สองสามวันมานี้ภาพตะวันรู้สึกเหมือนจะเอาตัวเองเข้าไปพัวพัน กับผู้ชายที่ชื่อว่าเจียรวิทย์มากเกินไป
มากถึงขนาดนี้เขาสามารถมาทานมาม่าที่ห้อง แทนที่จะไปทานโอมากาเสะมื้อแพงตามร้านดัง หรือมีสาวสวยให้เดินควงตามงานของเหล่าผู้รากมากดี
ทั้งที่สองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่กลับโทรหากันก่อนเข้านอน อีกทั้งยังมีข้อความจากประธานเจียถ่ายรูปอาหารเช้ามาให้ดูอีกต่างหาก
ฟีลแฟนเขาทำกันไม่ใช่เหรอ..
“ประธานเจียนี่นอกจากจะมีดีกรีเป็นถึงลูกชายคนใหญ่คนโต ยังขับรถเก่งอีกต่างหากแก” น้ำอิงเล่าอย่างออกรสชาติ พลางส่งมือถือที่บันทึกภาพของประธานเจีย ในมาดนักแข่งรถมาให้ภาพตะวันกับภูพิงดูประกอบอีกด้วย
“งานอดิเรกลูกคนรวยเขาทำกัน” ภูพิงย่นปลายจมูกอย่างเห็นด้วย
“จริงเหรอ” ภาพตะวันเลิกคิ้วถาม
“ใช่ เพื่อนฉันทำงานเป็นแคดดี้ที่สนามกอล์ฟบอกว่าประธานเจียไปเล่นบ่อย คงจะคุยงานตามประสานตัวพ่อบริหารนั่นแหละ” น้ำอิงหันไปบอกภาพตะวัน ทั้งสามนั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระอยู่หลังห้องก่อนเริ่มคลาสเรียนเหมือนเคย
“อ่า เขาดูใช้ชีวิตสนุกดีเนอะ” ภาพตะวันว่าแล้วทำหน้าเศร้า
ในหัวคิดไปต่างๆ นานาว่าชีวิตเขาคงเจอคนดีดีที่เข้ามานับไม่ถ้วน แต่ทำไมถึงเข้าหาเธอทั้งที่ภาพตะวันเป็นเพียงแค่นักศึกษาธรรมดา
“เออ ฉันนี่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่ผ่านมามีแฟนเป็นดาราแล้วก็นางแบบส่วนใหญ่” น้ำอิงว่าต่อ พลางตบโต๊ะอย่างใส่อารมณ์ในบทสนทนา
“จริงเหรอน้ำอิง” ดวงตาคู่สวยเบิกโพลง ม่านตาวูบไหวไปมาเมื่อได้ยินว่าผู้หญิงของประธานเจีย ดีกรีระดับที่ภาพตะวันรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้เลยสักนิด
“ใช่น่ะสิ ฉันไปสืบมาหมดแล้ว” อีกคนว่าอย่างมั่นใจในข้อมูล
ไม่เพียงแค่คำพูดจากน้ำอิง เธอยังเปิดอินสตราแกรมของผู้หญิงที่ประธานเจียเคยควง ทั้งออกงานแล้วก็มีข่าวลือว่าซุ่มคบกันให้ภาพตะวันได้ดู
ภาพตะวันรับโทรศัพท์อีกฝ่ายมาถือเอาไว้ มือก็ไล่เลื่อนดูรูปภาพด้วยใจที่ห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก
ถึงหน้าอกหน้าใจของเจ้าตัวเองจะไม่ได้น้อยหน้าใคร แต่การมีหน้ามีตาในสังคมเหมือนอย่างผู้หญิงของเขา เธอนั้นไม่มีเลยสักนิดเดียว
