BAD WEDDING - วิวาห์พารัก | 9

1982 คำ
“แล้วพี่ติณณ์เคยโกรธจนเป็นแบบนั้นบ้างหรือเปล่า” ฉันถามขึ้นทันที แน่นอนว่าฉันกลัวมากๆตอนเห็นที่พี่เรย์เพื่อนของคนข้างๆกำลังกระทืบผู้ชายที่จับก้นพี่แพรอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไม่เคยแต่ถ้ามีคนมาทำแบบนั้นกับเธอ ฉันก็คงไม่ต่างกับไอ้เรย์” คำพูดของพี่ติณณ์ทำหัวใจดวงน้อยๆของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะแต่ฉันก็ต้องกลบเกลื่อนมันเอาไว้เพราะเราทั้งสองไม่ได้รักไม่ได้ชอบกัน “ทำแบบพี่เรย์เพราะอะไรหรอคะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้ง อยากรู้เหมือนกันสิ่งที่เขาพูดมันจะหมายความว่ายังไง “ก็ถือว่าช่วยสัตว์โลกผู้น่าสงสาร” คำตอบของเขาทำฉันกำหมัดแน่นทันที กล้ามากที่เปรียบฉันเป็นสัตว์โลกแบบนี้ “ทำไมหรือเธอคิดว่าที่ฉันจะทำแบบนั้นเพราะชอบเธอ” ให้ตายสิ ตอนแรกฉันก็แอบคิดแต่ตอนนี้ต้องโยนความคิดนี้ออกจากหัว “หนูไม่ใช่สเปคพี่ติณณ์ หนูไม่กล้าคิดหรอกค่ะ” ฉันตอบกลับทันทีเพราะเขาย้ำนักย้ำหนาว่าฉันไม่ใช่สเปคของเขา แต่ถ้าถามว่าเขาใช่สเปคของฉันหรือเปล่า ก็คงตอบว่า พี่ติณณ์เป็นผู้ชายในสเปคของสาวๆทุกคนนั่นแหละ ไม่มีใครไม่ชอบหรอกเพราะเขาหน้าตาดีและที่สำคัญแก๊งเพื่อนของเขาก็หน้าตาดีเช่นกัน “ก็ดี” “แล้วสเปคของพี่ติณณ์นี่แบบไหนหรอคะ” ฉันถามขึ้นด้วยความอย่างรู้เพราะไม่อยากให้บนรถเกิดความเงียบ “สเปคของฉันหรอ อยากรู้ไปทำไม” พี่ติณณ์ถามกลับมาทันที “ก็หนูอยากรู้ไงว่าแบบไหน” ที่ฉันถามก็เพราะฉันอยากรู้จริงๆ “ฉันก็ชอบผู้หญิงเหมือนที่คนเขาชอบกัน” ฉันพยักหน้าตามกับคำพูดของเขาแต่เหมือนที่เขาชอบกันนี่แบบไหน “แล้วแบบไหนล่ะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเพราะฉันยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเลย “ก็แบบเธอ” “ห่ะ” ฉันรีบหันหน้าไปมองเขาทันที “ถ้าเธอแต่งตัวแบบนี้ก็สเปคเพราะฉันชอบผู้หญิงแซ่บๆ” ก็ไม่ผิดจากที่เดาไว้เท่าไหร่เพราะยังไงผู้ชายแบบพี่ติณณ์ก็ต้องชอบผู้หญิงสวยๆแซ่บๆอยู่แล้ว “ก็ถึงว่าตอนอยู่ที่คลับ สายตาพี่ติณณ์มองมาทางหนูอย่างบ่อย” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งเพราะโต๊ะด้านหลังของฉันเป็นผู้หญิง ส่วนฉันที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังมองเธอคนนั้นว่าสวยเลย “ฉันไม่ได้มองเธอ ใครมองเธอกัน” พี่ติณณ์รีบพูดทันที “หนูหมายถึงพี่ผู้หญิงข้างหลังหนูไง ต้องตรงสเปคพี่ติณณ์แน่ๆเพราะหนูยังชอบเลย” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งแต่ทำไมท่าทางของเขาถึงดูเลิ่กลั่กแปลกๆ “ก็คงงั้น” เขาตอบกลับมาอีกครั้งซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่รถจอดสนิทที่คอนโด “พี่ติณณ์แล้วมหาลัยพี่ติณณ์เปิดรับสมัครตอนไหน" เพราะฉันตั้งใจจะเข้ามหาลัยที่เขาเรียนนี่แหละ อีกอย่างคอนโดเขาก็ใกล้มหาลัยและฉันยังต้องใช้ชีวิตกับเขาไปอีกสองปี “คงเดือนหน้า ฉันก็ไม่แน่ใจ” “หนูว่าจะเข้าที่นี่แหละ” เท่าที่ฉันศึกษามา มหาลัยที่พี่ติณณ์เรียนเป็นมหาลัยเอกชนชั้นนำของประเทศ “แล้วเธอจะเข้าคณะอะไร" พี่ติณณ์ที่เดินนำหน้าฉันถามขึ้นอีกครั้ง “คณะวิศวฯ” ฉันตอบกลับไปทันทีเพราะฉันตั้งใจไว้ว่าฉันจะเรียนวิศวฯ ส่วนหนึ่งก็เพราะความชอบ “เพราะ” พี่ติณณ์ถามขึ้นอีกครั้ง “เพราะหนูอยากเรียนแล้วพี่ติณณ์ล่ะเรียนคณะอะไร” ฉันถามกลับทันที ในเมื่อเขาถามฉันได้ ฉันก็ถามเขากลับได้เช่นกัน “วิศวฯ” “หนูไม่เคยเห็นพี่ติณณ์ใส่ช็อปเลยอะ เห็นใส่แต่สูทคิดว่าเรียนบริหาร” เพราะเท่าที่ฉันรู้มา พี่ติณณ์ทำงานเป็นผู้บริหาร “เรียนเพราะอยากเรียนแต่ที่ทำงานเพราะต้องทำ” พี่ติณณ์พูดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งฉันเข้าใจเลยเพราะยังไงก็ต้องกลับมาสืบทอดกิจการของครอบครัว “งั้นหนูไปอาบน้ำนอนดีกว่า” ฉันพูดขึ้นก่อนจะตรงเข้าห้องเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับเขาแล้วเหมือนกัน แต่อย่างเดียวที่ติดอยู่ในหัวของฉันคือคำพูดของเขา ตอนที่เราอยู่บนรถ “แล้วพี่ติณณ์เคยโกรธจนเป็นแบบนั้นบ้างหรือเปล่า” “ไม่เคยแต่ถ้ามีคนมาทำแบบนั้นกับเธอ ฉันก็คงไม่ต่างกับไอ้เรย์” ฉันพยายามเอามันออกจากหัวเพราะเขาบอกว่าทำแบบนี้เพราะช่วยสัตว์โลกที่น่ารักแต่ฉันกลับเอามันออกจากหัวไม่ได้ อีกทั้งฉันยังไปรู้สึกดีกับคำพูดนี้ของเขาอีกด้วย ให้ตายสิ ฉันเป็นอะไรของฉัน สุดท้ายฉันก็รีบเข้าไปอาบน้ำเผื่อว่าหยดน้ำที่ไหลลงบนตัวมันจะเอาความคิดเหล่านั้นไหลออกจากหัวของฉันได้บ้าง “ไอ้บ้าเอ้ย ลืมไว้จนได้” ฉันพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้เผลอวางกระเป๋าไว้ด้านนอก ฉันจึงไม่รอช้าที่จะออกมาเอาแต่ตอนนี้ฉันยังไม่ได้แต่งตัวและทั้งตัวของฉันมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว ในหัวตอนนี้ก็ได้แต่คิดและภาวนาหวังว่าพี่ติณณ์จะเข้าห้องไปแล้ว ฉันเปิดประตูทำท่าจะเดินออกไปแต่ฉันต้องชะงักเมื่อร่างกายของฉันชนเข้ากับแผงอกแน่นๆ “เธอลืมกระเป๋า” พี่ติณณ์พูดขึ้นพร้อมชูกระเป๋าของฉันขึ้น “ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมทำท่าหยิบจะหยิบกระเป๋าจากมือของเขาแต่ทว่าคนตัวสูงอย่างเขากลับถือกระเป๋าให้สูงกว่าเดิม “อย่าแกล้งสิ หนูโป๊อยู่นะ” ฉันพูดขึ้นทันทีพร้อมกับเขย่งตัวเพื่อกระโดดเอากระเป๋า “อยากได้ก็หยิบให้ถึง” พี่ติณณ์พูดขึ้นพร้อมกับถือกระเป๋าให้สูงขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่าฉันที่ต้องการจะใช้โทรศัพท์ก็ได้แต่เขย่งตัวกระโดดเพื่อหวังจะคว้ากระเป๋าให้ถึง พรึบ ! “กรี๊ด” ฉันร้องขึ้นทันที เมื่ออยู่ๆฉันที่กำลังจะกระโดดก็ต้องหยุดลงเพราะผ้าขนหนูของฉันมันหลุดออกจากกัน “ไอ้บ้าหันไปสิ จะมองทำไม” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับรีบนั่งลงกับพื้นหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาห่อตัวก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องของตัวเองทันที กระปงกระเป๋าฉันไม่เอามันแล้ว ต่อให้ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ก็คงไม่ตายแต่ที่ฉันจะตายเพราะฉันโป๊ต่อหน้าพี่ติณณ์และที่สำคัญสายตาของเขากลับจ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่วางตา ไอ้บ้าเอ้ย รู้แบบนี้ฉันควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อยและในเมื่อมันเป็นแบบนี้ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปมองเขาอะ ติณณ์ ผมยืนตัวแข็งทื่อราวกับไม่รับรู้อะไร ตอนแรกตั้งใจจะหยิบกระเป๋ามาให้เพราะผมที่กำลังเข้าห้องดันเห็นกระเป๋าของเธอวางไว้แต่เธอก็ออกมาจากห้องเช่นกันด้วยผ้าขนหนูพันรอบตัวเพียงผืนเดียว ให้เดาก็คงจะรีบออกมาหยิบกระเป๋าโดยไม่ได้แต่งตัวอะไร แน่นอนว่าผมสะดุดตาตั้งแต่เธอกำลังเปิดประตูออกมาเพราะเนินหน้าอกที่มันโผล่พ้นผ้าขึ้นมาเชิญชวนสายตาของผมให้มอง ตอนแรกผมก็ตั้งใจแกล้งให้เธอกระโดดเพื่อหยิบกระเป๋าเพราะอยากแทะโลมร่างกายของเธอด้วยสายตาแต่ใครจะไปรู้ว่าผ้าขนหนูเจ้ากรรมมันจะหลุดออกจากกันจนผมเห็นไปหมดทุกส่วนของร่างกาย หน้าอกที่ใหญ่เกินตัวและเนินสามเหลี่ยมที่เห็นแบบแวบๆแวมๆเพราะเธอดันนั่งลงซะก่อนแต่มั่นใจเลยว่าทุกส่วนบนร่างกายของเธอมันขาวและดีไปหมด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมยังยืนอยู่หน้าห้องของเธอแบบนี้ทั้งๆที่คนตัวเล็กปิดประตูหนีเข้าห้องไปแล้ว ให้ตายสิ หุ่นของเธอมันที่สุด ตอนแรกผมมองเธอผ่านชุดที่เธอใส่ในวันนี้ก็รู้แล้วว่าดีแต่พอเห็นแบบไม่ใส่อะไรเลยมันไม่ใช่แค่ดีแต่มันโคตรจะดี “ไอ้บ้าพี่ติณณ์ ออกไปจากหน้าห้องหนูได้แล้ว