ห้องอาบน้ำของสนามที่สาม
“เฮีย! ทำไมไปรับคำท้าเขาแบบนั้น” ฉันเดินตามเฮียโต้งมายังห้องน้ำที่พวกเฮียกับเพื่อนของเขาเข้ามาเปลี่ยนชุดกัน
“แกไม่ต้องกลัวหรอกต้า เฮียจะไม่รุนแรงกับมัน โอเค๊”
“เคบ้าไรล่ะเฮีย ถ้าเฮียแพ้ล่ะ” นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันกังวล
“เชื่อมือพวกพี่เถอะ ต้าหนิง” พี่บิ๊กไบค์พูดขึ้นพร้อมกับเดินมานั่งข้างเฮียโต้งเพื่อใส่รองเท้าสตั๊ดยี่ห้อดัง
“พวกพี่ไม่ใช่ไก่อ่อนให้พวกมันเชือดเล่นนะครับ” พี่เลโอพูด
ก่อนที่ฉันจะมาหาพวกพี่ๆ ฉันเดินไปหาป๊ามาก่อน ป๊าบอกว่าสามคนนั้นเขามาเช่ารายเดือนเพราะต้องการฝึกทักษะของตัวเอง แล้วพวกเขาก็เป็นนักกีฬาทีมชาติด้วย
“ค่ะ ต้ารู้ว่าพวกพี่น่ะเก่ง แต่เฮียรู้อะไรไหม เพื่อนพี่ไผ่สามคนนั้นน่ะ เขาเป็นนักกีฬาระดับทีมชาติรุ่นเยาวชนเลยนะ”
“ห้ะ! ห้ะ! ห้ะ!” ทั้งสามคนประสานเสียงกัน
“แล้วไง พวกพี่ต้องกลัวเหรอ” พี่ราเรซเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ใส่เสื้อ ไม่รู้จะโชว์อะไรนักหนา
“ก็แค่บอกไว้ค่ะ จะกลัวหรือไม่ ก็เรื่องของพวกพี่”
“เอาน่า มันจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว” พี่บิ๊กไบค์พูด
แล้วพี่เลโอกับพี่บิ๊กไบค์และเฮียโต้งก็เดินออกไปยังสนามเพื่อวอร์มร่างกาย ฉันกำลังจะเดินตามออกไปก็ถูกมือของใครบางคนรั้งไว้ก่อน
“เดี๋ยว”
“อะไรคะ” ฉันหันกลับมาทำหน้าดุใส่พี่ราเรซ
“ชอบมันรึเปล่า”
พี่ราเรซยืนขึ้นเต็มความสูงทำให้ฉันดูเตี้ยไปเลย ระดับความสูงของฉันแค่อกเขาเอง พี่ราเรซก้มหน้าลงมาจ้องตาฉันนิ่ง นัยน์ตาของพี่เขาไม่แสดงความรู้สึกใดใด
“ถามทำไม” ฉันจ้องเข้าไปนัยน์ตาของเขากลับเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง แต่ฉันก็ไม่เจออะไรนอกจากความว่างเปล่า
“ถ้าชอบ... ก็จะทำให้สมหวัง” พี่ราเรซพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกไปทันที
ฉันไม่เคยนั่งดูบอลแล้วตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลย ในสนามมีแค่ฉันที่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่มานั่งดูพวกเขาเล่น ฉันนั่งอยู่ฝั่งของพวกพี่ชาย ส่วนเพื่อนพี่ไผ่อีกคนไปเป็นกรรมการให้พวกเขา เมื่อฉันมองไปรอบๆ สนามก็เจอกับสายตานับสิบจากสนามข้างๆ ต่างหันมาดูเกมระหว่างพวกเฮียโต้งกับพี่ไผ่อย่างให้ความสนใจ
มันก็น่าดูน่ะสิ เพราะทีมของพี่ชายฉันแต่ละคนหน้าตาอย่างกับดารา ส่วนทีมพี่ไผ่ก็ใช่ย่อยดูเหมือนจะมีแฟนคลับของพี่ๆ ที่เป็นนักกีฬาทีมชาติด้วย เพราะฉันได้ยินผู้คนเหล่านั้นเอ่ยชื่อเชียร์พวกเขา
