“แล้วพี่ติณณ์เคยโกรธจนเป็นแบบนั้นบ้างหรือเปล่า” ฉันถามขึ้นทันที แน่นอนว่าฉันกลัวมากๆตอนเห็นที่พี่เรย์เพื่อนของคนข้างๆกำลังกระทืบผู้ชายที่จับก้นพี่แพรอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไม่เคยแต่ถ้ามีคนมาทำแบบนั้นกับเธอ ฉันก็คงไม่ต่างกับไอ้เรย์” คำพูดของพี่ติณณ์ทำหัวใจดวงน้อยๆของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะแต่ฉันก็ต้องกลบเกลื่อนมันเอาไว้เพราะเราทั้งสองไม่ได้รักไม่ได้ชอบกัน
“ทำแบบพี่เรย์เพราะอะไรหรอคะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้ง อยากรู้เหมือนกันสิ่งที่เขาพูดมันจะหมายความว่ายังไง
“ก็ถือว่าช่วยสัตว์โลกผู้น่าสงสาร” คำตอบของเขาทำฉันกำหมัดแน่นทันที
กล้ามากที่เปรียบฉันเป็นสัตว์โลกแบบนี้
“ทำไมหรือเธอคิดว่าที่ฉันจะทำแบบนั้นเพราะชอบเธอ” ให้ตายสิ ตอนแรกฉันก็แอบคิดแต่ตอนนี้ต้องโยนความคิดนี้ออกจากหัว
“หนูไม่ใช่สเปคพี่ติณณ์ หนูไม่กล้าคิดหรอกค่ะ” ฉันตอบกลับทันทีเพราะเขาย้ำนักย้ำหนาว่าฉันไม่ใช่สเปคของเขา
แต่ถ้าถามว่าเขาใช่สเปคของฉันหรือเปล่า ก็คงตอบว่า พี่ติณณ์เป็นผู้ชายในสเปคของสาวๆทุกคนนั่นแหละ ไม่มีใครไม่ชอบหรอกเพราะเขาหน้าตาดีและที่สำคัญแก๊งเพื่อนของเขาก็หน้าตาดีเช่นกัน
“ก็ดี”
“แล้วสเปคของพี่ติณณ์นี่แบบไหนหรอคะ” ฉันถามขึ้นด้วยความอย่างรู้เพราะไม่อยากให้บนรถเกิดความเงียบ
“สเปคของฉันหรอ อยากรู้ไปทำไม” พี่ติณณ์ถามกลับมาทันที
“ก็หนูอยากรู้ไงว่าแบบไหน” ที่ฉันถามก็เพราะฉันอยากรู้จริงๆ
“ฉันก็ชอบผู้หญิงเหมือนที่คนเขาชอบกัน” ฉันพยักหน้าตามกับคำพูดของเขาแต่เหมือนที่เขาชอบกันนี่แบบไหน
“แล้วแบบไหนล่ะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเพราะฉันยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเลย
“ก็แบบเธอ”
“ห่ะ” ฉันรีบหันหน้าไปมองเขาทันที
“ถ้าเธอแต่งตัวแบบนี้ก็สเปคเพราะฉันชอบผู้หญิงแซ่บๆ” ก็ไม่ผิดจากที่เดาไว้เท่าไหร่เพราะยังไงผู้ชายแบบพี่ติณณ์ก็ต้องชอบผู้หญิงสวยๆแซ่บๆอยู่แล้ว
“ก็ถึงว่าตอนอยู่ที่คลับ สายตาพี่ติณณ์มองมาทางหนูอย่างบ่อย” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งเพราะโต๊ะด้านหลังของฉันเป็นผู้หญิง ส่วนฉันที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังมองเธอคนนั้นว่าสวยเลย
“ฉันไม่ได้มองเธอ ใครมองเธอกัน” พี่ติณณ์รีบพูดทันที
“หนูหมายถึงพี่ผู้หญิงข้างหลังหนูไง ต้องตรงสเปคพี่ติณณ์แน่ๆเพราะหนูยังชอบเลย” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งแต่ทำไมท่าทางของเขาถึงดูเลิ่กลั่กแปลกๆ
“ก็คงงั้น” เขาตอบกลับมาอีกครั้งซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่รถจอดสนิทที่คอนโด
“พี่ติณณ์แล้วมหาลัยพี่ติณณ์เปิดรับสมัครตอนไหน" เพราะฉันตั้งใจจะเข้ามหาลัยที่เขาเรียนนี่แหละ อีกอย่างคอนโดเขาก็ใกล้มหาลัยและฉันยังต้องใช้ชีวิตกับเขาไปอีกสองปี
“คงเดือนหน้า ฉันก็ไม่แน่ใจ”
“หนูว่าจะเข้าที่นี่แหละ” เท่าที่ฉันศึกษามา มหาลัยที่พี่ติณณ์เรียนเป็นมหาลัยเอกชนชั้นนำของประเทศ
“แล้วเธอจะเข้าคณะอะไร" พี่ติณณ์ที่เดินนำหน้าฉันถามขึ้นอีกครั้ง
“คณะวิศวฯ” ฉันตอบกลับไปทันทีเพราะฉันตั้งใจไว้ว่าฉันจะเรียนวิศวฯ ส่วนหนึ่งก็เพราะความชอบ
“เพราะ” พี่ติณณ์ถามขึ้นอีกครั้ง
“เพราะหนูอยากเรียนแล้วพี่ติณณ์ล่ะเรียนคณะอะไร” ฉันถามกลับทันที ในเมื่อเขาถามฉันได้ ฉันก็ถามเขากลับได้เช่นกัน
“วิศวฯ”
“หนูไม่เคยเห็นพี่ติณณ์ใส่ช็อปเลยอะ เห็นใส่แต่สูทคิดว่าเรียนบริหาร” เพราะเท่าที่ฉันรู้มา พี่ติณณ์ทำงานเป็นผู้บริหาร
“เรียนเพราะอยากเรียนแต่ที่ทำงานเพราะต้องทำ” พี่ติณณ์พูดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งฉันเข้าใจเลยเพราะยังไงก็ต้องกลับมาสืบทอดกิจการของครอบครัว
“งั้นหนูไปอาบน้ำนอนดีกว่า” ฉันพูดขึ้นก่อนจะตรงเข้าห้องเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับเขาแล้วเหมือนกัน
แต่อย่างเดียวที่ติดอยู่ในหัวของฉันคือคำพูดของเขา ตอนที่เราอยู่บนรถ
“แล้วพี่ติณณ์เคยโกรธจนเป็นแบบนั้นบ้างหรือเปล่า”
“ไม่เคยแต่ถ้ามีคนมาทำแบบนั้นกับเธอ ฉันก็คงไม่ต่างกับไอ้เรย์”
ฉันพยายามเอามันออกจากหัวเพราะเขาบอกว่าทำแบบนี้เพราะช่วยสัตว์โลกที่น่ารักแต่ฉันกลับเอามันออกจากหัวไม่ได้ อีกทั้งฉันยังไปรู้สึกดีกับคำพูดนี้ของเขาอีกด้วย
ให้ตายสิ ฉันเป็นอะไรของฉัน
สุดท้ายฉันก็รีบเข้าไปอาบน้ำเผื่อว่าหยดน้ำที่ไหลลงบนตัวมันจะเอาความคิดเหล่านั้นไหลออกจากหัวของฉันได้บ้าง
“ไอ้บ้าเอ้ย ลืมไว้จนได้” ฉันพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้เผลอวางกระเป๋าไว้ด้านนอก
ฉันจึงไม่รอช้าที่จะออกมาเอาแต่ตอนนี้ฉันยังไม่ได้แต่งตัวและทั้งตัวของฉันมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว
ในหัวตอนนี้ก็ได้แต่คิดและภาวนาหวังว่าพี่ติณณ์จะเข้าห้องไปแล้ว
ฉันเปิดประตูทำท่าจะเดินออกไปแต่ฉันต้องชะงักเมื่อร่างกายของฉันชนเข้ากับแผงอกแน่นๆ
“เธอลืมกระเป๋า” พี่ติณณ์พูดขึ้นพร้อมชูกระเป๋าของฉันขึ้น
“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมทำท่าหยิบจะหยิบกระเป๋าจากมือของเขาแต่ทว่าคนตัวสูงอย่างเขากลับถือกระเป๋าให้สูงกว่าเดิม
“อย่าแกล้งสิ หนูโป๊อยู่นะ” ฉันพูดขึ้นทันทีพร้อมกับเขย่งตัวเพื่อกระโดดเอากระเป๋า
“อยากได้ก็หยิบให้ถึง” พี่ติณณ์พูดขึ้นพร้อมกับถือกระเป๋าให้สูงขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่าฉันที่ต้องการจะใช้โทรศัพท์ก็ได้แต่เขย่งตัวกระโดดเพื่อหวังจะคว้ากระเป๋าให้ถึง
พรึบ !
