เจ้าของใบหน้าขาวราวกับไข่ปอกมีเลือดฝาดบนแก้มใสกะพริบตาสองสามที เผยอริมฝีปากเล็กน้อยคล้ายว่าไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ว่าตอนนี้เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่จะมานั่งอยู่ตรงหน้าเธอ
ล็อบบี้ของคอนโดถูกใช้เป็นสถานที่นัดเจอกันของทั้งคู่ ภาพตะวันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดคำถามทำลายกำแพงความเงียบ
“ประธานเจียรู้จักที่อยู่ฉันได้ยังไงคะ” ดวงตากลมโตมองคนตรงหน้าด้วยแววตาไร้เดียงสา
หญิงสาวอย่างภาพตะวันเติบโตมาท่ามกลางพี่ชายที่ปกป้องทุกทาง ถูกโอบกอดจากความรักของคนรอบข้างมาตลอด ทำให้ภาพตะวันบกพร่องเรื่องการมองผู้คน ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไร
เธออ่านใจคนไม่เก่งเลยสักนิดเดียว แต่เธอกลับอยากไว้ใจผู้ชายตรงหน้า
“หรือว่าคุณแอบตามฉันคะ นี่คุณ.. อย่าบอกนะคะว่าแอบตามฉันจริงๆ” ภาพตะวันเอียงคอถามด้วยความสงสัย ผลมาจากอีกฝ่ายใช้เวลาแค่สิบห้านาทีอย่างที่บอกจริงด้วย
ถ้าไม่รู้ที่อยู่จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน..
“นี่เธอล้อฉันเล่นอยู่เหรอภาพตะวัน หืม” ประธานเจียแค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะเลิกคิ้วมองแววตาของภาพตะวันที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ยิ้มดีใจตอนที่ได้เห็นเขาเช่นกัน
ผู้หญิงคนนี้ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเลยแม้แต่นิดเดียวไม่ว่าจะคิดหรือรู้สึกอะไร ทุกอย่างก็แสดงผ่านออกทางสายตาหมด จนคู่สนทนาจับทางความรู้สึกเธอได้ทุกอย่าง
“หัวเราะ.. หัวเราะอะไรคะ มีอะไรน่าขำเหรอคะ” ภาพตะวันยิ้มเขิน แต่เพียงพริบตาเดียวรอยยิ้มนั้นก็แทบจะเลือนหายไป
“นี่เธอคิดว่าฉันแอบตามเธอเหรอ”
“คะ”
“คนแบบเธอเนี่ยนะ”
น้ำเสียงเชิงเหยียดหยันทำเอาเรียวคิ้วสวยกระตุกเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนคนตรงหน้าจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่จริงจังมากนัก
“ฉันแค่ล้อเล่นเอง ที่จริงฉันได้ที่อยู่มาจากเพื่อนเธอต่างหาก” ประธานเจียโบ้ยมือไม่ให้เธอไปใส่ใจในสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้
“เพื่อน..” ภาพตะวันพูดขึ้นเสียงค่อย ใบหน้าครุ่นคิดบางอย่างตามอีกฝ่ายไปด้วย
“น้ำอิง” เขาพูดต่อ “น้ำอิงเป็นคนบอกฉันเองว่าเธออยู่ไหน แลกกับการ.. ได้นั่งดื่มด้วยกันแล้วก็ขับรถไปส่งเธอที่บ้านแค่นั้นเอง”
“คุณไปเจอกับน้ำอิงมาเหรอคะ”
“ก็แลกกับการได้เจอเธอไง ถ้าไม่ใช่เหตุผลนี้ ฉันก็คงไม่ไปตั้งแต่แรก”
ประโยคที่ตรงไปตรงมาบวกกับสายตาวาบหวามชวนมวลท้อง ทำให้ภาพตะวันชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก อ้ำอึ้งแล้วก็อ้าริมฝีปากค้างต่อหน้าเขาอยู่หลายที
มีอีกหลายอย่างที่เธออยากรู้ความจริงจากปากเขา..
“แล้วประธานเจียอยากเจอฉันทำไมคะ” เธอถามกลับแต่ไม่ค่อยกล้าสบตาเขาเท่าไหร่
“ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอ เพราะเธอเป็นคนโทรมาหาฉันก่อน”
“เอ่อ จริงด้วยค่ะ”
“มีอะไรที่อยากจะถามก็ถามมาได้เลยนะ ไม่ต้องเกร็ง” ประธานเจียพูดอย่างเป็นกันเอง แทบจะไม่ทิ้งคราบประธานในบริษัทให้เธอได้เห็น
ภาพตะวันเม้มริมฝีปากเล็กน้อย พยายามผ่อนปรนลมหายใจไม่ให้ตัวเองประหม่า แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เขินสายตาของประธานเจียที่มองมาอยู่ดี
“ว่ายังไง ไม่มีอะไรอยากพูดกับฉันเลยเหรอ ฉันมีเวลาไม่มากนักหรอกนะภาพตะวัน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น หลังจากยกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา
“อ่า คือว่า..” หญิงสาวดูลนลานไม่น้อย พลางถูมือบนหน้าตักตัวเองอย่างปกปิดความประหม่าเอาไว้ไม่มิด
แน่นอนว่าประธานเจียเห็นชัดเจนว่าภาพตะวันเกร็งเวลาอยู่ต่อหน้าเขา ตอนแรกคิดว่าจะรอดูสีหน้าของเธออีกสักหน่อย แต่พอเห็นท่าทางขัดตาเขาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นคนเฉลยด้วยตัวเอง
“ที่หัวเข่าน่ะไม่เป็นแผลเป็นใช่มั้ย..” ประธานเจียเกริ่นพลางคลี่รอยยิ้มหวาน เป็นรอยยิ้มที่อีกคนมองไม่ออกเลยว่ามันคือความเสแสร้งที่แกล้งปั้นขึ้นมาก็เท่านั้น
“แผลที่หัวเข่า..” ภาพตะวันหลุบสายตามองตามเขาไปที่หัวเข่าตัวเอง
“วันนั้นที่จักรยานล้มเป็นแผลถลอกเยอะอยู่ นึกว่าจะเป็นรอยแผลเป็นซะอีก ดูแลดีเหมือนกันนะเนี่ย”
ดวงตากลมใสราวกับลูกแก้วสีสวยเบิกโพลงช้าๆ ก่อนจะขยับสายตาขึ้นมองประธานเจียแล้วยกมือขึ้นป้องปากอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ประธานเจียคือเจ้าชายขี่ม้าขาวคนนั้น..
“คุณ..”
“ฉันชอบฝน.. ชอบตรงที่ถ้าเราร้องไห้ออกมาก็ไม่มีใครสังเกตเห็น เธอคิดเหมือนกันมั้ยภาพตะวัน”
ใบหน้าหวานลิ้มระบายยิ้มออกมา พลันดวงตาก็หยีลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวด้วยความดีใจ
เพราะประโยคนั้นเขาเป็นคนพูดกับเธอเอง.. นั่นทำให้ภาพตะวันยิ่งกว่ามั่นใจว่าเธอจำคนไม่ผิดแน่นอน
“คุณลูกอมคือคุณใช่มั้ยคะประธานเจีย” ภาพตะวันถามย้ำอีกรอบเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่ ฉันเอง” ประธานเจียโปรยยิ้มหวานอย่างนึกเอ็นดูเธอ
หยาดน้ำสีใสเอ่อคลอดวงตาคู่สวยเพราะความดีใจ ทั้งชีวิตของคนที่ไม่คิดฝักใฝ่มองหาความรัก กำลังถูกคิวปิดของกามเทพแผงศรใส่ จนรับรู้ได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงลิ่ว
ภาพตะวันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย..
“ขอโทษทีที่ฉันทำเหมือนจำเธอไม่ได้ พอมองไกลๆ ก็เกือบจำไม่ได้ แต่ถ้ามองให้ใกล้ขึ้นตอนเธอยิ้ม ฉันก็จำได้ทันทีว่าผู้หญิงที่เจอวันนั้นคือเธอ” ประธานเจียกล่าวด้วยความสุภาพ ทว่าสายตากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันก็เกือบจำประธานเจียไม่ได้เหมือนกัน ตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันมากเลยนะคะ”
“ต่างกันยังไง”
“เมื่อก่อนคุณใส่แว่นนี่คะ” เธอพูดพร้อมทำท่าสวมแว่นประกอบ
การได้พบกับในวันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ รวมถึงการวนกลับมาเจอกันอีกครั้งก็เช่นกัน
ถึงภาพตะวันจะไม่สนใจเรื่องรักใคร่ เพราะโฟกัสแต่เรื่องเรียนเพียงอย่างเดียว แต่เธอกลับชอบอ่านนิยายหวานแหววและเชื่อในเรื่องโชคชะตากับพรหมลิขิตสุดหัวใจ
การที่เธอได้เจอกับเขาทั้งที่โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ เธอก็เชื่ออย่างหมดใจเหมือนกันว่าศรรักกำลังทำงาน อีกอย่างเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่ผู้เป็นเจ้าของด้ายแดงที่ปลายนิ้วก้อยเธอก็ได้ใครจะรู้
“เธอเองก็ต่างจากตอนนั้นเหมือนกันนะ”
“ยังไงเหรอคะ”
“สวยขึ้นมากจนจำแทบไม่ได้เลย”
ไม่เพียงแค่คำพูดของประธานเจียที่บ่งบอกว่าเขาใช้ถ้อยคำหวานได้เก่งแค่ไหน แต่สายตาของเขานั้นก็หวานล้ำทำคนมองคล้อยตามไปโดยง่ายไม่ต่างกัน
ภาพตะวันรู้สึกวูบวาบในท้องแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกดีที่เธอลืมตั้งการ์ดป้องกันตัวเองเหมือนที่จิรัชเคยสอน
เพียงเพราะคนตรงหน้าคือผู้ชายที่ใจดีคนนั้น ภาพตะวันก็อยากจะไว้ใจแบบไร้ข้อกังวล ปฏิบัติตนต่อเขาแบบไม่ทันระวังหัวใจของตัวเอง
“แล้วนี่.. เธอไม่คิดว่าการที่เรานั่งคุยกันตรงนี้มันจะเป็นจุดดึงดูดสายตาคนอื่นเหรอ” น้ำเสียงติดเกรงใจบอกพลางกวาดสายตามองไปรอบบริเวณ
พอภาพตะวันหันมองตาม เธอก็เสนอความคิดขึ้นมาในทันที
“ถ้างั้นขึ้นไปคุยบนห้องดีมั้ยคะ รูปอยู่ข้างบนพอดีด้วยค่ะ”
“งั้นเหรอ”
“ก็ถ้า.. ถ้าคุณไม่ติดอะไรน่ะค่ะ” เธอว่าแล้วยิ้มเจื่อนเพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจความหวังดีนี้ผิดไป
สิ้นประโยคนั้นชายหนุ่มก็กระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพยักหน้ารับพร้อมผายมือให้เธอเดินนำแล้วเขาประกบตามทันที
มือเรียวหยิบคีย์การ์ดขึ้นแตะเพื่อเปิดประตูเข้าห้อง ภาพตะวันเดินตรงไปยังโต๊ะทำงาน ระบายยิ้มให้รูปโพลารอยด์ที่แม้จะเลือนรางไปตามกาลเวลา แต่ภาพใบหน้าของทั้งคู่และความทรงจำที่มียังชัดเจน
“เธอยังเก็บมันไว้จริงๆ ด้วย” ประธานเจียยิ้มบางเบา เมื่อเขารับรูปถ่ายจากมือเธอมาถือไว้
“ฉันเคยเล่าเรื่องคุณให้พี่ชายฟังด้วยนะคะ เขาบอกว่าอยากเห็นหน้าเลยแต่ว่า.. ฉันไม่ได้เอารูปนี้ให้เขาดูหรอก เพราะคิดว่าเราคงไม่ได้เจอกันอีก ก็เลยอยากเก็บความทรงจำที่ดีไว้เป็นความลับระหว่างเรา”
“พี่ชายเหรอ”
“ค่ะ นี่ไงคะ พี่จิพี่ชายของฉันเองค่ะ”
สิ้นประโยคนั้นภาพตะวันก็ชี้ไปที่กรอบรูปที่เป็นภาพเธอและจิรัช พลันใบหน้าหล่อเหลาก็แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบ ก่อนจะยกมุมปากสูงเมื่อหันมามองที่เธออีกครั้ง
“จิรัช..”
“คะ”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบห้องหญิงสาวที่ตกแต่งด้วยโทนสดใสเสียส่วนใหญ่ มีหนังสือนิยายและภาพโปสเตอร์การ์ตูนติดผนัง บนโต๊ะทำงานก็มีแต่ของน่ารักเต็มไปหมด
โลกของเธอคงสดใสมากเลยสินะ..
เขาได้แต่ครุ่นคิดในใจ มองภาพของพี่ชายสลับกับน้องสาวเขาไปมา พลันใบหน้าก็ปรากฏยิ้มร้ายอย่างเผลอตัว
“มีแฟนหรือยัง ฉันไม่มีปัญหาทีหลังหรอกนะถ้าคนของเธอมาเจอ”
“คะ”
ไม่ทันได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ร่างสูงโปร่งก็สาวเท้าก้าวประชิดเรือนกายขาว จนภาพตะวันก้าวเท้าถอยหลังอัตโนมัติ ก่อนจะใช้มือยันโต๊ะทำงานด้านหลังเอาไว้ เพราะอีกฝ่ายเข้ามาใกล้จนเธอไร้หนทางหนีแล้วเรียบร้อย
ใบหน้าห่างกันเพียงคืบเดียวแต่สายตาสบกันแน่น พลันลมหายใจอุ่นก็ปะทะข้างแก้มขาวเป็นระยะ ประธานเจียทำหน้าดุจนภาพตะวันเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“รู้มั้ยว่าฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซาก เหมือนเวลาสั่งงานฉันไม่ชอบสั่งซ้ำ แค่รอบเดียวฉันก็อยากให้เธอเข้าใจ”
“ดุ.. ดุจังเลยค่ะ”
สิ้นประโยคที่สาวเจ้าทำหน้างอเพราะเหมือนสายตาเขาจะดุเธอ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ยกมือขึ้นยีหัวคนตัวเล็กกว่าด้วยความมันเขี้ยว
ภาพตะวันถึงกับตกลงไปในภวังค์เมื่อเงยหน้ามองเขาที่จับหัวเธอเมื่อครู่ ก่อนจะทำหน้าเพ้อฝันแล้วยิ้มกว้างอย่างลืมตัว
“ทีนี้ก็ตอบคำถามฉันสักที”
“อีกรอบได้มั้ยคะ..”
“ฉันถามว่าเธอมีแฟนหรือยัง”
“ยังค่ะ ไม่มีแฟน”
พูดจบประธานเจียก็ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เล่นเอาภาพตะวันถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว
ในสายตาของชายหนุ่มสิ่งที่เธอแสดงออกก็เป็นเพียงภาพมายา ไม่มีอะไรเป็นของจริงเลยแม้แต่นิดเดียว
เห็นใสซื่อแบบนี้คงต้องดูกันอีกยาว.. เพราะธาตุแท้ของคนมันต้องใช้เวลา
“ถ้าฉันดุ เธอยังอยากทำงานในบริษัทฉันอยู่หรือเปล่าล่ะ” ประธานเจียเลิกคิ้วถาม
“อยากค่ะ อยากสิคะ” ภาพตะวันโต้ตอบทันที พลันยิ้มเจื่อนเพราะเห็นอีกคนยิ้มร่า
“เวลางานฉันดุกว่านี้อีกนะ เธอทนไหวเหรอ”
“ทนได้ค่ะ”
“ฉันจะจำคำนี้ไว้”
ประธานเจียยิ้มรับอย่างพึงพอใจ หวังว่าเธอจะไม่หนีหน้าตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานด้วยกัน
เพียงหนึ่งอึดใจที่ความเงียบเข้าครอบงำบทสนทนา ภาพตะวันที่สบนัยน์ตาสีรัตติกาลที่มองมาก็เอ่ยถามออกไปทันที
“ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะคะ.. หน้าฉันมันมีอะไรติดเหรอ”
“ความสวย”
“คะ เอ่อ.. คือว่า”
“ฉันมองเพราะว่าเธอสวยภาพตะวัน.. ฉันแพ้ผู้หญิงสวยๆ น่ะ”