ปี๊ดดด
เสียงสัญญาณนกหวีดจากเพื่อนพี่ไผ่ผู้อาสาเป็นกรรมการได้เป่าออกมาเป็นสัญญาณให้เริ่มเกมได้ เมื่อได้ยินเสียงนกหวีดทั้งสองทีมก็เริ่มเกมกันอย่างดุเดือด ฉันนั่งลุ้นตลอดเวลาไม่กล้าลุกออกจากม้านั่งไปไหนเลย สายตาของทั้งสองทีมต่างก็จดจ่ออยู่กับลูกกลมๆ ที่กลิ้งไปมาอยู่ในสนาม ต่างยื้อแย่งกันเพื่อให้มันมาอยู่ในการควบคุมของตัวเอง และเมื่อเฮียโต้แย่งลูกมาได้สำเร็จก็ส่งให้พี่ราเรซที่ยืนรออยู่หน้าประตูระยะห้าหลา และก็ไม่มีพลาดพี่ราเรซซัดเต็มข้อเข้าโกลไปอย่างสวยงาม ทำให้ทีมเฮียโต้งทำประตูขึ้นนำไปก่อนหนึ่งลูก ฉันนี่ใจหายใจคว้ำเลย พี่ราเรซส่งยิ้มกระชากใจมาให้ฉันพร้อมกับยกคิ้วให้อย่างกวนๆ
ตึกๆ ๆ ตึกๆ ๆ
แล้วทำไมใจฉันต้องเต้นแรงด้วย แค่พี่เขายิ้มเองไม่ได้มีอะไรพิเศษสักหน่อย ฉันเบือนหน้าหนีไปอีกทางไม่กล้าสบตากับเขา
เมื่อทีมใดทีมหนึ่งทำประตูได้ กรรมการก็นำลูกฟุตบอลมาตั้งตรงกลางสนามเพื่อเริ่มเกมใหม่
ปี๊ดดด
กรรมการเป่านกหวีดให้สัญญาณเริ่มเกมต่อได้ ทีมของพี่ไผ่ได้เริ่มก่อนเพราะเป็นฝ่ายตามเกมอยู่ พี่ไผ่เขี่ยลูกฟุตบอลไปด้านหลังส่งไปให้เพื่อนของพี่เขาที่รอรับลูกฟุตบอลอยู่
พี่เลโอแย่งบอลมาจากเพื่อนพี่ไผ่ได้กำลังจะส่งให้พี่บิ๊กไบค์แต่ก็โดนพี่ไผ่ตัดหน้าแย่งไปได้ซะก่อน พี่ไผ่เตะฉีกไปทางด้านซ้ายส่งลูกฟุตบอลไปให้เพื่อนในทีมของตัวเอง ซึ่งเพื่อนของพี่ไผ่ยืนอยู่ในกรอบเขตโทษพอดีจากการส่งลูกที่สวยงามบวกกับทักษะการเล่นฟุตบอลของเพื่อนพี่ไผ่ที่มีตำแหน่งเป็นถึงทีมชาติและก็ไม่พลาด ทีมของพี่ไผ่ก็สามารถทำประตูตีเสมอให้กับทีมของพี่ไผ่ได้
ฉันนั่งตบมือให้กับพวกพี่ ๆ ที่เล่นเข้ากันได้ดีจนสามารถทำประตูเสมอทีมของเฮียโต้งได้ พี่ไผ่หันมายิ้มหวานให้ฉันพร้อมกับยกสองมือขึ้นมาชูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ทำมินิฮาร์ทส่งมาให้ด้วย พี่เขาก็ดูน่ารักดีนะ ดูเหมือนว่าพี่เขาจะชอบฉันจริงๆ ถึงได้ท้าทายเฮียโต้งไปแบบนั้น
ปี๊ดดด
เสียงนกหวีดเริ่มเกมอีกครั้ง คราวนี้ฉันนั่งลุ้นจนตัวโก้งเพราะว่าเวลาในเกมเหลืออีกแค่สามสิบนาทีไม่รู้ว่าทีมเฮียโต้งหรือทีมพี่ไผ่ ทีมไหนจะเป็นฝ่ายชนะ
พี่บิ๊กไบค์เขี่ยลูกไปให้เฮียโต้ง เฮียโต้งวิ่งเลี้ยงลูกฟุตบอลขึ้นไปส่งให้พี่ราเรซซึ่งยืนรออยู่ฝั่งขวา พี่ไผ่วิ่งเข้าไปดักทางไว้ทำให้พี่ราเรซเล่นยากกว่าเดิม
“ราเรซ สู้เค้าน๊า...”
ฉันหันไปมองตามเสียงเชียร์นั่น พี่ฝ้ายกับเพื่อนของเขาอีกสามคนยืนจ้องจิกกัดฉันด้วยสายตา ไม่รู้ว่ามายืนเกาะรั่วสนามตั้งแต่เมื่อไร
เชอะ! หมั่นไส้...
พอเห็นพี่ฝ้ายตะโกนเชียร์พี่ราเรซออกนอกหน้านอกตาแบบนั้น ฉันก็อยากจะทำมั่ง
“พี่ไผ่ค่า... สู้ๆ” ฉันตะโกนเชียร์พี่ไผ่พร้อมกับชู้สองนิ้วยกขึ้นบอกให้พี่ไผ่สู้ๆ
จังหวะนั้นเหมือนพี่ราเรซกำลังจะยิงประตูแต่พี่เขากลับชะงักไม่ยอมเตะทำให้พี่ไผ่แย่งลูกฟุตบอลไปได้ พี่ไผ่ไม่รอช้ารีบเลี้ยงลูกฟุตบอลกลับมายังหน้าเขตประตูฝั่งของทีมเฮียโต้ง และก็ไม่พลาดเมื่อพี่ไผ่ยิงฟรีคลิกเข้าประตูฝั่งของเฮียโต้งไปอย่างสวยงาม เพื่อนในทีมของพี่ไผ่วิ่งมากระโดดกอดพี่ไผ่อย่างดีใจ
ปี๊ดดด
เสียงเป่านกหวีดหยุดการแข่งขันเมื่อหมดเวลา
“ไอ้เรซ! มึงเล่นเหี้ยไรวะ!” เสียงเฮียโต้งตะโกนโวยวายใส่พี่ราเรซ
แต่พี่ราเรซกลับยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน แล้วทำไมใจฉันมันถึงสั่นแปลกๆ เขาคงไม่ได้หยุดเล่นกะทันหันเพราะฉันหรอกนะ เขาควรจะตั้งใจเล่นให้ดีกว่านี้สิ แฟนของเขาก็ยืนให้กำลังใจอยู่ทั้งคน
พี่ไผ่เดินเข้าไปหาพี่ราเรซ ซึ่งยังยืนอยู่หน้าประตูฝั่งทีมของพี่ไผ่อยู่ ไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนคุยอะไรกัน แต่พี่ไผ่หันมามองหน้าฉันแวบหนึ่งแล้วก็หันกลับไปคุยกับพี่ราเรซต่อ
จากนั้นพี่ราเรซก็เดินออกจากสนาม เขาเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามเท่าไหร่
ฉันเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องอาบน้ำ สักพักเฮียโต้งกับพี่บิ๊กไบค์ พี่เลโอก็เดินออกมา พวกเขาอยู่ในชุดนักเรียนกันเรียบร้อยแล้ว
“อ้าว น้องต้าหนิงมาทำอะไรหน้าห้องอาบน้ำครับ” พี่เลโอถาม
“พวกพี่โอเคใช่ไหม” ฉันกลัวว่าพวกพี่ๆ เขาจะคิดมากที่ทีมแพ้ และอาจจะพากันไปด่าคนที่อยู่ในห้องอาบน้ำที่ตอนนี้ยังไม่ยอมออกมา
“พวกพี่ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ไอ้เรซนี่สิ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองพี่บิ๊กไบค์อย่างตกใจ พูดแบบนี้รู้สึกใจคอไม่ดีเลยเฮะ เขาคงไม่ได้เสียใจขนาดนั้นหรอกมั้ง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไอ้เรซมันรับปากว่าจะเลี้ยงเหล้าพวกเฮีย เพื่อเป็นการไถ่โทษ” เฮียโต้งเดินเข้ามายี่ผมฉันเล่นอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ แล้วเรื่องที่ท้ากันไว้ล่ะ”
ฉันจับมือเฮียโต้งออกจากผม แล้วใช้สองมือสางผมให้เข้าทรงเหมือนเดิม
“มันก็แค่ขอจีบ ส่วนจะจีบติดไม่ติดมันก็ขึ้นอยู่กับต้า ถ้าไม่อยากให้เฮียของขึ้นก็อย่าให้มันจีบติดล่ะ”
นั้นไง พี่ชายของฉัน เจ้าเล่ห์จริงๆ
ฉันพยักหน้าให้เฮียโต้งอย่างเข้าใจ แล้วพวกพี่ๆ ทั้งสามก็เดินไปที่ร้านกาแฟของม้า
ทำไมยังไม่ออกมาอีกนะ หลับรึเปล่านั่น ฉันหันซ้ายขวามองดูว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้ว ก็รีบแทรกตัวเข้าไปยังห้องอาบน้ำทันที
ซ่า...
เสียงน้ำไหลออกจากฝักบัวบ่งบอกว่ามีคนกำลังอาบน้ำอยู่ และก็มีเพียงห้องเดียวที่ปิดสนิท เป็นใครไปไม่ได้เขาแน่นอนที่อยู่ในห้องอาบนี้
“พี่ราเรซ” ฉันเอ่ยเรียกชื่อพี่เขาไป
เสียงน้ำจากฝักบัวหยุดไหลบ่งบอกว่าเขาได้ยินฉันเรียก
พลัก!
ประตูห้องอาบน้ำถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างกายกำยำที่มีหมัดกล้ามเป็นมัดๆ หน้าท้องมีซิกแพคเป็นลอนคลื่นอย่างสวยงาม ดีนะที่เขาใส่กางเกงนักเรียนแล้ว ไม่งั้นละก็...น่าดู เฮ้ยไม่ใช่สิ...
พี่ราเรซยืนพิงขอบประตูห้องอาบน้ำ มือหนาใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกอย่างลวกๆ
ฉันเผลอกลืนน้ำลายเสียงดังเอื้อก... ทำให้ตาคมหันมาจ้องมองหน้าฉันเขม็ง
ราเรซ
ติ่ง ต่อง.... ติ่ง ต่อง.... ติ่ง ต่อง....
เสียงสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียน ผมกับเพื่อนก็ลุกออกจากเก้าอี้ของตัวเอง
“พวกมึงรีบไปไหนรึเปล่าวะ” ผมถามเพื่อนๆ ในกลุ่ม
บิ๊กไบค์หันไปมองหน้าไอ้โต้งกับไอ้เลโออย่างถามความคิดเห็น ไอ้โต้งกับไอ้เลโอส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ
“ไม่นิ มีไร..” บิ๊กไบค์หันหน้ากลับมาตอบผม
“ก่อนจะไปบ้านไอ้โต้ง แวะไปห้างฯเป็นเพื่อนกูหน่อย” ผมบอกกับเพื่อนๆ
พวกเราทั้งสี่คนเดินลงมายังชั้นล่างของอาคารเรียนที่พวกผมเรียนอยู่ พวกรุ่นน้องผู้หญิงเห็นพวกผมเป็นต้องหันมามองแล้วก็ส่งยิ้มหวานกลับมาหวังจะให้หนึ่งในกลุ่มพวกผมคนใดคนหนึ่งหันไปสนใจพวกเธอบ้าง เพื่อนผมทั้งสามคนก็ยิ้มตอบกลับไปให้ซะทุกคนแหละ ยกเว้นผม ไม่ค่อยจะยิ้มให้ใครง่ายๆ เหมือนไอ้สามคนนี้หรอก และก็เป็นแบบนี้อยู่ทุกวันจนชินตา
ห้างสรรพสินค้า
“มึงมาทำไร วะ” เลโอหันมาถามผม
“กูรับปากพี่สาวคนสวยไว้น่ะ ว่าจะมาเป็นแบบเสื้อผ้าให้กับพี่เขา” ผมตอบเพื่อน
“มึงมีพี่สาวด้วยเหรอ ไอ้เรซ” ไอ้โต้งถามขึ้นอย่างสงสัย
“ก็พี่มิรินไง มึงจำไม่ได้เหรอไอ้โต้ง” บิ๊กไบค์ตอบคำถามของโต้งแทนผม
“จำได้ดิ ไม่เคยลืม...” ไอ้โต้งพูดพร้อมกับอมยิ้ม
ผมรู้อยู่หรอกว่าไอ้โต้งมันคิดอะไรอยู่ มันก็เก่งแต่กับผู้ชายด้วยกันเท่านั้นแหละ เรื่องผู้หญิง... ไม่ได้เรื่องเลย โดยเฉพาะเวลาที่มันอยู่ต่อหน้าพี่มิรินนะ อย่างกับคนเป็นใบ้เลยล่ะ
ร้าน M M Shopping
“สวัสดีครับ พ่อมิโน่” ผมยกมือไหว้พ่อของพี่มิริน
แปลกใจล่ะสิ ว่าทำไมผมถึงเรียกพ่อของพี่มิรินว่าพ่อ ก็เพราะว่าพ่อมิโน่เป็นเพื่อนสนิทของแม่ไลลาสุดสวยของผมไง แต่เวลาพ่อมิโน่เจอกับแม่ไลลาทีไร ดูพ่อเรย์ของผมไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไร ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมก็เห็นพวกท่านเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนิ ไม่เห็นจะมีอะไรให้น่าโมโห...
“สวัสดีครับพ่อ/สวัสดีครับพ่อ/สวัสดีครับพ่อ”
แล้วสามสหายก็ยกมือไหว้พ่อมิโน่ พร้อมกับพูดประสานเสียง
“ดีครับๆ ๆ ” พ่อมิโน่รับไหว้พวกเรา
“มาหามิรินเหรอ อยู่หลังร้านน่ะ เข้าไปสิ” ท่านบอกพวกผม
ผมยิ้มให้กับพ่อมิโน่แล้วก็เดินเข้าไปยังหลังร้านตามที่ท่านบอก
“พี่มิริน”
ผมเรียกพี่สาวคนสวยที่กำลังนั่งวาดรูปอะไรสักอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ
ผมกับพี่มิรินเราห่างกันหนึ่งปี ตอนนี้พี่มิรินเรียนอยู่มหาลัยปีหนึ่ง แต่ฝีมือในการออกแบบเสื้อผ้าของพี่มิรินไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว
“มาทั้งแก๊งเลยเหรอเนี่ย” พี่มิรินเงยหน้าขึ้นมายิ้มทักทายพวกผม
“จะทำไร ก็รีบทำเหอะ อยากไปเตะบอลแล้ว” ผมแอบบ่นนิดๆ
บอกตามตรงนะ ผมไม่ค่อยชอบงานพวกนี้เท่าไร แต่ด้วยความที่ว่าแม่ไลลาสุดสวยของผม ท่านเป็นอดีตนางแบบชื่อดังของวงการมาก่อน ก็เลยส่งผลให้ลูกชายสุดหล่ออย่างผมเป็นที่รู้จักในวงการนี้ด้วย แม่มักจะให้ผมไปเป็นนายแบบให้กับเพื่อนของแม่อยู่บ่อยๆ
“ค่า... คุณน้องเรซ พี่จะรีบทำ รีบเสร็จค่ะ” พี่มิรินพูดกึ่งประชดนิดๆ แต่บนใบหน้าสวยยังมีรอยยิ้มประดับอยู่
พี่มิรินถือสายวัดตัวเดินมาหาผมพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองผม
“จะสูงไปไหนเนี่ย” พี่มิรินบ่นอย่างหงุดหงิดที่ไม่สามารถวัดตัวผมได้ถนัดเพราะความสูงของพี่มิรินแค่อกผมเอง
“ก็บอกให้กินนมเยอะๆ ไม่ใช่เหรอ เมื่อก่อนบังคับให้เรซกินแต่นม” ผมบ่นกลับไปบ้างเมื่อนึกถึงเหตุการณ์สมัยก่อนตอนที่เรายังเป็นเด็ก ผมกับพี่มิรินค่อนข้างสนิทกันมากเพราะเราโตมาด้วยกันและก็เป็นญาติกันด้วย แถมพ่อแม่ของเรายังเป็นเพื่อนรักกันอีกต่างหาก
“ก็ตอนนั้นเรซตัวเล็กกว่าพี่นิ แต่ดูตอนนี้สิ โตกว่าพี่ล่ะ”
พี่มิรินพูดพร้อมกับลากเก้าอี้มาตั้งตรงหน้าของผมเพื่อให้ตัวเองเหยียบยืนขึ้น
“โห่...ต้องขนาดนั้นเชียว”
ผมอดแซวไม่ได้กับความพยายามของพี่สาวที่อุตส่าห์เอาเก้าอี้มาเหยียบขึ้นเพื่อที่จะวัดตัวผมได้ถนัด
พี่มิรินส่ายหน้าไปมาอย่างขำๆ
“แล้วสามคนนั้นล่ะ สนใจมาเป็นนายแบบให้พี่ไหม” พี่มิรินหันไปถามเพื่อนๆ ของผมเมื่อวัดตัวผมเสร็จแล้ว
“ไอ้โต้งมันกำลังอยากลองอยู่พอดี” ผมบอกกับพี่มิริน
พอหันไปมองหน้าไอ้โต้ง มันก็ทำหน้าดุมาให้ผม แต่แก้มมันนะกลับแดงขึ้นอย่างเขินๆ ผมรู้ใจเพื่อนก็เลยสงเคาะห์มันสักหน่อย เพราะมันเป็นคนปากแข็ง ให้มันเริ่มเองก็คงต้องรอชาติหน้านุ้นล่ะมั้ง
“จริงเหรอโต้ง งั้นพี่ขอวัดตัวหน่อยนะ” พี่มิรินพูดพร้อมกับลากเก้าอี้ไปหาไอ้โต้งเพราะความส่วนสูงของโต้งก็พอๆ กับผม
“ห่างกันแค่ปีเดียว ไม่ต้องแทนตัวเองว่าพี่ก็ได้นะ” พี่มิรินมองหน้าไอ้โต้งด้วยสีหน้ามึนงง
พี่มิรินน่ะแค่งง แต่พวกผมนี่ดิ อึ้งสิครับ ไม่คิดว่าไอ้โต้งจะมีความใจกล้าขึ้นมาได้
“แล้วจะให้แทนว่าอะไรล่ะ” พี่มิรินถามพร้อมกับวัดรอบอกของไอ้โต้งไปด้วย
“ก็แทนว่า มิริน ไม่ต้องมีพี่นำหน้า” โต้งพูดพร้อมกับจ้องมองหน้าพี่มิรินไม่วางตา
“อะ โอเค” พี่มิรินมองหน้าโต้งด้วยสีหน้าอึ้งๆ แถมพูดตะกุ๊กตะกักอีกต่างหาก
โดนผู้ชายหล่อรุกเข้าให้แล้วไง พี่สาวผม...
หลังจากที่วัดตัวเป็นแบบเสื้อให้พี่มิรินเรียบร้อยแล้ว พวกผมทั้งสี่คนก็เดินเล่นอยู่ในห้างฯสักพัก ไอ้โต้งเดินเข้าไปยังร้านรองเท้ากีฬาพวกผมก็เดินตามเข้าไป จังหวะนั้นสายตาของผมก็แลไปเห็นใบหน้าหวานขาวหมวย กำลังยิ้มแย้มหัวเหราะชอบใจอยู่กับเพื่อนของเธอ ผมเผลอยืนมองและแอบยิ้มอย่างลืมตัว แต่สักพักก็มีไอ้หน้าตี๋ที่ไหนไม่รู้มายืนบังต้าหนิงซะมิดเลย ดูจากสถานการณ์แล้ว เซ้นของผมบอกว่า...มันมาจีบต้าหนิง
“49”
ผมเดินเข้าไปแย่งโทรศัพท์ของไอ้หน้าตี๋จากมือของมันก่อนที่ต้าหนิงจะรับไป
ต้าหนิงหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้ามึนงง
“อะไรของมึงวะ” ไอ้หน้าตี๋หันมาถามผมอย่างหงุดหงิดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของมันคืน
“ก็เบอร์ไง” ผมยืนล้วงกระเป๋ากางเกงตอบอย่างกวนๆ
“เบอร์ไรของมึง” ไอ้หน้าตี๋ถามผม หน้าของมันตอนนี้ตลกฉิบหายอย่างกับคนโดนเอ๋อแดก
“เบอร์รองเท้ากูเนี้ย”
“ไอ้สัสนี่ กวนเหรอ!”
ทันทีที่ผมตอบก็โดนไอ้หน้าตี๋ผลักอกอย่างแรง แต่ก็แค่เซเท่านั้นแหละ แรงแค่นี้คิดว่าจะทำอะไรผมได้เหรอ
“อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ”
“นี่แฟนน้องต้าหนิงเหรอ”
เธอหันมองหน้าผมแวบหนึ่ง ผมส่งสายตาดุไปให้ หวังว่าเธอจะกลัวแล้วตอบว่า ใช่ ไอ้หน้าตี๋จะได้ไม่มายุ่งกับเธออีก แต่ผมคิดผิด
“เปล่าค่ะ”
“แล้วมึงหวง ทำไมว่ะ” ไอ้หน้าตี๋หันมาจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“เรื่องของกู”
ผมต้องกลัวไหม ไม่เห็นจะรู้สึกอย่างนั้นเลย ผมจ้องหน้ามันกลับอย่างไม่เกรงกลัวเหมือนกัน
“ไอ้เรซ! เดินไม่รอกูเลยไอ้นี่”
เสียงไอ้โต้งตะโกนมาแต่ไกล
“เฮียโต้ง”
โต้งตามหลังผมมาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน
“อ้าว...ทำไมมาอยู่นี้ล่ะ แล้วไอ้หมอนี่ใคร” ไอ้โต้งหันไปคุยกับน้องสาวตัวเองก่อนจะหันมามองหน้าไอ้หน้าตี๋ที่กำลังยืนจ้องหน้ากับผมอยู่่
“มันขอเบอร์ต้าหนิง” ผมบอกเพื่อนโดยที่ยังไม่ล่ะสายตาจากไอ้หน้าตี๋นี่
“มึงจีบน้องกูเหรอ” ไอ้โต้งถามขึ้นอย่างหงุดหงิด
“เฮีย... พอได้แล้วน่า จะหวงไรนักหนา ไม่มีใครกล้ามาจีบต้าแล้วเนี้ย”
“นี่ไอ้ต้า พูดงี้แกอยากมีแฟนรึไง ห๊ะ! พึ่งจะขึ้น ม.4 ริอาจมีแฟนเหรอ เดี๋ยวเหอะ!”
แล้วต้าหนิงก็โดนไอ้โต้งบ่นเป็นชุด ไม่รู้มันติดนิสัยขึ้บ่นมาจากไหน
“ใช่! ต้าอยากมีแฟน จบไหม!”
คำตอบของต้าหนิงทำให้ไอ้โต้งยิ่งโมโหขึ้นไปอีก และก็ไม่ใช่แค่ไอ้โต้ง ผมเองก็รู้สึกโมโหเหมือนกัน อย่างไม่รู้สาเหตุว่าทำไม...
ต้าหนิงคงจะชอบไอ้หน้าตี๋นี่จริงๆ สินะ เธอถึงได้ทะเลาะกับไอ้โต้งแบบนั้น และเธอก็ไม่ได้โกรธแค่ไอ้โต้ง แต่เธอโกรธผมด้วย...
“เฮ้ย! ต้าหนิง! มาคุยกับเฮียให้รู้เรื่องก่อน!”
ไอ้โต้งตะโกนเรียกต้าหนิงเสียงดังลั่นจนคนที่เดินไปเดินมาในห้างฯต่างหันมามองพวกผมเป็นตาเดียว
“ไอ้โต้ง กูว่าเรากลับกันเถอะ” บิ๊กไบค์เดินมาตบบ่าไอ้โต้งสองทีหวังให้เพื่อนใจเย็น
“น้องกูไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะเว้ย ไม่เคยเถียงกูด้วยซ้ำ” ไอ้โต้งหันไปพูดกับบิ๊กไบค์
“น้องมึงก็โตแล้วป่ะ ไม่ใช่เด็กๆ มึงก็อย่าไปจู้จี้กับน้องมากดิวะ” เลโอบอกเพื่อน
“มึง ไอ้หน้าตี๋ อย่ามายุ่งกับน้องกูอีก” ไอ้โต้งชี้หน้าอย่างคาดโทษ
“ไปไอ้เรซ กลับ” ไอ้โต้งเดินเข้ามากอดคอผมให้เดินออกมาจากร้านบิงซูพร้อมกัน
พวกผมนั่งรถประจำทางมายังบ้านของไอ้โต้ง ที่จริงจะไปรถส่วนตัวก็ได้นะแต่ว่าบรรดาพ่อๆ แม่ๆ ทั้งหลายยังไม่อยากให้พวกผมเอารถส่วนตัวมาโรงเรียนเพราะยังเรียนมัธยมกันอยู่
.
.
.