“กรี๊ด” ฉันร้องขึ้นทันที เมื่ออยู่ๆฉันที่กำลังจะกระโดดก็ต้องหยุดลงเพราะผ้าขนหนูของฉันมันหลุดออกจากกัน
“ไอ้บ้าหันไปสิ จะมองทำไม” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับรีบนั่งลงกับพื้นหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาห่อตัวก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องของตัวเองทันที
กระปงกระเป๋าฉันไม่เอามันแล้ว ต่อให้ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ก็คงไม่ตายแต่ที่ฉันจะตายเพราะฉันโป๊ต่อหน้าพี่ติณณ์และที่สำคัญสายตาของเขากลับจ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่วางตา
ไอ้บ้าเอ้ย รู้แบบนี้ฉันควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อยและในเมื่อมันเป็นแบบนี้ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปมองเขาอะ
ติณณ์
ผมยืนตัวแข็งทื่อราวกับไม่รับรู้อะไร ตอนแรกตั้งใจจะหยิบกระเป๋ามาให้เพราะผมที่กำลังเข้าห้องดันเห็นกระเป๋าของเธอวางไว้แต่เธอก็ออกมาจากห้องเช่นกันด้วยผ้าขนหนูพันรอบตัวเพียงผืนเดียว ให้เดาก็คงจะรีบออกมาหยิบกระเป๋าโดยไม่ได้แต่งตัวอะไร
แน่นอนว่าผมสะดุดตาตั้งแต่เธอกำลังเปิดประตูออกมาเพราะเนินหน้าอกที่มันโผล่พ้นผ้าขึ้นมาเชิญชวนสายตาของผมให้มอง
ตอนแรกผมก็ตั้งใจแกล้งให้เธอกระโดดเพื่อหยิบกระเป๋าเพราะอยากแทะโลมร่างกายของเธอด้วยสายตาแต่ใครจะไปรู้ว่าผ้าขนหนูเจ้ากรรมมันจะหลุดออกจากกันจนผมเห็นไปหมดทุกส่วนของร่างกาย
หน้าอกที่ใหญ่เกินตัวและเนินสามเหลี่ยมที่เห็นแบบแวบๆแวมๆเพราะเธอดันนั่งลงซะก่อนแต่มั่นใจเลยว่าทุกส่วนบนร่างกายของเธอมันขาวและดีไปหมด
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมยังยืนอยู่หน้าห้องของเธอแบบนี้ทั้งๆที่คนตัวเล็กปิดประตูหนีเข้าห้องไปแล้ว
ให้ตายสิ หุ่นของเธอมันที่สุด ตอนแรกผมมองเธอผ่านชุดที่เธอใส่ในวันนี้ก็รู้แล้วว่าดีแต่พอเห็นแบบไม่ใส่อะไรเลยมันไม่ใช่แค่ดีแต่มันโคตรจะดี
“ไอ้บ้าพี่ติณณ์ ออกไปจากหน้าห้องหนูได้แล้ว อย่ามายืนแบบนี้” คนตัวเล็กตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ นั่นทำให้ผมได้สติ
“ฉันวางกระเป๋าไว้หน้าห้อง ออกมาเอาได้เลย” ผมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะวางกระเป๋าของคนตัวเล็กลงกับพื้นแล้วเดินเข้าห้องทันที
พึ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้แก่นกายของตัวเองมันขยายใหญ่เต็มที่แล้ว ไม่รู้ว่าตอนไหนแต่ความปวดหนึบกำลังเริ่มคลืบคลานเข้ามาหา
“ให้ตาย กูเป็นบ้าอะไรวะ” ผมสบถกับตัวเองก่อนจะตรงเข้าห้องน้ำและจัดการกับความใหญ่โตของมัน
แต่ไม่ว่าผมจะขยับแก่นกายของตัวเองกี่ครั้งกี่ที ภาพของคนตัวเล็กก็ยังคงติดอยู่ในหัวของผมตลอดเวลา
“อ่าาส์...ซี๊ดดดด”
“แม่ง…โคตรขาว”
“อ่าาส์...ซี๊ดดดด”
เช้าวันต่อมา
ผมเดินออกจากห้องเพื่อที่จะไปทำงานแต่ทว่ากลับสะดุดตากับกระเป๋าของคนตัวเล็กที่ยังตั้งอยู่หน้าประตูห้องที่เดิมที่ที่ผมวางไว้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมจึงไม่รอช้าที่จะเคาะประตูแต่กลับไม่มีเสียงของคนตัวเล็กมา ผมจึงถือวิสาสะใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปเพราะความเป็นห่วง กลัวว่าจะมีเด็กมาเป็นอะไรในห้อง
แต่กลับกลายเป็นว่าเธอกำลังนอนหลับสนิทบนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ผ้าห่มห่มไว้เพียงแค่ครึ่งตัว
“ตอนหลับก็น่ารักเหมือนกัน” ผมพูดขึ้นพร้อมกับสำรวจคนที่นอนหลับบนเตียงแต่สายตากลับไปโฟกัสที่เนินหน้าอกที่มันล้นออกมานอกเสื้อ
ให้ตายเถอะ ทำไมยัยเด็กนี่ถึงไม่ระวังเลยนะ
กะจะให้มันออกมาทักทายผมทุกวันเลยหรือไง
ปัก...ปึก
ผมที่ไม่ทันระวังก็ชนเข้ากับโต๊ะหัวเตียงของเธอ ทำให้ตอนนี้แมวน้อยที่กำลังหลับอยู่ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว
“กรี๊ด...พี่ติณณ์เข้ามาห้องหนูได้ยังไง” เธอร้องลั่นราวกับผมเข้ามาทำมิดีมิร้าย หนำซ้ำยังปาหมอนใส่ผม
“เธอจะตะโกนทำไม ฉันเรียกเธอไม่ตื่นเลยเปิดเข้ามาดูคิดว่าเป็นอะไรไปแล้ว” จริงๆก็ไม่ได้เรียกหรอแต่ตอนนี้ขออ้างไว้ก่อนเพราะดูท่าทางเหมือนเธอจะไม่อยากเจอผม ส่วนผ้าห่มตอนนี้มันก็ถูกดึงขึ้นมาปิดไว้ยันคอ
“ถ้าเรียกหนูต้องได้ยิน พี่ติณณ์เรียกแล้วจริงหรอ” คนตัวเล็กถามขึ้นอีกครั้ง
“ก็เรียกแล้วสิ เห็นไม่ตอบเลยเข้ามา ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันไปทำงานล่ะ” ผมพูดขึ้นพร้อมทำท่าจะเดินออกไป
“พี่ติณณ์ไม่ได้ทำอะไรหนูแน่นะ”
“ทำไมถามฉันแบบนี้”
“ก็เป้ากางเกงพี่มันตุงอะ”
❤️
อิติณณ์ !