“โห ผู้หญิงของเขาแต่ละคน.. สวยอย่างกับนางฟ้า” ภาพตะวันเผลอกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย สายตาไล่มองภาพของหญิงสาวร่างอรชรที่สวมชุดสวยหรู สวมใส่เครื่องประดับและกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง
“ระดับนั้นน่ะเนอะ” ภูพิงที่พิงไหล่ภาพตะวันลอบถอนหายใจเบาๆ เธอรู้อยู่แล้วว่าคนระดับนั้นไม่ธรรมดา ไม่แปลกที่จะเลือกคบหาแต่คนมีหน้ามีตาในสังคม
“แล้วพวกแกว่าเขาจะเจ้าชู้มั้ย” ภาพตะวันถามออกไปอย่างระมัดระวัง
“ไม่เหลือ” ภูพิงรับคำแทบไม่ต้องคิด ก่อนจะผละตัวออกมานั่งโต๊ะตัวเองตามเดิม
“ฉันเห็นด้วยกับยัยภู เพราะจากที่ฉันสัมผัสมาประธานเจียเฟรนลี่กับทุกคน เข้ากับคนง่ายขนาดนั้น เป็นใครจะไม่ตกหลุมรักล่ะ” น้ำอิงว่าแล้วเก็บมือถือตัวเองกลับไป
“แล้วแกไปสัมผัสประธานเจียมาตอนไหนน้ำอิง”
“โธ่ ก็แค่บังเอิญเจอหน่ายัยภู แต่เขาทำดีกับฉันมากเลยนะ สุภาพบุรุษมากด้วย”
“ผู้ชายไว้ใจไม่ได้หรอก” ภูพิงย่นปลายจมูกใส่ “แล้วตั้งแต่วันนั้นประธานเจียติดต่อแกหรือเปล่าภาพตะวัน”
“หือ” ภาพตะวันที่หลุดเข้าไปในภวังค์ความคิดกะพริบตาสองสามทีเรียกสติ ก่อนจะหันมองภูพิงที่เลิกคิ้วใส่
“ฉันว่าวันนั้นเขาแสดงออกชัดเจนว่าสนใจแกมาก แล้วหลังจากนั้นทั้งสองคนได้ไป..” ไม่พูดเปล่าภูพิงยังทำท่าว่าทั้งสองคนมีลับลมคมในกันหรือเปล่าอีกต่างหาก
“ใช่ ประธานเจียขอที่อยู่แกกับฉัน” น้ำอิงเสริมทัพ ทำเอาภาพตะวันใจเต้นแรงทันที
“คุณพระแรงมาก จริงเหรอตะวัน” ภูพิงยกมือขึ้นป้องปากด้วยความตกใจ
ภาพตะวันพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปมองน้ำอิง “แล้วแกก็ให้เขาเหรออิง”
“แล้วใครจะไม่อยากให้เพื่อนได้แฟนหล่อรวยล่ะคะ เขาเหมาะกับแกน้าจะว่าไปเนี่ย”
“ไม่.. ไม่หรอก”
เจ้าของใบหน้าสวยสั่นหัวปฏิเสธ แววตาแสดงความประหม่าและวิตกกังวลขึ้นมา เมื่อได้รู้ว่าประวัติของประธานเจียเป็นยังไง
ถึงเขาจะทำดีกับเธอแค่ไหนก็ตาม แต่การที่ภาพตะวันหวั่นไหวให้กับเขา โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวมีผู้หญิงอื่นหรือเปล่า มันก็เริ่มรู้สึกแย่เหมือนกัน
จุดประสงค์ของเขาในการเข้าหาเธอคืออะไรกันแน่..
ตกเย็นเป็นเวลาห้าโมงกว่าที่ภาพตะวันเพิ่งจะจบคลาสลากยาวเกือบสามชั่วโมง เธอเดินลงจากบันไดด้วยสีหน้าเหม่อลอย เพราะคิดมากในหัวไม่หยุดเรื่องประธานเจีย
“ไปก่อนนะตะวัน น้ำอิง พี่ผามารับพอดีเลย” ภูพิงตบบ่าเพื่อนทั้งสอง หลังเห็นรถมอเตอร์ไซค์พี่ชายอย่างภูผาจอดรอที่หน้าตึกพอดี
“บายจ้ะ” น้ำอิงยกมือโบกลาเพื่อน พลางชูมือโบกทักทายพี่ชายเพื่อนเช่นกัน
ภูผาที่นั่งคร่อมบนรถโบกมือให้ทั้งสองสาวที่เดินคู่กัน ก่อนภาพตะวันจะค้อมศีรษะทักทายเขาแล้วเบนสายตามองน้ำอิงแทน
“เดี๋ยวฉันต้องไปทำงานต่อ กลับดีๆ นะตะวัน” น้ำอิงบอกขณะที่ก้มหน้าเล่นมือถืออยู่
“อื้ม บาย” ภาพตะวันยิ้มให้อีกฝ่ายที่พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม แต่กลับไม่ยอมเงยหน้าจากมือถือเสียด้วยซ้ำ
พอทั้งสองแยกย้ายกันตอนนี้ก็เลยเหลือแค่ภาพตะวันคนเดียว เธอลอบถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ ถ้าหากมีพี่ชายมารอรับอย่างภูพิงบ้างก็คงดี
ป่านนี้จิรัชคงโหมงานอย่างบ้าคลั่ง แล้วก็เรียนหนักเอาโล่อยู่ที่เมืองนอกนั่นแหละ
“ภาพตะวัน” เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ภาพตะวันเดินตามขอบฟุตปาธของมหาวิทยาลัย
เมื่อหันกลับไปมองเธอก็พบว่าเป็นรถหรูของประธานเจียที่ขับตามมา ไม่วายเปิดกระจกลงเต็มบานเพื่อทักทายกันอีกต่างหาก
“ประธานเจีย..” เธอเบิกตาโพลงรีบหันซ้ายหันขวา ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะมาเห็น
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ทำอย่างกับกลัวคนอื่นจะเห็นเราสองคน”
“ไม่ใช่ค่ะ”
เธอหยุดเดินพร้อมกับรถของเขาที่หยุดลง ก่อนประธานเจียจะลงจากรถแล้วเดินมาเปิดประตูให้ภาพตะวัน
“เอ่อ ไม่เห็นบอกก่อนเลยค่ะว่าจะมา” ภาพตะวันเสียงสั่นเล็กน้อย แต่อีกคนกลับโปรยรอยยิ้มไม่หยุด
“ไม่ชอบเซอร์ไพรส์เหรอ ฉันอุตส่าห์รีบเคลียร์งานเพื่อมาหาเธอเลยนะ” เขาว่าพลางระบายยิ้มบนมุมปากสวย ชวนให้ใจคนมองเต้นแรง
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยค่ะ ฉันเรียกรถมารับก็ได้ แถมนี้มีรถเมล์แล้วก็วินเยอะแยะเลยค่ะ”
“แล้วฉันจะปล่อยให้เธอกลับคนเดียวได้ยังไง มันอันตราย”
“เอ่อ.. ถ้างั้นรู้ได้ยังไงคะว่าฉันเลิกห้าโมง”
“กะเวลาเอาน่ะ ปกติเธอก็เลิกเวลานี้ไม่ใช่เหรอ เคยบอกฉันอยู่นี่”
“อ๋อ จริงด้วยค่ะ” ภาพตะวันยิ้มแก้เขิน พลางยกมือขึ้นจับแก้มที่ร้อนผ่าวเบาๆ
“ถ้างั้นให้ฉันไปส่งเธอที่ห้องนะ แต่ก่อนไปส่งช่วยไปทานข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้มั้ย หาเพื่อนทานข้าวอยู่ครับ”
“หาเพื่อนทานข้าวเหรอคะ”
“ที่จริงก็อยากหาแฟน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะอยากเป็นหรือเปล่า”
“คะ”
ภาพตะวันหน้าเหวอหลังถูกยิงด้วยรอยยิ้มจากประธานเจีย เขากระแอมขำกับท่าทีของเธอ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ขึ้นรถสิ ไปทานข้าวกันครับ”
“อะ.. เอ่อ ค่ะ”
เห็นมั้ย..
คำพูดคำจาของเขามักชอบทำให้ภาพตะวันคิดไกล ทั้งที่บางทีอาจจะไม่มีอะไรในนั้นเลยก็ได้
แต่พอเป็นประธานเจียที่เคยเป็นคุณลูกอมผู้ใจดีในวันนั้น มันก็ยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้รู้สึกได้เลย
เพราะถ้าเป็นแบบนั้นล่ะเธอแย่แน่ภาพตะวัน..