ตอนที่ 4 คุณลูกอม

1116 คำ
มื้ออาหารผ่านพ้นไปด้วยดีกว่าที่คิดเอาไว้ แต่เหมือนว่าลิ้นของภาพตะวันแทบจะไม่ลิ้มรสชาติความอร่อยของเนื้อเกรดดีด้วยซ้ำ เพราะหลังจากที่ประธานเจียส่งเบอร์ให้เธอ การนั่งตรงหน้าเขาก็กลายเป็นอะไรที่ค่อนข้างประหม่าแล้วก็อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก คำพูดของเขายังก้องในหูเธออยู่เลย.. “แกไม่น่าปฏิเสธความหวังดีประธานเจียเลยตะวัน สักครั้งในชีวิตฉันก็อยากนั่งรถหรูแบบนั้นมั้งนะ” น้ำอิงทำหน้าติดเสียดาย หลังภาพตะวันปฏิเสธไม่ให้ประธานเจียไปส่ง เพราะไม่อยากรบกวนเขาไปมากกว่านี้ แค่เลี้ยงอาหารเป็นการส่วนตัวก็มาพอแล้วสำหรับการที่พวกเขาเพิ่งรู้จักกัน อีกอย่างประธานเจียดูหวังผลจากบางสิ่งในการแลกกับบางอย่างที่เขาต้องการ ไม่ใช่แค่ให้ฝ่ายเดียว แต่เป็นคนจำพวกถ้าให้ไปก็ต้องได้รับผลตอบแทนกลับมาเช่นกัน “เห็นมั้ยประธานเจียสนใจแกตะวัน” ภูพิงว่าแล้วยิ้มหวานแซวเพื่อนตัวเอง “แล้วแกจะโทรหาเขามั้ยอ่ะ หรือไม่ก็.. เอาเบอร์เขามาให้ฉันบ้างสิ” น้ำอิงแทรกแล้วทำหน้าอ้อนใส่ภาพตะวัน “ไอ้อิง” “ฉันแค่ล้อเล่นเองพิง ทำหน้าจริงจังไปได้น่า ยังไงถ้าแกอยากเจอเขาอีกก็ระวังตัวหน่อยแล้วกันตะวัน.. บางทีเขาอาจจะไว้ใจไม่ได้” “อันนี้ฉันเห็นด้วยนะตะวัน” ภาพตะวันที่ตกอยู่ในสถานการณ์คนกลางยืนรับฟังความคิดเห็นของทั้งสองคน พลางระบายลมหายใจทิ้งอย่างคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงหลังจากนี้ดี คุณลูกอมในวันนั้นดูใสซื่อแล้วก็นุ่มนิ่มเหมือนขนมดังโงะที่ยังไม่ราดซอส ทำไมวันนี้ถึงดูหวานอมเปรี้ยวเป็นบ๊วยแผ่นแก้ง่วงไปได้ “ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อ” ภาพตะวันตอบกลับ “แล้วไหนบอกว่าไม่เคยเจอประธานเจีย” น้ำอิงหรี่ตาอย่างจับผิด “เพราะเขาทำให้ฉันไม่มั่นใจต่างหาก ว่าสรุปแล้วมันใช่เขาหรือเปล่า” “แล้วแกคิดว่าใช่มั้ย หรืออยากพิสูจน์ดีล่ะว่าใช่เขาหรือเปล่า” พูดจบภูพิงที่ยืนฟังก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยกับน้ำอิง ทางเดียวที่จะรู้ได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ก็คงต้องมีการพิสูจน์เกิดขึ้น แต่ขอเวลาทำใจก่อนไปเจออีกสักหน่อยก็แล้วกัน “ฉันว่าจะกลับไปหารูปที่บ้านก่อน ฉันจำได้ว่าเคยถ่ายรูปโพลารอยด์เก็บเอาไว้” เธอพูดด้วยสีหน้าค่อนข้างมั่นใจว่ายังเก็บรูปถ่ายเอาไว้อยู่ “ฟีลรักแรกพบอ่ะดิ” ภูพิงพูดแล้วยิ้มเขินเมื่อนึกภาพตาม “อะไรของแก ไม่ใช่สักหน่อย” ภาพตะวันแสร้งทำหน้านิ่ง ก่อนจะตีไหล่ภูพิงที่แซวไม่พักเบาๆ ทีนึง “อะไรล่ะ ฉันพูดความจริงนี่นา” “ภูพิง” “จ้า ไม่แซวแล้วก็ได้จ้า” พอรู้ว่าเพื่อนตัวเองเขินจนแทบจะเก็บอาการทางสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่ ภูพิงก็เลิกแซวแล้วหันไปให้ความสนใจน้ำอิงที่พูดขึ้นมา หลังหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาเมื่อครู่ “ถ้างั้นฉันกลับก่อนนะ พอดีมีธุระต่อ” “ธุระเยอะจังนะแม่คุณ” “ใครจะว่างเหมือนคุณหนูภูพิงล่ะคะ” “ไอ้อิงนี่” น้ำอิงแยกยิ้มกวนประสาทภูพิง ก่อนจะยกมือโบกลาแล้วแยกตัวไปอีกทางที่หน้าร้านอาหารหรู ส่วนอีกสองคนที่เหลือต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทาง เพราะภูพิงเอารถยนต์ส่วนตัวของเธอมา ส่วนภาพตะวันก็โทรเรียกให้คนขับรถประจำบ้านมารับเช่นกัน สองวันต่อมา ภาพตะวันนั่งจ้องตัวเลขสิบหลักบนกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อนจะขยับสายตามองรูปถ่ายโพลารอยด์ที่วางข้างกัน พลางลอบถอนหายใจแล้วงุดหน้าจนคางชิดอก “ใช่จริงด้วยสินะ” เธอพูดขึ้นเสียงค่อย เธอยังไม่ได้ติดต่อกลับไปหาประธานเจีย และแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าจะติดต่อเธอกลับมาเช่นกัน “จับได้แล้ว.. คุณลูกอม” ภาพตะวันแยกยิ้มเมื่อมองภาพโพลารอยด์ที่เป็นรูปถ่ายระหว่างเขาและเธอ เป็นช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นที่ภาพตะวันไปเก็บเกี่ยวการเรียนซัมเมอร์เกือบหนึ่งเดือนเต็ม และจุดเกิดเหตุระหว่างทั้งคู่ก็คือหน้าร้านโซบะเจ้าประจำของเธอ ในวันที่ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจ ช่วงเวลาของชีวิตก็ย่ำแย่ ขนาดปั่นจักรยานยังล้มต่อหน้าผู้คนที่กางร่มเดินผ่านไปมา จนภาพตะวันทิ้งตัวนั่งร้องไห้อย่างหมดท่าไม่สนสายตาใคร ผู้คนต่างก็เดินผ่านเธอไปจนหมด ไม่มีใครสนใจเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังเปียกปอนเพราะฝนเลยแม้แต่คนเดียว ในช่วงวินาทีนั้นเธอเองก็เพียงแค่ต้องการใครสักคนเท่านั้นเอง.. แล้วโชคชะตาก็นำพาเขาคนนั้นให้ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เขายื่นลูกอมรสหวานให้เธอพร้อมกับแบ่งร่มในมือ จนตัวเขาเองเปียกปอนไปกับฝนไม่ต่างกัน จังหวะที่ปลายฟ้าเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เธอก็ตกหลุมรักชายแปลกหน้าคนนั้นในทันที ยิ่งพอได้พูดคุยกันที่ร้านโซบะ ภาพตะวันก็สัมผัสได้ว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่อบอุ่นและใจดี ท่ามกลางสภาพฝนที่อากาศหนาวเหน็บ เขากลับเป็นคนเดียวที่ไม่มองข้ามเธอไป อีกทั้งยังมอบความอบอุ่นให้เธอด้วยโซบะกับรอยยิ้มนั่นอีก เป็นใครได้เจอก็ต้องรู้สึกตกหลุมรักทั้งนั้น “เอาก็เอา.. ยังไงก็ต้องเจอคุณลูกอมอีกครั้งให้ได้ คราวนี้ปฏิเสธไม่ได้อีกแน่หลักฐานมัดแน่นขนาดนี้” สิ้นประโยคปลุกใจภาพตะวันก็หยิบมือถือขึ้นกดเบอร์ประธานเจีย ถอนหายใจเพียงเฮือกเดียวแล้วก็โทรออกหาเขาในทันที ( สวัสดีครับนักศึกษาภาพตะวัน ) “เอ่อ” ภาพตะวันถึงกับชะงักค้าง เพราะไม่คิดว่าปลายทางจะรับเร็วขนาดนี้ เหมือนกับว่าตั้งตารอเธอโทรไปยังไงยังงั้นเลย ( สิบห้านาที ) “คะ” ( เดี๋ยวฉันไปหา.. ) ไม่ทันจะได้พูดอะไรมากกว่านี้อีกฝ่ายก็ตัดสายไป ทิ้งไว้แค่ความสงสัยให้กับภาพตะวันที่ถือสายคาหูกับสติที่หลุดปลิวไปไกล “อะไรของเขา.. เป็นคนยังไงกันแน่เนี่ย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม