เมื่อถึงจวนถึงเวลาชานนท์ก็อาสาเป็นสารถีขับรถหรูพาสองสาวสวยกับหนึ่งหนูน้อยมารับประทานอาหารมื้อเย็นโดยสั่งอาหารชุดใหญ่ ไม่ลืมต้มยำกุ้งถ้วยพิเศษของหนูน้อยที่มีน้ำใสวาววับเพราะณิชาภัทรเกริ่นไว้ว่าไม่อยากให้น้องเกวกินเผ็ด
“คุณแม่ อร่อยจังเลยค่า”
ปากเล็กจิ้มลิ้มทำยื่นออกมาเล็กน้อยชนกับทิชชูที่มารดาแตะลงเช็ดริมฝีปากให้ ฉีกยิ้มกว้างตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เลอะไปหมด
“อร่อยก็ทานเยอะๆ นะคะ แล้วอย่าให้เลอะเสื้อผ้า ตัวน้องเกวจะมีกลิ่นค่ะ”
“ค่ะคุณแม่” หนูน้อยรับปากเสียงสดใสจับส้อมที่มีเนื้อกุ้งติดตรงปลายขึ้นมารับประทานเอร็ดอร่อย ส่ายศีรษะไปมาส่งผลให้ผมถักเปียกระดิกดุ๊กดิกน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด
“น่ารักน่าหยิกจังเลยเด็กอะไรไม่รู้”
ยิหวามันเขี้ยวจุ๊บแก้มหนูน้อยไปฟอดใหญ่ ขยันส่งต่อกุ้งที่พี่นนท์ตักให้ตนเองมาให้หนูน้อยรับประทานเห่อออกนอกหน้านอกตาไม่มีใครเกิน
“ยิหวา ฝากลูกหน่อยนะฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
ขอร้องทั้งที่สายตาหวาดหวั่นไม่ได้มองดวงหน้าเพื่อนเลยแม้แต่น้อย ณิชาภัทรไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายิหวาตอบรับหรือเปล่ารีบลุกจากเก้าอี้รวดเร็วสาวเท้ายาวเดินตามแผ่นหลังกำยำไปเงียบเชียบเฝ้าภาวนาในใจว่าขอให้ไม่ใช่เขา
ภายในร้านอาหารเต็มไปด้วยลูกค้าหนาตาเป็นปราการชั้นดีที่ใช้ซ่อนตัวไม่ให้ใครคนนั้นผิดสังเกต กายบอบบางขยับหลบหลังเสาต้นใหญ่เบี่ยงกายเล็กน้อยแค่เพียงพอมองเห็นความจริง
เบื้องหน้าเป็นภาพของสามีตนเองกำลังอุ้มเด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูส่งให้ ‘ณัฐชา’ อดีตคนรักของเขา
วูบหนึ่งณิชาภัทรหน้ามืดเกือบหมดสติลงตรงนี้แต่โชคดีที่มือจับเสาไว้ได้ทัน สูดลมหายใจลึกเก็บกักน้ำตาไว้พยายามไม่คิดมาก บอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเด็กนั่นอาจไม่ใช่อย่างที่คิด
นี่หล่อนตัดสินใจถูกหรือผิดกันที่เลือกกลับมาเมืองไทยแล้วต้องมาเจออะไรเจ็บปวดหัวใจแบบนี้ ณิชาภัทรยกมือปิดหน้าซ่อนน้ำตาไม่อยากมองเห็นภาพความสนิทสนมตรงหน้า เลือกจะหันหลังให้แล้วเดินจากไปเงียบๆ
ณิชาภัทรร้องไห้จนพอใจ กลับมายังโต๊ะของตนเองที่อยู่คนละโซนของร้านก็พบว่าทุกคนกินข้าวอิ่มแล้ว
“ขอโทษที่มาช้านะ พอดีท้องเสียน่ะ”
“ไม่เป็นไร แกกินข้าวเถอะเดี๋ยวฉันกับพี่นนท์จะดูแลน้องเกวเอง” ยิหวายิ้มแย้มแล้วเล่นกับน้องเกว
ชานนท์เองก็เห่อเด็กน่ารักไม่แพ้กันเอ่ยชวน “พี่เห็นโซนทางนั้นมีของเล่นเด็กด้วย น้องเกวน่าจะชอบ”
เอียงใบหน้าไปทางโซนด้านหน้าร้านที่จัดเป็นสวนสนุกสำหรับหนูน้อยหลายวัยทว่าความคิดเขาก็ถูกขัด
“อย่าเลยค่ะพี่นนท์ เอ่อ... คือ เอ๋ยเองก็อิ่มแล้วเรากลับกันเลยดีกว่านะคะ” มือบางเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสะพายอย่างลนลานรีบเรียกเด็กเสิร์ฟมาเก็บเงินค่าอาหาร
ลนลานหนักจนชานนท์แทบแย่งจ่ายค่าอาหารไม่ทัน ยิหวาผิดสังเกตจึงยอมตามน้ำชวนคู่หมั้นกลับบ้าน
ทุกจังหวะการย่างก้าวจะมีเสียงส้นสูงของยิหวาดังเป็นจังหวะดังก้องในโสตประสาทของคนฟัง หูหล่อนได้ยินชัดเจนแต่สายตากลับเอียงขึ้นมองไปยังระเบียงร้านซึ่งเขาคนนั้นกำลังดินเนอร์อยู่กับผู้หญิงคนอื่น
มารดาหยุดเดินแล้วเอาแต่มองข้างบน หนูน้อยก็มองตามก่อนจะส่งเสียงดีใจ “คุณพ่อ! คุณแม่ขานั่นคุณพ่อนี่คะ”
“อุ๊ย!” ณิชาภัทรตกใจรีบหันหลังให้ระเบียงแล้วกระซิบบอก “ไม่ใช่จ้ะลูก ไม่ใช่คุณพ่อนะคะแค่คนหน้าเหมือนเท่านั้น ไม่ใช่คนนี้ คุณพ่อไม่ใช่คนนี้เชื่อคุณแม่นะคะ”
“แต่น้องเกวเห็นคุณพ่อจริงๆ นะคะ คุณพ่อกำลังอุ้มใครไม่รู้ ทำไมคุณพ่อไม่มาอุ้มน้องเกวคะ”
หนูน้อยบอกเล่า สองมือเล็กโอบรอบลำคอมารดาอย่างหวงแหนพยายามหันไปมองแต่ก็ถูกมารดาเบี่ยงกายหันไปทางอื่นทำให้หนูน้อยมองเห็นบิดาแค่แวบเดียวเท่านั้น
“คุณพ่อกอดใครคะคุณแม่”
“ไม่ใช่ค่ะ คนนั้นไม่ใช่คุณพ่อนะคะ”
“แต่น้องเกวเห็น”
“…”
“เอ๋ย! มีอะไรหรือเปล่า”
เสียงตะโกนเรียกชื่อเล่นณิชาภัทรจากยิหวาค่อนข้างเสียงดังแล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดว่าชายที่ตนเองกำลังยืนหันหลังให้นั้นหันใบหน้ามองมาทางนี้และในทันทีณิชาภัทรก็หันหน้ากลับไปมองเขาทำให้ได้สบตากัน
“ไม่มีอะไรยิหวา ฉันกับลูกจะตามไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ณิชาภัทรกระชับอ้อมแขนกอดน้องเกวหลวมๆ เสื้อตรงหัวไหล่เปียกชุ่มไปหมดเพราะน้ำตาหนูน้อยไหลไม่ยอมหยุด
“เอ๋ย...”
กระซิบชื่อภรรยาทั้งที่สายตาทั้งสองคู่ยังสบประสาน ราวกับอยู่ในความฝันเขารีบส่งลูกคืนอดีตคนรักแล้ววิ่งตึงตังในร้านอาหารลงบันไดสู่ชั้นหนึ่งตรงดิ่งไปยังลานจอดรถ
“เอ๋ย!! เอ๋ยอยู่ไหน!”
มือเขาสั่นระริกไปหมดไม่คาดฝันว่าจะได้เจอภรรยาในวันนี้เพราะจำฝังใจว่าหล่อนจะกลับมาถึงเมืองไทยในอีกสามวันข้างหน้า
เสียงออกตัวรถดังขึ้นพร้อมแล่นผ่านหน้าไปด้วยความเร็ว กระจกถูกติดฟิล์มดำทึบทำให้เขาไม่อาจเห็นคนข้างในแต่ความรู้สึกบอกให้รีบตามไป เมียกับลูกเขาอาจอยู่ในนั้น!
“นัทตี้! พี่อยู่รอนายภูมิเป็นเพื่อนไม่ได้นะ พี่ติดธุระต้องรีบไปเดี๋ยวนี้” โทรศัพท์ไปหาณัฐชาขณะเดินแกมวิ่งไปยังรถยนต์ของตนเอง ถ้าจำไม่ผิดผู้หญิงที่เรียกชื่อเอ๋ยถือยิหวางั้นก็แสดงว่าปลายทางที่ไปหากไม่ใช่บ้านของชานนท์ก็อาจจะเป็นโรงแรมสักแห่งหากเอ๋ยได้จองเอาไว้
ให้ตาย ขอให้เป็นบ้านชานนท์เถอะ ถ้าเป็นโรงแรมคงตามรถคันนั้นไปไม่ทันแน่
‘มีเรื่องอะไรไหมคะพี่ธัน นัทตี้ตกใจแทบแย่ที่จู่ๆ พี่ธันก็วิ่งออกไปแบบนั้น’ ณัฐชากอดยัยหนูลูกรักให้นั่งนิ่งบนหน้าตัก
“ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง แค่นี้ก่อนนะนัทตี้ไว้พี่จะส่งของขวัญวันเกิดมาให้วันหลัง” กดตัดสายทิ้งรีบวิ่งเร็วไปกระชากประตูรถยนต์เปิดออกสอดกายใหญ่โตเข้าไปข้างในก่อนใส่เกียร์ถอยพารถออกจากช่องจอด ทะยานออกสู่ถนนใหญ่ตรงดิ่งไปยังบ้านสุดหรูของนักธุรกิจหนุ่มนามชานนท์ บริรักษ์