วาฬเปิดหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในตู้เก็บของด้านบนแล้วหยิบออกมาให้สาวน้อยหนึ่งซองในขณะที่ขาลเดินไปเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่เพื่อมองหาไข่ไก่ ผักและเนื้อสัตว์
หริณะนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์แล้วรับซองบะหมี่มาจากวาฬ หมอเวทสุดหล่อเดินไปหาหม้อมาใส่น้ำแต่สาวน้อยกลับบีบบะหมี่ในซองจนละเอียดแล้วร้องห้ามเขา
“อาจารย์วาฬไม่ต้องตั้งเตาค่ะ เสียเวลาเปล่า ๆ กร๊วบ!” หริณะตะโกนบอกหนุ่มหล่อแล้วเทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ปากแล้วเคี้ยวทันที
สองหนุ่มหล่อตะลึงตาค้างแล้วมองไปทางสาวน้อยที่นั่งเคี้ยวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบหน้าตาเฉย
“เฮ้ย! บันนี่! คุณกินบะหมี่ไม่ต้มได้ยังไง?! เดี๋ยวท้องอืดนะ คายออกมาเร็ว!” ขาลรีบวิ่งเข้าไปแล้วแย่งซองบะหมี่ออกมาจากมือน้อย ๆ ของหริณะ
“ไม่นะ! หนูกินได้! หนูกินบ่อยไป คุณจะมารู้ดีไปกว่าตัวหนูได้ยังไง?” หริณะยื้อแย่งซองบะหมี่จากมือขาลทันที
“ไม่ได้! เดี๋ยวปวดท้องตอนกลางคืน!” ขาลไม่ยอมปล่อยซองบะหมี่ง่าย ๆ
“เออ... คือ... ผมว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมันต้องต้มหน่อยนะครับ แล้วนี่ก็ดึกแล้ว ท้องอืดตอนนอนมันไม่สนุกเลยนะครับบันนี่ ถ้าคุณท้องอืดขึ้นมาพวกผมต้องลำบากพาคุณไปหาหมอกลางดึกกลางดื่น บ้านพวกผมยิ่งอยู่ไกลจากโรงพยาบาลด้วย” ขาลจับจุดอ่อนของหริณะได้จึงพูดขึ้นมา สาวน้อยเป็นจำพวกไม่ค่อยห่วงตัวเองแต่ใส่ใจคนอื่น เมื่ออ้างว่าเธออาจทำให้พวกเขาเดือดร้อนหริณะจึงยอมปล่อยมือจากซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทันที
“เฮ้อ! ก็แค่นั้น... ดื้อจริงเชียว นี่เพิ่งรู้จักกันแค่แป๊บเดียวยังดื้อขนาดนี้ คนอื่นที่อยู่กับคุณมานานกว่านี้มิปวดหัวกับความดื้อของคุณแย่เหรอ?” ขาลถอนหายใจแล้วบ่นพึมพำ
“หนูไม่ได้ดื้อเสียหน่อย หนูแค่ไม่อยากให้พวกคุณต้องมาคอยดูแล หนูเกรงใจ เห็นพวกคุณต้องหยิบจับเป็นธุระหาอะไรให้หนูกิน หนูรู้สึกว่าทำตัวยุ่งยากมาก หนูไลน์หาเอมเผื่อเอมจะมารับหนูคืนนี้ได้ แต่เอมยังไม่อ่านไลน์หนูเลย” สาวน้อยทำเสียงเศร้า
“ผมบอกแล้วว่าให้ค้างที่นี่ไปก่อน มีตั้งหลายห้องไม่เห็นต้องกลัว” วาฬบอกแล้วอดยิ้มน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“แต่... หนู... กลัวผี...” สาวน้อยตอบเสียงค่อยแล้วก้มหน้างุด
“ฮ่า ๆ ๆ! ที่แท้ก็ยังกลัวทองกับแก้ว กุมารของพวกผมไม่น่ากลัวหรอก พวกผมเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ดูแลไม่ให้คนข้างนอกเข้ามา บางทีพวกสาว ๆ ก็ชอบแอบเข้ามาในบ้าน ไอ้วาฬมันเนื้อหอม สาวเห็นสาวรัก สาวคุยสาวหลง” ขาลบอกอย่างอารมณ์ดี
“เชี่ยขาล! พูดเหมือนมึงไม่มีปัญหาเรื่องผู้หญิง พวกที่มึงเคยพามาที่บ้านก็ชอบมาตามหามึงเหมือนกันแหละ” วาฬโต้เพื่อนทันที
“พวกคุณนี่... เป็นพวกหมอผี หมอเสน่ห์ด้วยหรือเปล่าคะ? ต้องเล่นเครื่องรางของขลังหรือลงอาคมให้คนรักคนหลงหรือเปล่า? นี่แอบดีดน้ำมันพรายใส่หรือทำอะไรกับหนูหรือเปล่าเนี่ย?” หริณะถามด้วยความสงสัยอย่างแท้จริงเพราะเธอรู้สึกว่าเธอจะไว้ใจพวกเขาเกินคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกัน
สองหนุ่มได้ฟังก็หัวเราะออกมาดัง ๆ พร้อมกัน
“โถ! แม่กระต่ายน้อย พวกผมไม่ใช้ของพวกนั้นกับผู้หญิงหรอกนะ พวกผมไม่ได้ขี้ขลาดขนาดนั้น ที่สาว ๆ คลั่งไม่ใช่เพราะอาคมแต่เป็นเพราะพวกผมนี่แหละที่โคตรขลัง” ขาลกล่าวขึ้นก่อน
“รูปร่าง หน้าตา เงินทอง ของพวกนี้มันขลังยิ่งกว่าอาคมหรือเสน่ห์ยาแฝดอีกนะครับบันนี่” วาฬเสริมขึ้นมาแล้วยกยิ้มที่มุมปาก
หมอเวทรูปหล่อเดินไปต้มน้ำต่อก่อนที่จะหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองใหม่มาแกะแล้วใส่ลงหม้อไป
ขาลหยิบไข่ไก่และผักกับเนื้อหมูไปที่มุมทำอาหารแล้วช่วยวาฬต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้น้องต่อ
ไม่ถึงสิบนาทีบะหมี่ชามโตมีครบทั้งไข่ ทั้งเนื้อ ทั้งผักก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าของสาวน้อยหริณะ
แม่กระต่ายสาวทำตาโตกับบะหมี่ชามใหญ่เบื้องหน้าแล้วรีบจับตะเกียบคีบเส้นบะหมี่เหนียวนุ่มเข้าปากทันที
“อืม... นี่เป็นบะหมี่ที่อร่อยที่สุดในชีวิตหนูเลยค่ะ ขอบคุณค่ะอาจารย์วาฬ ขอบคุณค่ะคุณขาล” สาวน้อยกล่าวคำขอบคุณด้วยใจจริงแล้วเริ่มต้นกินบะหมี่ตรงหน้าด้วยความเอร็ดอร่อย
“หลังจากกินบะหมี่ชามนี้แล้วก็ถือว่าบันนี่สนิทกับผมขึ้นมาอีกนิดแล้วนะครับ เรียกผมว่า ‘พี่วาฬ’ แทน ‘อาจารย์วาฬ’ ได้ไหม?” วาฬที่นั่งฝั่งตรงข้ามขยับแว่นแล้วถามเจ้าหล่อนออกไป
“ได้ค่ะพี่วาฬ” สาวน้อยรับคำเสียงหวานแล้วกินบะหมี่ต่อ
กระต่ายน้อยมักจะเชื่องกับคนที่ให้อาหารมันเสมอ...
“แล้วพี่ขาลล่ะ?” ขาลถือโอกาสถามบ้างแต่หริณะกลับแลบลิ้นใส่เขาแล้วหัวเราะน้อย ๆ
“ทำไม? เรียกไอ้วาฬว่าพี่แต่ไม่ยอมเรียกผมว่าพี่เหรอ?” ก่อนหน้านี้เขาทะเลาะกับเธอเพื่อความบันเทิง แต่ครั้งนี้เมื่อสาวน้อยปฏิเสธจะเรียกเขาว่าพี่เขากลับเจ็บจี๊ดขึ้นกลางใจ
วาฬเหมือนจะรู้สึกถึงความเจ็บที่กลางใจของเพื่อนรักด้วย หมอเวทหนุ่มถึงกับนิ่วหน้าไปพร้อมกันกับเพื่อน
“เรียกก็ได้ค่ะ แต่พี่ขาลต้องไม่ดุหนูสิคะ พูดดี ๆ ทำตัวดี ๆ น่ารักแบบพี่วาฬสิคะ” สาวน้อยตอบกลับทันทีแล้วยิ้มเหมือนมีชัยเหนือกว่า
แค่ได้ยินเธอเรียกเขาว่าพี่ขาล หัวใจของชายหนุ่มที่มันห่อเหี่ยวเมื่อครู่ก็พองฟูขึ้นมาภายในเสี้ยววินาที
หนุ่มหล่อหน้าตี๋ที่นั่งข้างหริณะก้มหน้าลงหอมแก้มน้องเบา ๆ ทันทีฟอดหนึ่ง ทำให้หริณะที่กำลังคีบบะหมี่เข้าปากถึงกับปล่อยตะเกียบแล้วยกมือขึ้นปิดแก้มข้างที่เขาหอมทันที
“พะ... พี่ขาลทำอะไรหนูอะ?”
นี่เธอไว้ใจพวกเขามากไปหรือเปล่า? เห็นอยู่ว่าตอนแรกที่เจอพี่ขาลเขาเข้าห้องมากับผู้หญิง แถมยังกำลังจะปล้ำกันด้วย
อีตาลามกนี่! มาหอมแก้มหนูได้ยังไง? เดี๋ยวแม่เอาตะเกียบจิ้มตาเลย!
“ก็บันนี่บอกให้พี่ทำดีด้วย พี่ทำอยู่นี่ไง เวลาพี่หอมแก้มผู้หญิงเขาก็ชอบกันทุกคน พี่ก็คิดว่าทำแบบนี้แล้วดีเสียอีก บันนี่ไม่ชอบเหรอ?” ขาลถามแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นที่มุมปาก
วาฬหรี่ตามองเพื่อนรักที่รุกนำเขาไปแล้วหนึ่งแต้ม
“บันนี่กินอิ่มหรือยังครับ ถ้าอิ่มแล้วพี่จะพาไปห้องนอนแขก” วาฬรีบพูดตัดบทขึ้นมาทันที
“อิ่มแล้วค่ะ... แต่... ห้องนอนแขกอยู่ไหนคะ? ไกลจากห้องนอนพวกพี่ไหม?” หริณะถามเสียงเบา พอพูดถึงเรื่องนอนเธอก็ลืมเรื่องที่ขาลเพิ่งหอมแก้มเธอไปเสียสนิท
“ทำไม? จะไปนอนด้วยเหรอ?” ขาลถามยิ้ม ๆ
“บ้า! เปล่า... คือ... หนูกลัวผี” หริณะพูดเสียงเบาลงไปอีก
สองหนุ่มหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
“ห้องนอนแขกมีหลายห้องเดี๋ยวพี่จะให้นอนห้องที่ใกล้ ๆ ห้องพี่กับไอ้ขาลก็แล้วกันนะครับ บ้านของพวกพี่ถูกออกแบบมาให้วกวนและมีหลายห้องเพื่อป้องกันเวลามีวิญญาณหลุดลอดเข้ามาได้ มันจะได้ตามหาพวกเราไม่ถูก พี่กับไอ้ขาลเปลี่ยนห้องนอนบ่อย ๆ ด้วย ดังนั้นห้องส่วนใหญ่ในบ้านถูกจัดให้พร้อมนอนเสมอ” วาฬอธิบายให้สาวน้อยฟัง
หริณะฟังแล้วก็พยักหน้าตามน้อย ๆ เพิ่งรู้ว่าทำไมบ้านนี้ถึงมีทางเดินและการจัดแปลนบ้านที่สลับซับซ้อนนัก
“โอเคค่ะ แบบนั้นก็ดีว่าแต่... พี่วาฬเป็นหมอผี แล้วพี่ขาลเป็นด้วยหรือเปล่าคะ?” หริณะถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้
“พี่เรียนอาคมกับไอ้วาฬ แต่ไม่ได้เป็นหมอเวทมืออาชีพ ไม่ได้เก่งแบบมัน แค่เป็นหมอเวทมือสมัครเล่น หลัก ๆ พี่ทำบริษัทเทรดดิ้ง พวกแบบ... เข้าซื้อบริษัท ลงทุนซื้อเอามาปรับโครงสร้างแล้วขายต่อน่ะ”
หริณะทำเสียงเออออแล้วพยักหน้าตามเหมือนจะเข้าใจที่ขาลพูด
“งั้นหนูขออยู่ห้องใกล้ ๆ พี่วาฬนะคะ ไม่ต้องใกล้พี่ขาลมากก็ได้ หนูอยู่ใกล้หมอผีแล้วสบายใจกว่าอยู่ใกล้นักธุรกิจ” สาวน้อยพูดขึ้นมาทำเอาขาลหน้าเสีย
“ก็บอกอยู่ว่าพี่ก็เรียนคาถาอาคม...” ขาลท้วง
“แต่พี่บอกว่าพี่เก่งไม่เท่าพี่วาฬ สรุป หนูขอห้องใกล้ ๆ พี่วาฬนะคะ” สาวน้อยหันไปยิ้มหวานทำเสียงอ้อนวาฬ
“ได้ครับ” หนุ่มหล่อขยับแว่นแล้วรับคำสาวน้อยทันที
ขาลทำหน้าบึ้งตึงขัดใจเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนรัก
“คืนนี้กูจะไปนอนห้องมึง กูไม่ไว้ใจมึง มึงมันชอบเสแสร้งทำตัวเป็นคนดี ทำเป็นสุภาพบุรุษให้น้องเขาเชื่อใจ มึงมันเจ้าเล่ห์!”
