หริณะสวมเสื้อยืดผู้ชายสีขาวตัวโคร่งเดินออกมาจากห้องน้ำ พี่วาฬบอกว่ามีเสื้อผ้าอยู่ในตู้ แต่เท่าที่เธอเปิดดูมันไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิงเลยสักชุด เธอไม่อยากรบกวนเขาตอนกลางดึกจึงจำใจเลือกเสื้อยืดผู้ชายที่น่าจะพอใส่นอนได้ออกมาสวมตัวหนึ่ง
สาวน้อยนอนคว่ำแล้วใช้ข้อศอกยันตัวขึ้นมากดโทรศัพท์เล่น ขณะเดียวกันเอมิกาก็วิดีโอคอลเข้ามาหาทางไลน์พอดีหริณะจึงรีบกดรับวิดีโอคอล
‘บันนี่อยู่ไหน? ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ? เรานึกว่าเธอกลับก่อนเสียอีก แล้วที่นั่นที่ไหน? ทำไมชุดนอนบันนี่แปลก ๆ’ เอมิกาถามเพื่อนสาวรัวเร็วเนื่องจากเห็นสภาพห้องและการแต่งตัวของหริณะที่ดูผิดปกติ
“ที่นี่บ้านพี่วาฬ เรายังไม่ได้กลับเลย เอมทิ้งเราไว้ที่นี่อะ... เราบอกเธอแล้วว่าถ้ากลับก่อนเราจะไลน์ไปบอกไง” หริณะตัดพ้อเพื่อนสาวทันที
‘หา! อะไรนะ?! บันนี่ยังอยู่บ้านอาจารย์วาฬเหรอ?’
“ก็ใช่น่ะสิ เราเจอผีหลอก เรางี้ตกใจ เป็นลมเลย ตื่นขึ้นมาเธอก็กลับไปแล้ว พี่วาฬบอกดึกแล้ว บ้านพี่เขาเปลี่ยว กลับลำบาก ค้างก่อนก็ได้ พรุ่งนี้พี่เขาจะไปส่งที่บ้าน”
‘หือ? อาจารย์วาฬเนี่ยนะ? อาจารย์วาฬที่หล่อโฮกแบบออร่าน่าจับทำผัวเนี่ยนะ?!’ เอมิกาถามย้ำกับเพื่อนสาวตัวน้อยเหมือนไม่เชื่อที่เพื่อนบอก
“อืม ใช่ พี่เขาหล่อจริงแหละ เอมยังไม่เห็นเพื่อนเขา เพื่อนเขาก็หล่อ หล่อแบบ... กระจ่างมาก แต่เสียดายนิสัยเสียไปหน่อย ถ้าเรื่องนิสัยพี่วาฬน่ารักกว่าหน่อยหนึ่ง” หริณะพูดถึงสองหนุ่มแล้วก็คิดถึงหน้าตาหล่อเหลาของพวกเขาไปด้วย
ตั้งแต่เกิดมา 22 ปี หริณะยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทั้ง ๆ ที่ก็หน้าตาไม่ได้แย่ ไม่ได้สวยเท่าเอมิกาหรอก เธอรู้ตัว แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ถือว่าน่ารักใช้ได้ หรือว่าเธอต้องหัดชม้อยชะม้ายชายตาให้ผู้ชายเหมือนคนอื่นเขาบ้างนะ?
‘บันนี่เรียกอาจารย์ว่า ‘พี่วาฬ’ เหรอ?’
“อืม พี่เขาบอกว่าให้เรียกพี่ได้”
‘อาจารย์วาฬไม่เห็นใจดีกับเราแบบนี้เลย เราอุตส่าห์ตื๊อขอเบอร์ก็ไม่ให้ สงสัยเราจะไม่เข้าตาเขา หรือว่า... เธอเข้าตาเขา?’ เอมิกาถามเพื่อนแล้วยิ้ม
“บ้าน่า! พี่เขาจะชอบเราได้ยังไง? เราไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น เอมก็รู้ คบกับเราตั้งแต่ปีหนึ่งจนจะจบปีสี่อยู่แล้ว เคยเห็นมีใครจีบเราบ้างไหมล่ะ?”
‘เออ... นั่นน่ะสิ บันนี่ออกจะน่ารัก หรือบันนี่ไม่แรด? ผู้ชายสมัยนี้เขาชอบแบบแซ่บ ๆ เธออยากลองแซ่บบ้างไหม? เผื่อจะได้อาจารย์วาฬมาเป็นผัวคนแรก... หรือว่า... บันนี่ชอบเพื่อนของอาจารย์วาฬมากกว่า?’ เอมิกาถามไปยิ้มไป ถ้าหริณะที่น้อยครั้งนักจะชมผู้ชายว่าหล่อบอกว่าเพื่อนของอาจารย์วาฬหล่อก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพื่อนของหมอเวทชื่อดังต้องหล่อระเบิดระเบ้อเกินเบอร์ไปมาก
“เปล่า ไม่ใช่เสียหน่อย! ยิ่งอีตาพี่ขาลยิ่งไม่ใช่เลย เราเจอเขาตอนเขากำลังจะ... แบบ... มีอะไรกับผู้หญิงด้วย ความประทับใจครั้งแรกคือ... ไม่มีเลย เราไม่ชอบพี่เขาหรอก” หริณะเถียงเพื่อนทันที
‘แล้วเราจะคอยดู พวกที่ปฏิเสธเสียงแข็งแบบนี้เห็นตอนสุดท้ายก็กลับคำทุกคน เอาเป็นว่าวันนี้บันนี่ค้างบ้านอาจารย์วาฬไปก่อนนะ ตีสนิทกับเขาไว้ เผื่อครั้งหน้าเราไปลงนะหน้าทองอาจารย์เขาจะได้ลดราคาให้ ยิ่งอ่อยให้เขาชอบได้ต้องยิ่งทำ อย่าให้เราต้องสอน โอเคไหม?’ เอมิกาพูดกึ่งเล่นกึ่งจริง
“บ้าจริงเชียวยัยเอมนี่! ไม่พูดแล้ว จะวางสายแล้ว พูดจาบ้าบอ ไว้พรุ่งนี้วันเสาร์เราจะโทรหานะ ฝันดีนะเอม”
‘จ้า ฝันดีนะบันนี่ อย่าฝันเปียกถึงผู้ชายล่ะ’ เอมิกาแซวเพื่อนแล้วบอกลาก่อนจะกดวางสายทันที ไม่รอฟังเพื่อนสาวด่าก่อน
“ยัยเอมบ้านี่! ใครกันจะฝันเปียก ลามกจริง!” หริณะด่าเพื่อนออกมาเบา ๆ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงใหญ่
เตียงมันนุ่มนิ่มดีอยู่หรอก แต่สาวน้อยหลับไม่ลงเพราะแสงไฟมันแยงตา จะปิดไฟก็กลัวผี ถึงพี่ ๆ ทั้งสองคนจะรับรองว่าผีจะหลงทางจนหาห้องไม่เจอก็เถอะ
แล้วถ้าผีดันหลงมาเจอหนูล่ะคะ? หนูมิโดนผีหลอกเหรอ?
คิดไปก็เท่านั้น จะเล่นโทรศัพท์จนถึงเช้าก็ไม่ไหวเดี๋ยวแบตเตอรี่จะหมดเสียก่อน ในห้องมีโทรทัศน์จอแบนติดผนังอยู่เครื่องหนึ่งหริณะจึงเปิดโทรทัศน์ดูรายการช่วงดึกจนเริ่มง่วงนอน
เสียงโทรทัศน์ที่ถูกเปิดทำให้สาวน้อยรู้สึกเหมือนมีเพื่อนอยู่ด้วย ไม่น่ากลัวมากนักแต่เมื่อสติเริ่มเลือนคล้ายจะหลับ เสียงรายการเพลงก็เปลี่ยนเป็นเสียงรายการการ์ตูนสำหรับเด็ก เตียงที่หริณะนอนอยู่ก็เริ่มสั่นไหวเหมือนมีร่างน้อย ๆ ขึ้นมากระโดดโลดเต้น
หริณะเริ่มลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเธอก็ต้องกรีดร้องเสียงดังอีกครั้ง
“กรี๊ด!”
สาวน้อยเห็นกุมารีแก้วและกุมารทองกระโดดเล่นข้างกายเธอแล้วดูรายการการ์ตูนบนโทรทัศน์ไปด้วย หริณะตกใจจนแทบสิ้นสติแต่ด้วยว่านี่เป็นครั้งที่สองที่เธอเจอสองกุมารแล้วเธอจึงเริ่มหลับตาพนมมือแล้วสวดมนต์
“แม่จะสวดมนต์ทำไมจ๊ะ? พวกหนูไม่ใช่ผีนะ สวดมนต์ก็ไม่ไปหรอก” กุมารีหญิงตัวอ้วนกลมถามหริณะขึ้นมาทันทีด้วยความสงสัย
หริณะยังไม่ทันอ้าปากตอบคำกุมารีน้อยประตูห้องก็ถูกเปิดออก สองหนุ่มหล่อกรูกันเข้ามาเพราะได้ยินเสียงกรี๊ดลั่นบ้านของเธอ
“เกิดอะไรขึ้นบันนี่?!” วาฬถามด้วยความตกใจแล้วรีบวิ่งไปหาหริณะที่นั่งตัวสั่นพนมมือสวดมนต์อยู่บนเตียง
“ไม่เห็นมีอะไรเลย? เธอร้องทำไมเนี่ย?” ขาลกวาดตามองรอบห้องแล้วถามสาวน้อย
พวกเขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกเธอด้วยความสนิทสนมมากขึ้น มันทำให้สาวน้อยรู้สึกสนิทใจกับพวกเขาและรีบพรั่งพรูบอกเล่าความกลัวในใจทันที
“ผีค่ะ... ผีเด็กสองคนนั่น... พี่ ๆ ไม่เห็นเหรอคะ?”
“เห็นสิครับ แต่แก้วกับทองไม่ใช่ผี พี่บอกแล้วไง แก้วกับทองเป็นกุมาร คอยปกป้องบ้าน คอยไล่ผี” วาฬคว้าตัวน้องเข้ามากอดแล้วลูบหัวเธอเบา ๆ กดใบหน้าน้อยให้ซบลงกับอกกว้างของเขา
หริณะถือโอกาสซุกหน้าเข้ากับอกเขาแล้วหลับตาปี๋เพราะไม่อยากเห็นสองกุมาร
ขาลหรี่ตามองเพื่อนรักที่เหมือนจะทำเนียนฉวยโอกาสกอดสาวน้อยที่เขาหมายตาเอาไว้
เชี่ย ไอ้วาฬแม่งใช้มุกกู... กูใช้ไปแล้ว เสือกลอกการบ้านกูอีก
“บันนี่ครับ... ลองลืมตาดูแก้วกับทองสิ แก้วกับทองน่ารักจะตาย เหมือนเด็กตัวน้อย ๆ แก้มแดง ๆ อ้วน ๆ น่ากอด” วาฬพยายามปลอบน้อง
“ใช่จ้ะแม่จ๋า พวกหนูน่ารักจะตาย มีพวกหนูอยู่รับรองไม่มีผีตัวไหนมาหลอกแม่แน่จ้ะ” ทองบอกเสียงเจื้อยแจ้ว
หริณะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วมองกุมารทั้งสองด้วยใจที่สั่นกลัว
“น้อง ๆ ก็... ก็น่ารักอยู่หรอกค่ะ แต่... พอจับตัวน้อง ๆ ไม่ได้หนูก็กลัว แล้วน้อง ๆ เดี๋ยวก็มาเดี๋ยวก็ไป หนูหัวใจจะวาย” หริณะบอกวาฬแล้วเงยหน้ามองเจ้าของแผงอกกว้างที่เธอซุกตัวอยู่
พี่เขากล้ามแน่นมาก อยากนอนซุกอกพี่วาฬทั้งคืนเลย... โอ๊ย! ยัยบ้าบันนี่! นี่มันใช่เวลามาบ้าผู้ชายไหม?
หริณะคิดไปก็ด่าตัวเองไป
“ไม่ต้องกลัวหรอก เธอมาเจอแก้วกับทองบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ชินเอง แก้วกับทองไม่ได้มาในรูปแบบเละเทะสยดสยอง ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว” ขาลพูดขึ้นบ้างแล้วนั่งลงบนเตียง ส่งมือใหญ่ไปลูบหน้าลูบหลังเหมือนเป็นการปลอบน้องแต่ความจริงแค่ไม่อยากเสียเปรียบปล่อยให้ไอ้วาฬได้ใกล้ชิดน้องเพียงคนเดียว
“แต่...” หริณะยังกลัว ๆ กล้า ๆ
“แม่ไม่ต้องกลัวพวกหนูนะจ๊ะ พวกหนูไม่ทำอะไรเมียพ่อหรอกจ้ะ พวกหนูแค่เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนแม่ กลัวแม่เหงา” กุมารีแก้วพูดขึ้นมาจนหริณะต้องขมวดคิ้ว
“ใครเมียพ่อพวกหนูคะ?”
“แม่ไงจ๊ะ ไม่รู้ว่าจะได้เป็นเมียพ่อใหญ่หรือพ่อเล็ก แต่ต้องได้เป็นเมียพ่อหนูแน่ ๆ จ้ะ” กุมารทองบอกเสียงใส
หริณะทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกแล้วหันไปมองพี่วาฬทีพี่ขาลที
“บันนี่ไม่ต้องสนไอ้กุมารปากมากหรอกครับ ถ้าบันนี่ยังไม่ชินกับแก้วและทอง บันนี่ไปนอนในห้องพี่ดีกว่า พี่กับไอ้ขาลจะได้นอนเป็นเพื่อนนะครับ” วาฬพูดตัดบทขึ้นมาแล้วพยุงน้องน้อยให้ลุกขึ้นจากเตียง ก่อนเดินออกจากห้องหมอเวทหนุ่มยังหันมาส่งยิ้มและขยิบตาให้สองกุมารลูกรัก
“เห็นไหม แก้วบอกแล้วว่าแม่จะกลัว ทองไม่เชื่อแก้ว” กุมารีตัวน้อยหันไปต่อว่าเพื่อน
“พวกมึงทำดีแล้ว กูไปก่อนนะ พรุ่งนี้กูจะถวายน้ำแดงให้มึงทั้งคู่เลย” ขาลรีบบอกกุมารเทพทั้งสองก่อนจะลุกตามสองหนุ่มสาวไปด้วย
“แม่กลัวแหละ แต่ดูสิพ่อใหญ่กับพ่อเล็กชอบให้แม่กลัว ฮิ ๆ ๆ” กุมารทองหัวเราะคิกคักแล้วยักคิ้วให้กุมารีตัวกลม
แก้วยังไม่เข้าใจความคิดของผู้ใหญ่อยู่ดี แม่กลัวจนต้องไปนอนกับพ่อของเธอแล้วเธอทำดีตรงไหนกัน?
ความคิดของผู้ใหญ่เข้าใจยาก... ความคิดของผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ยิ่งเข้าใจยากกว่าหลายเท่า