หลังถูกชมว่าสวยจากปากประธานเจีย ใบหน้าขาวก็เห่อร้อนจนแดงฉานลามไปถึงปลายจมูก ดวงตากลมโตยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูเมื่อหลุกหลิกไปมา
แต่ทว่า..
“ถ้าพี่จิรู้ต้องโดนเขกกะโหลกแน่ๆ ภาพตะวัน”
เสียงครางฮือเบาๆ ดังขึ้นจากณิชาที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าพาผู้ชายเข้าห้อง ถึงจะเคยเจอกันมาก่อนและรู้สึกดีมากแค่ไหนก็ตาม แต่หากจิรัชรู้เรื่องนี้ขึ้นมามีหวังได้หัวหลุดออกจากบ่าแน่นอน
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ”
“ปะ.. เปล่าค่ะ”
เธอหลุบตาแล้วเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงด้วยความเคอะเขิน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นรับรูปถ่ายจากมือเขามาถือไว้
“เรามาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกอีกครั้งมั้ย” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเสนอความเห็นพร้อมโปรยยิ้มหวาน
“คะ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกเหรอคะ” เธอเงยหน้าสบตาคู่สนทนาด้วยข้างแก้มที่ร้อนฉ่า รู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในภวังค์ความงดงามบนเครื่องหน้าของประธานเจียทุกครั้งที่เผลอมอง
“เธอคิดว่าการที่เรากลับมาเจอกันอีกครั้งเป็นเรื่องบังเอิญเหรอ”
“ไม่รู้สิคะ อาจจะเป็น.. โชคชะตา”
สิ้นเสียงแผ่วเบาราวกับปุยนุ่น ประธานเจียก็หลุดยิ้มออกมากับแววตาใสซื่อของอีกฝ่าย ก่อนจะหยิบมือถือจากกระเป๋าตัวเองชูขึ้นแกว่งไปมาตรงหน้า
“เพราะงั้นเราก็ควรถ่ายรูปเพื่อบันทึกความทรงจำไว้ไม่ใช่เหรอ.. เอามือถือใครดีล่ะ” เขาทำหน้าครุ่นคิด “เอามือถือฉันดีกว่า แล้วเดี๋ยวฉันเพิ่มไลน์เธอไป”
“เอ่อ”
“โอเคมั้ย”
“โอ.. โอเคค่ะ” ภาพตะวันรับคำ พลางถูฝ่ามือเข้าหากันเล็กน้อย
ประธานเจียคลี่รอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายโอบไหล่ภาพตะวันให้ขยับเข้ามาใกล้เพื่อเข้าเฟรมถ่ายรูป ทำเอาเธอยืนตัวแข็งทื่อทำหน้าเหวอขณะที่เขายกมือถือขึ้นมากดถ่ายพอดิบพอดี
“เพิ่มไลน์ของเธอสิ” พูดจบเขาก็ยื่นมือถือส่วนตัวให้ภาพตะวัน
“แต่ว่าหน้าฉันมัน..”