วาฬยักไหล่อย่างไม่แยแส
“อยากมาก็มา เป็นสุภาพบุรุษน่ะถูกต้องแล้ว เจอน้องเขาวันแรกมึงจะให้กูเตรียมเย่อน้องเขาเหมือนที่มึงหิ้วพวกผู้หญิงคืนเดียวของมึงมาเย่อน่ะเหรอ? เหอะ! โง่มาก ตัดแต้มตัวเองชัด ๆ” วาฬกระซิบตอบเพื่อนก่อนที่หริณะจะสังเกตเห็นสองเพื่อนรักกระซิบกระซาบกัน
“พี่ ๆ กระซิบอะไรกันคะ? นินทาหนูหรือเปล่า?”
“เปล่าครับ คืนนี้ไอ้ขาลจะขอมานอนห้องพี่ด้วย มันก็กลัวผีเหมือนกัน” วาฬยิ้มแล้วบอกสาวน้อย
“เชี่ยวาฬ ใส่ร้ายกู” ขาลได้แต่บ่นงึมงำ
หลังจากทำความสะอาดห้องครัวเสร็จเรียบร้อย วาฬและขาลก็เดินนำหน้าสาวน้อยไปยังห้องนอนแขกที่อยู่ตรงข้ามกับห้องนอนใหญ่ของวาฬ
“ในห้องนอนแขกมีเสื้อผ้าในตู้ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัวมีพร้อมครับ ถ้าบันนี่ขาดเหลืออะไรไปเคาะห้องพี่ได้ คืนนี้ดึกแล้วนอนหลับฝันดีนะครับ” วาฬบอกหริณะแล้วทำท่าจะปิดประตูให้เธอแต่ขาลกลับไวกว่าเขาก้มตัวลงจูบแผ่วเบาบนแก้มเนียนของสาวน้อยจนเธอหน้าแดง
“จุ๊บ! กู้ดไนท์นะครับ โอ๊ย!” ขาลทำเสียงหวานแล้วส่งยิ้มให้เธอก่อนที่จะโดนสาวน้อยยกเท้าเล็ก ๆ ขึ้นมากระทืบเท้าใหญ่ของเขาทีหนึ่งจนเขาต้องร้องโอดโอย
“พี่ขาลนิสัยไม่ดี นี่ขนาดเพิ่งเจอกันวันแรกนะ แอบแต๊ะอั๋งหนูไปตั้งสองครั้ง ถ้าบ้านนี้ไม่มีพี่วาฬมีแต่พี่ขาลถึงข้างนอกจะมืดแค่ไหนหนูก็จะกลับเอง” สาวน้อยทำหน้าแดงแล้วว่าเขาไปไม่กี่ประโยคก่อนจะปิดประตูใส่หน้าสองหนุ่ม
“มึงนี่มันไม่นิ่มนวลเลยไอ้ขาล เจอน้องแค่ไม่นานมึงเล่นรุกแรงขนาดนี้ มึงก็รู้ว่ากูจริงจังกับน้อง อย่าทำแบบนี้กูไม่ชอบ” วาฬดุเพื่อนแล้วเดินนำหน้าเข้าไปในห้องของตัวเอง
“กูก็จริงจัง แต่ช้าแบบมึงไม่ทันกินไงไอ้วาฬ สมัยนี้มันต้อง 5G แล้วมึง ขืนต้วมเตี้ยมเป็นสัญญาณอนาลอกแบบมึงน้องโดนคาบไปแดกพอดี กูเจอน้องไปสามชั่วโมง ได้หอมแก้มสองครั้ง จับนมสองครั้ง แอบกอดตอนน้องกลัวผีอีก สุภาพบุรุษแบบมึงได้อะไรบ้าง?” ขาลถามเพื่อนแล้วทำหน้ายียวน
“ได้ใจ... กูได้ใจน้อง ถ้ากูได้ใจน้องสุดท้ายกูก็ต้องได้ตัวน้องด้วย แล้วมึงจะรู้ว่ากูกับมึงใครจะได้น้องก่อนกัน!”