ตอนที่ 3 ฉันสนใจเธอ

1750 คำ
ช่วงดึกของวันที่ภาพตะวันวีดีโอคอลหาผู้เป็นพี่ชายทิ้งเอาไว้ ก่อนจะเดินวุ่นหามือถือที่มักจะวางลืมไปทั่วห้อง จนสุดท้ายก็พบว่าเผลอลืมไว้หลังตู้เย็น เธอหยิบมันมาพร้อมกับเปิดตู้เย็นเอาน้ำผลไม้กล่องออกมาด้วย ก่อนร่างบางในชุดนอนมีผ้าเช็ดหัวพาดไว้ที่คอจะเคลื่อนย้ายร่างกายเดินมาทิ้งตัวบนปลายเตียงแทน “เมื่อไหร่พี่จิจะกลับไทยคะ” เสียงหวานตะโกนถาม พลางเหลือบสายตามองหน้าจอโน้ตบุ๊คที่ฉายภาพของจิรัชกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ อีกฟากของโลกที่จิรัชใช้ชีวิตอยู่เป็นตอนกลางวัน ส่วนฝั่งของภาพตะวันฟ้ามืดมาหลายชั่วโมงแล้ว ( ตอนนี้ยังไม่มีแพลนว่าจะกลับครับ ) “ทุกทีเลย” ภาพตะวันทิ้งตัวนอนคว่ำบนที่นอน เธอคว้าตุ๊กตามากอดแล้วทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชายตัวเองที่เอาแต่ทำงาน จนไม่มีเวลากลับมาหาน้องสาวคนนี้บ้างเลย “แล้วจะกลับมาวันรับปริญญาของน้องมั้ยคะเนี่ย” ( วันจบเรายังไงพี่ก็ไปหาอยู่แล้ว ทำหน้างอแงแบบนี้ อยากได้อะไรครับ ) “อยากให้พี่ชายกลับมาอยู่ที่นี่ด้วยกันไงคะ มัวแต่ทำงานลืมเดือนลืมวัน แล้วก็ลืมน้องคนนี้ไปแล้วมั้งเนี่ย” ( นั่นสิ พี่กำลังคุยอยู่กับใครเนี่ย ) “พี่จิ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วนิ่วหน้าแล้วทำแก้มพองๆ ใส่ จนปลายสายหลุดหัวเราะร่วนออกมา ( เอาเป็นว่าถ้าพี่กลับเมื่อไหร่.. เราอยากได้อะไร หรืออยากจะไปไหน พี่จะตามใจหมดทุกอย่างเลย” “พูดจริงนะคะ” ( พี่เคยผิดสัญญาด้วยเหรอ ) สิ้นประโยคนั้นภาพตะวันก็ฉีกยิ้มกว้างเหมือนเด็กน้อย เพราะใกล้จะรับปริญญาหลังจบหลักสูตรสาขาบริหารธุรกิจแล้ว อีกอย่างจิรัชไม่เคยผิดสัญญาที่ให้กับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาเป็นพี่ชายที่สมบูรณ์แบบและเป็นผู้ชายที่เธอคิดว่า หากไม่มีใครดีเท่าจิรัช เธอก็จะไม่มีแฟนเด็ดขาดเลย “บันทึกเสียงไว้แล้วนะคะ ผิดสัญญาโดนปรับสองเท่าน้า” ภาพตะวันเอียงศีรษะแล้วยิ้มหวาน ( สามเท่าเลยครับคนเก่ง ) จิรัชพูดพลางลอบมองผู้คนที่กำลังเดินพลุกพล่านในย่านร้านอาหาร เวลานี้ที่เมืองไทยฟ้ามืด แต่ฝั่งของจิริชฟ้ายังสว่างแล้วผู้คนก็ยังออกมาใช้ชีวิตกันอยู่เลย “โอเคค่ะ ถ้างั้นหนูนอนก่อนนะคะ ฝันดีค่ะพี่จิ” ( ฝันดีครับ ) หลังจากวางสายภาพตะวันก็ลุกขึ้นไปนั่งเป่าผมหน้ากระจก พลางหรี่ตาแล้วขมวดคิ้วมุ่นกับภาพใบหน้าของประธานเจียที่ยังตามหลอกหลอนเธอไม่หยุด เธอสะบัดศีรษะไล่ความคิดที่ไม่เข้าท่าให้ออกไป ก่อนจะปล่อยให้เสียงจากไดร์ดังกลบความคิดที่ฟุ้งซ่าน แต่สุดท้ายก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “จำได้ว่าเคยมีภาพถ่ายด้วยกัน.. อยู่นี่หรืออยู่ที่บ้านกันนะ” ภาพตะวันปิดไดร์เป่าผมแล้วขมวดคิ้วมุ่นอย่างคิดไม่ตก มันอาจฟังดูบ้ามากๆ แต่ในวันนั้นพวกเขาตัดสินใจที่จะไม่ถามไถ่ชื่อแส้ของกันและกัน เพราะภาพตะวันจะต้องบินกลับไทยในรุ่งขึ้นเลยหลังจากเรียนซัมเมอร์จบ ส่วนอีกฝ่ายก็คิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกถึงไม่บอกชื่อเขาเช่นกัน การไม่รู้จักชื่อกันก็คงไม่สร้างความผูกพันอะไร.. แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำ จะทำให้ภาพตะวันประทับใจจนลืมไม่ลง แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้งในวันที่รู้ว่าเขาอาจเป็นถึงประธานบริษัทชื่อดังแบบนี้ “ประธานเจีย LJ GROUP” เธอหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ค้นหาชื่อบริษัท รวมถึงภาพของประธานเจียที่ปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะมองมุมไหนยังไงก็ใช่ผู้ชายใจดีคนนั้นแน่นอน พลันแววตาคู่สวยก็แปรเปลี่ยนเป็นจ้องจับผิดแทน ภาพตะวันยอมรับว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่คนฉลาดหลักแหลมสักเท่าไหร่ แต่เรื่องจำหน้าคน เธอไม่มีทางจำผิดแน่นอน “คุณอมยิ้ม.. คือคุณใช่มั้ยคะประธานเจีย” ร้านอาหาร สุดท้ายภาพตะวันก็ยอมมาเจอประธานเจียอีกครั้ง พวกเธอสามคนมาตามนามบัตรที่เขายื่นให้ ก่อนจะพบว่ามันคือร้านอาหารหรูบนตึกสูงในเครือบริษัทของประธานเจียที่ผู้เป็นพี่สาวของเขานั้นดูแลอยู่ แน่นอนว่าแค่ยื่นนามบัตรให้บริกรของร้าน พวกเขาก็พาเธอมานั่งที่โต๊ะอาหารแบบไม่ไถ่ถามอะไรสักคำ อีกอย่างการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตทำให้ภาพตะวันรู้ว่าเขามีพี่สาว เธอทั้งสวยสะพรั่งแล้วก็เป็นผู้หญิงที่เก่งในการทำงาน จนได้ฉายาว่าเป็นม้ามืดวงการธุรกิจอาหารเลยก็ว่าได้ พวกเขาดูทรงอิทธิพลจนเธอเกร็งอย่างบอกไม่ถูก.. “แกว่าทำไมประธานเจียถึงชวนพวกเรามากินข้าววะตะวัน” ภูพิงที่นั่งเกร็งไม่ต่างกันยื่นหน้าเข้ามากระซิบถาม “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ภาพตะวันไหวไหล่ พลางกวาดสายตามองไปรอบบริเวณร้าน “หรือว่าเขาสนใจฉัน” น้ำอิงพูดแทรกขึ้นแล้วยิ้มอย่างมั่นใจ “ความมั่นใจในตัวเองก็เป็นสิ่งที่ดีนะเพื่อน แต่ว่า..” ภูพิงฉีกยิ้มเจื่อนแกล้งเพื่อนตัวเอง ก่อนจะถูกน้ำอิงตีแขนเบาๆ ทีนึง น้ำอิงดูเป็นคนเดียวที่ไม่เกร็งและไม่ตั้งข้อคิดเห็นอะไรเลยกับประธานเจีย ผิดกันกับภาพตะวันและภูพิง พวกเธอสองคนยังคงคิดว่าทานข้าวครั้งนี้ต้องมีอะไรมากกว่านั้น แต่ด้วยความที่ภาพตะวันอยากเจอเขาอีกครั้ง บวกกับไม่อยากให้น้ำอิงมาเพียงลำพังพวกเธอจึงตัดสินใจมาด้วย ต่อให้อีกคนยืนยันว่ามาคนเดียวได้ก็ตาม มีหน้าตาและฐานะทางสังคมก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้.. จิรัชสอนเธออยู่เสมอ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดคุยกันไปมากกว่านี้ รองเท้าคัชชูสีดำเป็นมันวาวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าภาพตะวันพอดี “ขอโทษทีนะที่ปล่อยให้พวกเธอรอ พอดีประชุมมันค่อนข้างยืดเยื้อนิดหน่อย” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยขึ้น พลางยกนาฬิการาคาเหยียบแปดหลักบนข้อมือขึ้นมาดูเวลาไปด้วย “สวัสดีค่ะประธานเจีย” น้ำอิงเกริ่นนำพร้อมทุกคนที่ค้อมศีรษะและยกมือขึ้นไหว้ “ไม่ต้องไหว้หรอก ถือซะว่าคนกันเองดีกว่า” ประธานเจียยิ้มเขินนิดๆ ถึงอายุจะเกือบเข้าเลขสามแล้ว แต่เขาก็ยังดูกลมกลืนกับเด็กยี่สิบต้นๆ อีกทั้งใบหน้ายังดูอ่อนกว่าวัย แล้วภายใต้เสื้อผ้าที่เขาใส่ก็ซ่อนรูปร่างที่ทำเอาสาวหลายคนติดใจเขามาแล้ว “ถ้างั้นสั่งอาหารกันเลยดีมั้ย” เขาเลิกคิ้วถาม แต่ชำเลืองสายตามองภาพตะวันแทน “ดีเลยค่ะ” น้ำอิงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม หลังอาหารมาเสิร์ฟเสร็จน้ำอิงกับภูพิงต่างก็นั่งรับประทานอาหารเหมือนไม่คิดอะไร ผิดถนัดกับภาพตะวันเธอนั่งตัวเกร็ง เพราะรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนจ้องมองเธอตลอดเวลา และใครคนนั้นก็คือ.. ประธานเจีย “คิดเอาไว้หรือยังว่าเรียนจบจะสมัครงานที่ไหน” ประธานเจียเอ่ยขณะใช้มีดหั่นเนื้อเกรดดีในจาน “อิงมองบริษัทของประธานเจียที่แรกเลยนะคะ ยังไงถ้าได้ร่วมงานด้วยก็จะดีมากเลยค่ะ” น้ำอิงระบายยิ้มหวาน พลางยกมือขึ้นทัดหูเบาๆ “แล้วเธอล่ะ” เขาหันไปถามภูพิงบ้าง “ของพิงน่าจะช่วยธุรกิจที่บ้านมากกว่าค่ะ ยังไม่มีที่ไหนที่สนใจเป็นพิเศษ” ภูพิงยิ้มแห้ง ชายหนุ่มบนโต๊ะเพียงคนเดียวพยักหน้ารับ ก่อนจะหยุดชะงักมีดในมือแล้วเงยหน้าช้อนสายตามองภาพตะวันแทน “แล้วเธอล่ะ.. มาทำงานกับฉันมั้ย” “คะ” ภาพตะวันทำหน้าเลิ่กลั่ก เหล่ตามองซ้ายแลขวาหาตัวช่วย แต่เหมือนว่าประธานเจียจะไม่ยอมละสายตาจากเธออย่างง่ายดาย “เอ่อ คิดว่า.. คิดว่าจะยื่นใบสมัครที่บริษัทประธานเจียที่แรกเหมือนกันค่ะ” น้ำเสียงตะกุกตะกักด้วยความประหม่าตอบกลับ ก่อนหลุบตาไม่สบตาอีกฝ่าย “คราวหน้ามาเจอกันอีกสิ” “คะ” “การที่ฉันชวนเธอมาทานข้าวด้วยก็เป็นแค่ข้ออ้าง ที่จริงฉันอยากเจอเธอมากกว่า” สิ้นประโยคนั้นภาพตะวันก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รีบหันกลับไปมองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่ชะงักค้างไม่ต่างกัน ประเด็นคือเขาโพล่งออกมาต่อหน้าเพื่อนของเธอ หนำซ้ำยังใช้สายตาแบบนั้นมองกันอีกต่างหาก มองปราดเดียวก็รู้ว่าประธานเจียเป็นพวกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ที่แสดงออกว่าสนใจลูกแกะอย่างเธอเข้าให้แล้ว แต่เหมือนว่าลูกแกะจะมองไม่ขาด เพราะจิ้งจอกกำลังหลอกล่อเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาและอดีตที่เธออยากรู้เกี่ยวกับเขาเต็มประดา “ทำไม.. ทำไมประธานเจียถึงอยากเจอฉันเหรอคะ” “เพราะเธอน่าสนใจ” “ประธานเจีย..” ใบหน้าขาวเห่อร้อนขึ้นมา พลันอกข้างซ้ายก็เต้นแรงจนเธอชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก “เธอบอกเองนี่ว่าเราเคยเจอกันตอนซัมเมอร์ที่ญี่ปุ่น แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าใช่ฉันหรือเปล่า” ภาพตะวันขมวดคิ้วมุ่นกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย รวมถึงสายตาที่เหมือนจะไว้ใจได้ แต่ก็แพรวพราวจนไม่น่าวางใจเช่นกัน บอกไม่ถูกกับผู้ชายคนนี้เลย.. ประธานเจียหยิบปากกากับนามบัตรขึ้นมา ก่อนจะพลิกด้านหลังนามบัตรแล้วเขียนเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวลงไป ถึงค่อยเลื่อนไปตรงหน้าภาพตะวัน “ถ้าอยากรู้ก็โทรหาฉันสิ แล้วฉันจะขับรถไปหาเธอทันทีเลย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม