หวงของ

2213 คำ
“เป็นไงบ้างต้า” แก้มใสถามขึ้นเมื่อฉันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ “ขอน้ำหน่อย” ฉันยื่นมือไปขอน้ำหวานจากแก้วของเพื่อน พอได้ดื่มน้ำแล้วค่อยยังชั่วหน่อย “ได้คุยกับพี่เขารึเปล่า” แก้มใสถามต่อ “ได้คุย แต่พี่ฝ้ายดันมาเห็นพอดี ก็เลยรีบชิ่งมาก่อน” “เหรอ แล้วต้าจะโดนพี่ฝ้ายเล่นงานไหม” แก้มใสถามอย่างป็นห่วง “ไม่รู้สิ” ที่แก้มใสถามแบบนั้นก็เพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับผู้หญิงที่เข้าใกล้พี่ราเรซน่ะสิ เวลามีผู้หญิงคนไหนไปยุ่งกับพี่ราเรซมักจะโดนพี่ฝ้ายกลั่นแกล้งจนไม่กล้าไปยุ่งกับพี่ราเรซอีก ล่าสุดเพื่อนร่วมห้องของฉันเอง นางทำขนมไปให้พี่ราเรซพอพี่ฝ้ายรู้ก็ตามมาด่านางถึงในห้องเรียน พร้อมกับถุงขนมที่ทำไปให้พี่ราเรซ พี่ฝ้ายเอาขนมมาระเรงเต็มหน้าเต็มผมเพื่อนคนนั้นอย่างซะใจ เพื่อนร่วมห้องของฉันอับอายจนไม่กล้ามาโรงเรียนหลายวัน “แต่ต้ามีพี่โต้งอยู่ ไม่ต้องกลัวไปหรอก” แก้มใสบอก “ต้าไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่ต้ากำลังสงสัยพี่ราเรซอยู่” เรื่องพี่ฝ้ายจะมาหาเรื่องฉันหรือเปล่านั้น ฉันไม่ได้คิดมากเลย “สงสัยอะไร” แก้มใสถามอย่างใคร่รู้ “ก็ตอนที่บอกเรื่องแฟนของพี่เขาไป พี่ราเรซกลับทำเฉยเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่โกรธ ไม่หึง แถมยังยิ้มหน้าระรื่นอีก” นั่นแฟนเขานะ ไม่หึงไม่หวงเลยรึไง “พี่ราเรซอาจจะไม่เชื่อต้าล่ะมั้ง เขาอาจจะเชื่อใจแฟนเขามากก็เป็นได้” ที่แก้มใสพูดมาก็น่าคิด แต่ทำไมความรู้สึกฉันมันไม่คิดตามแก้มใสนะ “ชั่งเหอะ ไม่อยากสนใจละ” คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ เรื่องของเขาเหอะ เห็นว่าเป็นเพื่อนรักของเฮียโต้งหรอกถึงได้บอก แต่ถ้าเขาเข้าใจกันดีเราก็ไม่ควรไปยุ่งด้วย “ระวังตัวให้ดีเหอะ” เพื่อนของพี่ฝ้ายเดินโฉบมาแล้วพูดขึ้น ฉันกับแก้มใสจึงหันไปมองตามเสียงพูดที่เดินผ่าน กลุ่มเพื่อนพี่ฝ้ายส่งสายตาจิกกัดมาให้ งานเข้าแล้วละ ต้าหนิงเอ๊ย ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่หน้าห้องเรียนของเฮียโต้ง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ฉันก็จะไม่ขึ้นมาตึกนี้เด็ดขาด ที่โรงเรียนของฉันเขาแบ่งตึกเรียนของแต่ละช่วงชั้นไว้อย่างชัดเจน ตึกของ ม.4 ก็จะมีแค่เด็กมอสี่ ตึก ม.6 ก็จะมีแค่พี่มอหกทั้งตึก ตลอดทางที่เดินขึ้นมาก็เจอกับสายตาของพี่มอหก ถ้าเป็นผู้ชายก็จะส่งยิ้มหวานมาให้หรือไม่ก็ผิวปาก และเรียกแซว ส่วนผู้หญิงก็ส่งสายตาจิกกัดซะส่วนใหญ่ “ต้าหนิง มาทำไร” เสียงเฮียโต้งพูดอย่างหงุดหงิด “คือว่าต้าจะมาบอกเฮีย ว่าวันนี้ไม่ต้องรอต้า เพราะต้าจะไปซื้อของกับเพื่อนมาทำงานกลุ่ม” “แล้วไปกันกี่คน กลับกี่โมง มีผู้ชายด้วยหรือเปล่าเพื่อนในกลุ่มน่ะ” เฮียฉันนี่ ขี้บ่นจริง ไม่รู้จะหวงไรฉันนักหนา แค่นี้ก็ไม่มีใครกล้ามาจีบฉันแล้ว เพราะพากันกลัวเฮียโต้งกันหมด “มีแต่ผู้หญิงค่ะ กลับไม่เกินหกโมง” ฉันตอบเฮีย “หกโมงปุ๊บ ต้องให้เฮียเห็นหน้าเราที่บ้านนะ” เผด็จการจังเลย พี่ชายเราเนี่ย “รู้แล้วน๊า อย่าบ่นนักเลย ต้าไม่เถรไถลหรอก ไปนะ” ฉันยกมือบ๊ายบายให้พี่ชาย แต่พี่เลโอกับพี่บิ๊กไบค์บ๊ายบายตอบกลับมา พร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ แล้วสายตาของฉันก็ไปสบเข้ากับสายตาของพี่ราเรซ ฉันหลบตาพี่เขาทันทีพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวเร็ว รีบไปดีกว่า ฉันกับเพื่อนมาซื้อของเพื่อไปทำงานกลุ่มที่ร้านเครื่องเขียนในห้างสรรพสินค้า เมื่อได้ของครบตามรายการที่จดมาแล้ว เราก็แวะกินบิงซูแก้เหนื่อยกันหน่อย ตั้งแต่ย้ายโรงเรียนมาฉันก็มีเพื่อนใหม่เพิ่มมาสองคน คือ น้ำกับแพรว “นี่ๆ ๆ ต้าหนิง พี่โต้งของต้าอะ เขามีแฟนหรือยัง” น้ำถามขึ้น “ต้าก็ไม่เห็นเฮียเขาจะคุยกับใครนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วงที่ต้าไม่เห็นนี่มีคุยหรือเปล่า” จะว่าไปฉันก็ยังไม่เคยเห็นเฮียจะคุยกับใครจริงๆ จังๆ ถึงขั้นเรียกแฟนเลยสักคน “แพรวอะ เสียดายความหล่อของพี่ราเรซจัง” แพรวพูดขึ้นพร้อมตักของหวานเข้าปาก “ทำไมล่ะ” แก้มใสถามแพรว “คนหล่อ มักจะโดนสวมเขานะสิ” แพรวตอบ “นั่นไง นางมากับผู้ใหม่อีกแล้วจ้า” พวกเราหันไปตามสายตาของน้ำ พี่ฝ้ายเดินค้วงแขนมากับผู้ชายที่ใส่ชุดนักศึกษาของมหาลัยแห่งหนึ่ง เดินหยอกล้อกันหัวเราะคิกคักเหมือนเป็นคู่รักกันเลย แล้วพี่เราเรซล่ะ พี่ฝ้ายเอาพี่ราเรซไปไว้ไหน “ฉันอยากดามใจพี่ราเรซจัง” แพรวพูด “ดามหุ่นตัวเองก่อนไหมเพื่อน นี่มันถ้วยของฉัน!” น้ำพูดแขวะแพรว เพราะโดนแพรวทำเนียนตักบิงซูผิดถ้วย แล้วเราทั้งสี่คนก็หัวเราะกันยกใหญ่ “เออ ขอโทษนะ พี่ชื่อไผ่นะครับ น้องชื่ออะไร” ฉันหันไปมองผู้ชายที่เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ เขาหล่อและดูดีมาก ดูจากสัญญาลักษณ์ที่ปกคอเสื้อนักเรียนเขา น่าจะอยู่มอหกเหมือนเฮียโต้ง “ต้าหนิงค่ะ” ฉันตอบเมื่อพี่เขายิ้มหวานมาให้ “ขอเบอร์ได้ไหม อยากทักไปคุยด้วย” พี่ไผ่บอกพร้อมกับยื่นโทรศัพท์พี่เขามาให้ “ถ้าแกช้าระวังไอ้แพรวง้าบเอานะ” น้ำพูดติดตลก “ใช่ เฮ้ย! ไม่ใช่สิ คนนะไม่ใช่ปลาทอง คริ ๆ” เพื่อนฉันนี่ อารมณ์ขันกันดีจริง ฉันกำลังจะยื่นมือไปรับโทรศัพท์พี่ไผ่ จู่ ๆ ก็มีมือปริศนามาแย่งโทรศัพท์ไปซะก่อน “49” ฉันหันขวับมองคนที่แย่งโทรศัพท์ตัดหน้าไป พี่ราเรซ เขามาตั้งแต่เมื่อไร แล้วอะไรคือ 49 พี่ราเรซยืนจ้องหน้าพี่ไผ่นิ่งพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้พี่ไผ่คืน “อะไรของมึงวะ!” พี่ไผ่ถามอย่างหงุดหงิดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองคืน “ก็เบอร์ไง” พี่ราเรซยืนล้วงกระเป๋ากางเกงตอบอย่างกวนๆ “เบอร์ไรของมึง” “เบอร์รองเท้ากูเนี่ย” “ไอ้สัสนี่ กวนเหรอ!” พี่ไผ่ผลักอกพี่ราเรซอย่างแรงแต่พี่ราเรซก็แค่เซเอง เขาแข็งแรงจะตาย “อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ” ฉันรีบห้ามก่อนที่จะวุ่นวายไปมากกว่านี้ “นี่แฟนน้องต้าหนิงเหรอ” พี่ไผ่หันมาถามฉัน ฉันมองหน้าพี่ราเรซแล้วก็ได้รับสายตาดุๆ จากพี่เขากลับมา ทำไมต้องดุกันด้วย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย “เปล่าค่ะ” ฉันตอบตามความจริง “แล้วมึงหวง ทำไมวะ” พี่ไผ่หันไปจ้องหน้าพี่ราเรซอย่างเอาเรื่อง “เรื่องของกู” พี่ราเรซตอบ อะไรของเขานะ ฉันไม่เข้าใจพี่ราเรซเลยจริงๆ เขาทำตัวไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ทำอย่างกับว่าหึงงั้นแหละ หรือว่าพี่ราเรซหึงฉันงั้นเหรอ บ้าไปแล้ว... “ไอ้เรซ! เดินไม่รอกูเลยไอ้นี่” “เฮียโต้ง” แล้วพี่เลโอกับพี่บิ๊กไบค์ก็เดิมตามหลังเฮียโต้งมาด้วย “อ้าว... ทำไมมาอยู่นี้ล่ะ แล้วไอ้หมอนี่ใคร” เฮียโต้งถามฉันก่อนจะหันไปมองหน้าพี่ไผ่ที่กำลังแข่งจ้องตากับพี่ราเรซอยู่ ฉันมึนงงกับท่าทางของพี่ราเรซมากเลยตอนนี้ เขาควรจะแสดงกิริยาแบบนี้กับแฟนตัวเองสิ ไม่ใช่กับฉัน “มันขอเบอร์ต้า” แล้วความซวยคูณสองก็บังเกิดแก่พี่ไผ่ผู้โดดเดี่ยวเพราะมาคนเดียวเพื่อนนั่งรออยู่ที่โต๊ะแต่ไม่เดินมาห้าม “มึงจีบน้องกูเหรอ” นั่นไง พี่ชายฉันอาการหวงน้องกำเริบอีกล่ะ “เฮีย... พอได้แล้วน่า จะหวงไรนักหนา ไม่มีใครกล้ามาจีบต้าแล้วเนี่ย” ฉันเริ่มไม่ไหวกับความอันตพาลของพี่ชายตัวเองเต็มทนแล้ว ทำอย่างกับฉันเป็นทองคำงั้นแหละ หวงอยู่ได้ “นี่ไอ้ต้า พูดงี้แกอยากมีแฟนรึไง ห้ะ! พึ่งจะขึ้น ม.4 ริอาจมีแฟนเหรอ เดี๋ยวเหอะ!” แล้วฉันก็โดนเฮียโต้งบ่นมาเป็นชุด “ใช่! ต้าอยากมีแฟน จบไหม!” ฉันไม่อยู่ให้พี่ชายบ่นอีกรอบหันไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายได้ฉันก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกมาทันที “เฮ้ย! ต้าหนิง! มาคุยกับเฮียให้รู้เรื่องก่อน!” เสียงเฮียโต้งเรียกไล่หลังมา ฉันไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง ฉันนั่งรถประจำทางกลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวสุดๆ โมโหทั้งพี่ชายแล้วก็เพื่อนตัวดีของเขา ฉันกำลังจะเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านก็ถูกม้าเรียกไว้ซะก่อน “ต้าหนิง เฝ้าร้านให้ม้าก่อน ม้าจะไปเช็กของหลังร้านสักหน่อย” ที่บ้านของฉันทำธุรกิจหลายอย่าง ทั้งให้เช่าสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแล้วก็บริษัทขายส่งอุปกรณ์กีฬาและไหนจะร้านอาหารกับกาแฟนี่อีก ไม่รู้จะทำอะไรเยอะเยะ แค่เปิดสนามฟุตบอลก็พอกินแล้ว ทำอย่างกับว่ามีลูกเป็นโหลงั้นแหละ “ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย เดี๋ยวลูกค้าม้าหายหมด” ม้าบ่นให้เมื่อฉันทำหน้าบึ้งตึงเดินมาที่หลังเคาร์เตอร์ “ค๊า...” ฉันฉีกยิ้มแบบไม่เต็มใจให้ม้า ม้าเดินไปหลังร้าน ฉันก็มานั่งจับเจ่าที่หลังเคาร์เตอร์ ลูกค้ามีอยู่สามโต๊ะก็ไม่ได้เยอะอะไร ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นไปพลางแก้เซ็ง “ต้าหนิง” ฉันละสายตาจากโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นมามองตามเสียงเรียก “พี่ไผ่ มาได้ไงคะ” ฉันถามอย่างแปลกใจ พี่ไผ่ยืนส่งยิ้มหวานมาให้ เขามากับเพื่อนอีกสี่คน สามคนใส่ชุดกีฬามาเรียบร้อยแล้ว เหลือพี่ไผ่กับเพื่อนอีกคนที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน “พี่มาเตะบอลกับเพื่อนน่ะ แล้วเราล่ะ ทำงานที่นี่เหรอ” พี่ไผ่ถาม “เปล่าหรอกค่ะ ร้านของม้าต้าเอง” ฉันบอกพี่ไผ่ “งั้นน้องต้าหนิงก็เป็นเจ้าของสนามด้วยน่ะสิ” เพื่อนพี่ไผ่ที่ใส่ชุดกีฬาคนหนึ่งถามขึ้นอย่างตื่นเต้น “ไม่ใช่ของต้าหรอกค่ะ ของป๊าเขา” ก็ของป๊าฉันจริงๆ อะ ยังไม่รู้เลยว่าป๊าจะยกอะไรให้ใครบ้าง “แล้วพี่ไผ่กับเพื่อนมาเล่นที่นี่บ่อยเหรอคะ” ฉันถามเขาบ้าง “อ๋อ พี่พึ่งมาครับ แต่เพื่อนพี่สามคนนี้มาบ่อย” พี่ไผ่หันไปมองเพื่อนสามคนที่ใส่ชุดกีฬา “อ๋อ ค่ะ” “แต่ว่า ต่อไปนี้คงจะมาบ่อยๆ แล้วล่ะ” พี่ไผ่พูดยิ้มๆ ฉันเองก็ยิ้มตอบ รู้ทันอยู่หรอก หวังจะมาเจอฉันบ่อยๆ ล่ะซิ ฉันเจอมุขนี้มาเยอะแล้ว และทุกครั้งที่มีคนมาพูดแบบนี้กับฉันก็จะโดนเฮียโต้งไล่ตะเพิ้นออกไป “เฮ้ย! มาได้ไงวะ! ตามน้องกูมาเหรอ” นั้นไง ตายยากจริงๆ พี่ชายฉัน แล้วสายตาเจ้ากรรมของฉันก็ประสานเข้ากับสายตาของใครบางคนที่มีส่วนทำให้ฉันหงุดหงิดเมื่อตอนอยู่ที่ห้างฯ “เสียงดังอะไรขนาดนั้นโต้ง” ม้าเดินออกมาจากหลังร้านพอดี “ไอ้หมอนี่มันตามต้ามา ม้า” เฮียหันไปฟ้องม้า คิดว่าตัวเองเป็นเด็กอยู่รึไง “ไร้สาระน่าโต้ง นี่ลูกค้ารายเดือนของป๊านะ” ม้าตอบ แล้วเพื่อนทั้งสามคนของพี่ไผ่ก็ส่งยิ้มมาให้ม้าของฉัน “เดี๋ยวม้าไปดูสนามให้นะ” แล้วม้าของฉันก็เดินออกไปจากร้านอีกรอบเพื่อไปดูสนามให้พวกเพื่อนๆ พี่ไผ่ “มึงคิดว่ามึงแน่นักเหรอ” เฮียโต้งเริ่มหาเรื่องพี่ไผ่อีกครั้ง “ลองสักเกมไหมล่ะ” พี่ไผ่ท้าทาย “เอาดิ ทีมล่ะสี่ไม่ต้องมีโกลด้วย” เฮียโต้งรับคำท้า “ถ้าพวกกูชนะ มึงต้องยอมให้กูจีบน้องต้าหนิงนะ” พี่ไผ่พูด แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ “แล้วถ้ามึงแพ้ล่ะ” เฮียโต้งถาม “กูก็จะเลิกยุ่งกับต้าหนิงแล้วก็จะไม่มาที่นี่อีก” “ข้อเสนอน่าสน มึงเตรียมตัวไส่หัวไปได้เลย” เฮียโต้งพูดอย่างมั่นใจ “เอาเป็นว่าตกลงนะ” พี่ไผ่พูดพร้อมกับจ้องหน้าเฮียโต้ง แล้วพี่ไผ่ก็หันมาจ้องพี่ราเรซด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม