิงวัยกลางคนที่ยังคงความงามด้วยมิต้องกรำงานหนัก ริมฝีปากเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเลือดนก จมูกโด่งแม้อายุมากแล้วแต่แก้มก็ยังเรื่อด้วยบลัชออนสีชมพูกุหลาบ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเองค่ะ มิ่งขวัญ ไม่ทราบว่า.......”
“ดิฉัน....คุณหญิงปารมี วิเศษณ์ธาดา เป็นเจ้าของดิย่ารีสอร์ท”
อีกฝ่ายชิงตัดบทก่อนจะกรีดนิ้วประดับแหวนพลอยบุษราคัมเม็ดเขื่องไปบนแว่นตาก่อนจะดึงออกเผยให้เห็นดวงตาคมทว่าเจือด้วยแววเย็นชาในที ร่างบางในชุดผ้าไหมราคาแพงระยับนั่งลงบนเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่งที่โต๊ะทำงานของมิ่งขวัญซึ่งอยู่ในชุดข้าราชครู บรรยากาศรอบๆ เงียบงัน ไม่มีใครอยู่เพราะเป็นเวลาพักเที่ยง แม้จะอยู่กันแค่สองคนในห้องกว้าง แต่มิ่งขวัญกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“ดิฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมให้เสียเวลา จะรบกวนเวลาคุณเพียงเล็กน้อย เรื่องลูกสาวของคุณ”
“ลูกสาวของดิฉัน....มีมี่ทำอะไรผิดหรือคะ เขาทำงานที่รีสอร์ทของคุณใช่ไหมคะ เขาทำอะไรผิดรึเปล่า....รึว่า.....”
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน แต่มันเกี่ยวกับลูกชายของฉัน ฉันรู้มาว่าเขาสองคนคบกัน ดิฉันต้องขอพูดตามตรงนะคะ ในฐานะของคนเป็นแม่ก็ย่อมอยากเห็นอนาคตที่ดีของลูก ดิฉันมีลูกชายอยู่สองคน ราชเป็นคนสุดท้อง พี่ชายเขาก็ไปทำรีสอร์ทอยู่เชียงใหม่ ฉะนั้นความหวังเดียวของดิฉันตอนนี้อยู่ที่ตาราช คุณคงเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ด้วยกัน คุณก็รักลูกของคุณเหมือนอย่างที่ฉันรัก อยากเห็นอนาคตที่สวยงามของลูก อยากเห็นเขาอยู่กับคนที่เหมาะสม เหมาะควร”
ความเงียบล่องลอยอยู่รอบๆ คนทั้งสอง แต่ในหัวใจของคนเป็นแม่อย่างมิ่งขวัญอื้ออึงด้วยเสียงแห่งความไม่เข้าใจ ทว่ามันก็เป็นเสียงที่ดังอยู่ภายในเท่านั้น”
“คุณหญิงกำลังจะบอกว่า เขาทั้งสองไม่มีอะไรที่เหมาะสมหรือคู่ควรกัน อย่างนั้นใช่ไหมคะ”
ลำคอระหงของคุณหญิงปารมีตั้งตรงบนไหล่ที่ผึ่งผายราวจะแสดงให้อีกฝ่ายทำความเข้าใจกับความสูงส่งที่ตนมี คางนั้นเชิดอยู่เป็นนิจแสดงถึงความทะนงตนว่าอยู่เหนือผู้ใดเสมอมา มิ่งขวัญรู้สึกเหมือนตัวเองหดเล็กลงเมื่อเทียบกับผู้หญิงเจ้ายศเจ้าอย่างคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า
“ดิฉันไม่เคยทราบเลยค่ะ ว่าผู้ชายที่ลูกสาวของดิฉันคบหาอยู่ด้วยเป็นลูกของคุณหญิง แต่ดิฉันก็แน่ใจอย่างหนึ่งว่าลักษมีลูกสาวของดิฉันไม่เคยมีความคิดที่จะจับผู้ชายรวยๆ ถึงดิฉันจะเป็นครูเงินเดือนน้อย แต่ก็ไม่เคยสอนลูกให้ประพฤติตัวเยี่ยงนั้น”
ริมฝีปากสีแดงเข้มเหยียดออกอย่างเยียบเย็น สักครู่จึงก้มลงควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าหนังสีงาช้าง ก่อนจะดึงกระดาษแผ่นเล็กๆ ขึ้นมาวางบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยกองสมุดหลายกองวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ มิ่งขวัญก้มลงมองกระดาษแผ่นนั้นพลางหยิบขึ้นมาดูอย่างเพ่งพินิจ
“เช็คเงินสดหนึ่งล้านบาท มากกว่าเงินเดือนที่คุณได้รับทั้งปีไม่รู้กี่เท่า คุณอยากได้อะไรคุณก็จะได้ แค่คุณรับปากกว่า จะไม่ให้ลูกสาวของคุณมายุ่งเกี่ยวกับตาราชอีก อ้อ....ตอนนี้คุณไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรือ อาจจะเอาเงินนี่ไปรักษาตัวให้หาย จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกคุณต่อไปอีกนานๆ”
มิ่งขวัญเม้มริมฝีปากแน่น มือที่จับกระดาษแผ่นนั้นสั่นเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้สืบเรื่องของเธอและลูกด้วยเช่นนั้นหรือ โอ้...นี่หรือคนมีเงิน เมื่อปรารถนาสิ่งใดก็ใช้สิ่งนี้แลกมาได้ง่ายดาย ไม่เว้นแม้แต่วิญญาณของความเป็นคน
“ขอบคุณในความเมตตา แต่คุณกรุณาเอาเช็คนี่กลับไปเถิดค่ะ”คำพูดของมิ่งขวัญมีพลังพอที่จะทำให้ดวงตาของผู้ยื่นข้อเสนอวาวโรจน์และยิ่งเมื่อกระดาษแผ่นน้อยถูกวางกลับคืนที่เดิมอย่างไม่ใยดียิ่งทำให้คุณหญิงแทบเต้น
“นี่เธอ!....อ้อ...ใช่สิ ฉันลืมไป ตัวลูกชายของฉันคงจะมีค่ามากกว่าเงินหนึ่งล้านนี่เป็นแน่แท้ พวกเธอมันก็นักธุรกิจเหมือนกันนี่ คนต่อเงิน เธอก็คิดได้เหมือนกันรึ ฉันคิดว่าคนเป็นครูให้ความรู้เด็กจะไม่รู้จักคิดเรื่องการต่อรอง ฉันประมาณพวกเธอผิดไปมาก”
มิ่งขวัญกลืนน้ำลายลงคอที่เหมือนตีบตันมากขึ้นทุกขณะ ผู้หญิงคนนี้มองเธอเป็นอะไร เอาเงินมาใช้เป็นเครื่องต่อรอง พอถูกปฏิเสธกลับพูดจาหมิ่นแคลนราวกับคนที่ตนกำลังสนทนาอยู่ด้วยไม่มีเลือดเนื้อความเป็นมนุษย์ หญิงวัยกลางคนพยายามเก็บความเจ็บปวดนั้นให้อยู่ลึกลงไปใต้จิตสำนึก ยังไว้แต่ความเข้มแข็งเป็นเกราะป้องกันตนเองแม้มันจะเปราะบางก็ตามที