“รับไปสิ”
ภาพตะวันที่ยังอยู่ในภวังค์ติดเหม่อกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ถูกชายหนุ่มยัดโทรศัพท์เจ้าตัวใส่มือแบบยัดเยียดตัวเขาให้เธอทันที
หญิงสาวค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะจัดการเพิ่มไอดีไลน์ส่วนตัวแล้วส่งคืนเขา
หลังจากนั้นไม่ถึงนาทีก็มีเสียงแจ้งเตือนเด้งเข้ามือถือของภาพตะวัน เป็นข้อความรูปภาพที่ถ่ายเมื่อครู่จากเขาส่งมา
“ประธานเจียหล่อมากเลยค่ะ..” เธอหลุดปากเอ่ยชมหลังจากดูรูปในมือถือ ก่อนจะยิ้มแห้งทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งจะชมเจ้าตัวซึ่งๆ หน้าแบบนี้
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ” ประธานเจียก้มหัวเล็กน้อย เชิงยอมรับอย่างไม่ปฏิเสธกับประโยคเมื่อครู่
ภาพตะวันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงดูเคยชิน คงเพราะได้ยินมาหนาหูแน่ๆ ขนาดเธอเองยังอดชมไม่ได้เลย
“เธอทานข้าวหรือยัง” เสียงนุ่มทุ้มถามขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นกุมท้อง
“อ่า คือ.. ยังค่ะ ยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ภาพตะวันตอบก่อนถามกลับ “แล้วประธานเจียล่ะคะ ทานอะไรมาหรือยัง”
“ฝากท้องที่ห้องเธอได้มั้ย” ประธานเจียส่งสีหน้าออดอ้อนหวังให้เธอยอมใจอ่อนให้สักหน่อย
“อ่า ได้สิคะ เดี๋ยวนั่งรอฉันตรงนี้เลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ภาพตะวันถึงกับเสียงสั่นตอนเห็นประธานเจียใช้น้ำเสียงขอบคุณได้นุ่มนวล จนใจมันอ่อนระทวยกลายเป็นของเหลวไร้รูปทรงไปแล้วเรียบร้อย
แต่พอจะหันหลังกลับไปทำภาพของไข่ในตู้เย็นก็ผุดแทรกขึ้นมา จนเธอต้องระบายยิ้มเจื่อนกับประธานเจียว่ามื้อนี้คงมีแค่ข้าวไข่เจียวที่ช่วยชีวิตได้
“แต่ว่าเอาเป็น.. ข้าวไข่เจียวได้มั้ยคะ ในตู้เย็นมีแต่ไข่ค่ะ” เธอเอ่ยบอกด้วยสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย
“ได้สิ เธอทำอะไรฉันก็กินได้หมดนั่นแหละ” สิ้นเสียงตอบรับจากประธานเจีย ภาพตะวันก็พยักหน้ารับรัวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะอาสาเป็นแม่ครัวมือฉมังจัดการทำข้าวไข่เจียวร้อนๆ มาเสิร์ฟ
ตอนแรกภาพตะวันก็วิตกกังวลไปมากมาย ว่าประธานเจียจะรู้สึกแย่กับรสชาติการทำกับข้าวของเธอหรือเปล่า
แต่พอได้เห็นเขานั่งก้มหน้าก้มตาทานเงียบๆ ไม่ปริปากพูดอะไร เธอก็พลอยหายใจโล่งไปหนึ่งเปราะ แบบที่ไม่เคยรู้สึกดีเวลานั่งมองคนอื่นทานข้าวแบบนี้มาก่อน
“เก่งแบบนี้อยากซื้อตัวไปทำกับข้าวที่บ้านเลย” ประธานเจียเปรยสายตาขึ้นมองเธอแล้วยกยิ้มอย่างไม่รู้จักเมื่อยแก้ม
“แค่กๆ” คนที่ยกขวดน้ำขึ้นมาดื่มถึงกับสำลักในลำคอ พลางหลบตามองไปทางอื่น แต่สุดท้ายก็หันกลับมาที่คนตรงหน้าอยู่ดี เพราะเจ้าตัวไม่มีทีท่าว่าจะละสายตาจากเธอเลย
ประธานเจียจ้องมองเธอราวกับจะกลืนกิน วินาทีที่หยาดน้ำไหลผ่านมุมปากแล้วภาพตะวันยกมือขึ้นเช็ดเบาๆ เขาก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ประธาน..” ภาพตะวันที่เผยอริมฝีปากจะร้องห้ามเขา แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อประธานเจียคว้าขวดน้ำขวดเดียวกันกับที่เธอเพิ่งดื่มเสร็จไปกระดกดื่มรวดเดียวเกือบหมด
เหมือนถูกจูบทางอ้อมเลย..
ดื่มเสร็จเขาก็วางลงบนโต๊ะ ใช้หลังมือเช็ดมุมปากแล้วสังเกตมองปฏิกิริยาของภาพตะวันตลอดเวลา
“เอ่อ” ภาพตะวันยิ้มกลบเกลื่อนความเขินอายที่ทำให้หน้าร้อนผ่าวไม่หยุด
ประธานเจียกระตุกยิ้มมุมปากชอบใจ ทำท่าลุกไปเก็บจานแต่ก็ถูกเจ้าของห้องเอ่ยตัดหน้าได้ทัน
"ฉันทำเองค่ะ"
“ฉันทำได้ภาพตะวัน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันทำเองดีกว่า”
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่เลยค่ะ แค่ประธานเจียอิ่มท้องฉันก็พอใจแล้ว”
เจ้าของดวงตาคู่สวยเปล่งประกายรอยยิ้ม ก่อนจะยิ้มกว้างจนดวงตาหยีลงเป็นสระอิ พลอยทำให้ชายหนุ่มยิ้มตามไปด้วย
“วันนี้ฉันคงต้องกลับแล้ว.. อยู่ด้วยกันสองต่อสองคงดูไม่ดีเท่าไหร่” เขาพูดขึ้นหลังดูนาฬิกาบนข้อมือ
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันลงไปส่งนะคะ” เธอเอ่ยบอกแล้วทำท่าจะเดินไปส่ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งแขนเอาไว้
“ไม่เป็นไรดีกว่า แค่นี้ก็รบกวนเธอมากพอแล้ว”
ภาพตะวันลุกจากที่นั่งเดินเข้าไปแย่งจานในมือประธานเจีย พลันรอยยิ้มบางเบาที่ทำให้ใจสาวเต้นแรงก็ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
“เถอะค่ะ ฉันคิดเอาไว้ว่าถ้าได้เจอคุณอีก จะใจดีกับคุณเหมือนที่คุณใจดีกับฉัน” หญิงสาวโบกมือปฏิเสธคนที่มีสีหน้าติดเกรงใจว่าไม่เป็นไร เธอเต็มใจที่จะทำให้เขา แม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้ร้องขอก็ตาม
“ถ้าใจดีขนาดนั้นทำไม.. ไม่ให้ฉันอยู่ต่ออีกสักหน่อยล่ะ”
คราวนี้เป็นประธานเจียแทนที่พึมพำ อยากให้เธอได้ยินแต่ก็ดันเป็นจังหวะที่ภาพตะวันเผลอซะยังงั้น
“คะ เมื่อกี้ประธานเจียพูดว่ายังไงนะคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก เอาไว้เจอกันวันสัมภาษณ์ ฉันจะลงมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเองเลย”
ดวงตากลมโตฉายแววดีใจแต่ไม่อยากแสดงออกเกินหน้าเกินตา ได้แค่ค้อมศีรษะสี่สิบห้าองศาขอบคุณคนตรงหน้าแทน
“คราวหน้าฉันขอเลี้ยงข้าวคืนได้มั้ยคะ”
“ว่ายังไงนะ”
“ชดเชยที่คุณเองก็เลี้ยงข้าวฉันเหมือนกัน เอาเป็นว่าให้ฉันเลี้ยงข้าวคืนนะคะ แต่ถ้า..”
“โทรมาก็แล้วกัน ฉันจะรอสายจากเธอ” เขารีบตกปากรับคำเพราะรู้ดีว่าคนขี้เกรงใจกำลังลำบากใจแค่ไหน
แต่เหมือนว่าคำพูดของเขาจะทำให้เธอตื่นตระหนกมากกว่าเดิมเสียอีก เมื่อภาพตะวันไม่คิดว่าภาพลักษณ์ประธานเคร่งขรึมจะทำเสียงอ้อยอิ่งได้น่าอ่อนระทวยขนาดนี้
“เอ่อ โทร.. โทรเลยเหรอคะ”
“ทำไมล่ะ ไม่อยากโทรเหรอ หือ”
“ฉันกลัวจะรบกวนคุณน่ะค่ะ เอาเป็นว่าส่งข้อความไปแทนก็แล้วกันนะคะ ถ้าคุณว่างเมื่อไหร่ค่อยตอบก็ได้ค่ะ”
ประธานเจียส่ายหน้าปฏิเสธข้อเสนอของเธอ เพราะเหมือนเจ้าตัวจะอยากได้ยินเสียงของหญิงสาวมากกว่าตัวอักษรบนหน้าจอ
“ต่อให้ยุ่งอยู่ฉันก็ว่างรับสายเธอ”
“ประธาน.. เจีย”
“แต่ก็ตามใจเธอละกันจะโทรหรือพิมพ์มาก็ตามใจเธอเลย แค่อย่าเมินฉันก็พอ”