อย่ามายืนแบบนี้” คนตัวเล็กตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ นั่นทำให้ผมได้สติ “ฉันวางกระเป๋าไว้หน้าห้อง ออกมาเอาได้เลย” ผมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะวางกระเป๋าของคนตัวเล็กลงกับพื้นแล้วเดินเข้าห้องทันที พึ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้แก่นกายของตัวเองมันขยายใหญ่เต็มที่แล้ว ไม่รู้ว่าตอนไหนแต่ความปวดหนึบกำลังเริ่มคลืบคลานเข้ามาหา “ให้ตาย กูเป็นบ้าอะไรวะ” ผมสบถกับตัวเองก่อนจะตรงเข้าห้องน้ำและจัดการกับความใหญ่โตของมัน แต่ไม่ว่าผมจะขยับแก่นกายของตัวเองกี่ครั้งกี่ที ภาพของคนตัวเล็กก็ยังคงติดอยู่ในหัวของผมตลอดเวลา “อ่าาส์...ซี๊ดดดด” “แม่ง…โคตรขาว” “อ่าาส์...ซี๊ดดดด” เช้าวันต่อมา ผมเดินออกจากห้องเพื่อที่จะไปทำงานแต่ทว่ากลับสะดุดตากับกระเป๋าของคนตัวเล็กที่ยังตั้งอยู่หน้าประตูห้องที่เดิมที่ที่ผมวางไว้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมจึงไม่รอช้าที่จะเคาะประตูแต่กลับไม่มีเสียงของคนตัวเล็กมา ผมจึงถือวิสาสะใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปเพราะความเป็นห่วง กลัวว่าจะมีเด็กมาเป็นอะไรในห้อง แต่กลับกลายเป็นว่าเธอกำลังนอนหลับสนิทบนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ผ้าห่มห่มไว้เพียงแค่ครึ่งตัว “ตอนหลับก็น่ารักเหมือนกัน” ผมพูดขึ้นพร้อมกับสำรวจคนที่นอนหลับบนเตียงแต่สายตากลับไปโฟกัสที่เนินหน้าอกที่มันล้นออกมานอกเสื้อ ให้ตายเถอะ ทำไมยัยเด็กนี่ถึงไม่ระวังเลยนะ กะจะให้มันออกมาทักทายผมทุกวันเลยหรือไง ปัก...ปึก ผมที่ไม่ทันระวังก็ชนเข้ากับโต๊ะหัวเตียงของเธอ ทำให้ตอนนี้แมวน้อยที่กำลังหลับอยู่ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว “กรี๊ด...พี่ติณณ์เข้ามาห้องหนูได้ยังไง” เธอร้องลั่นราวกับผมเข้ามาทำมิดีมิร้าย หนำซ้ำยังปาหมอนใส่ผม “เธอจะตะโกนทำไม ฉันเรียกเธอไม่ตื่นเลยเปิดเข้ามาดูคิดว่าเป็นอะไรไปแล้ว” จริงๆก็ไม่ได้เรียกหรอแต่ตอนนี้ขออ้างไว้ก่อนเพราะดูท่าทางเหมือนเธอจะไม่อยากเจอผม ส่วนผ้าห่มตอนนี้มันก็ถูกดึงขึ้นมาปิดไว้ยันคอ “ถ้าเรียกหนูต้องได้ยิน พี่ติณณ์เรียกแล้วจริงหรอ” คนตัวเล็กถามขึ้นอีกครั้ง “ก็เรียกแล้วสิ เห็นไม่ตอบเลยเข้ามา ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันไปทำงานล่ะ” ผมพูดขึ้นพร้อมทำท่าจะเดินออกไป “พี่ติณณ์ไม่ได้ทำอะไรหนูแน่นะ” “ทำไมถามฉันแบบนี้” “ก็เป้ากางเกงพี่มันตุงอะ” ❤️ อิติณณ์ !
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม