ช่วงดึกของวันที่ภาพตะวันวีดีโอคอลหาผู้เป็นพี่ชายทิ้งเอาไว้ ก่อนจะเดินวุ่นหามือถือที่มักจะวางลืมไปทั่วห้อง จนสุดท้ายก็พบว่าเผลอลืมไว้หลังตู้เย็น
เธอหยิบมันมาพร้อมกับเปิดตู้เย็นเอาน้ำผลไม้กล่องออกมาด้วย ก่อนร่างบางในชุดนอนมีผ้าเช็ดหัวพาดไว้ที่คอจะเคลื่อนย้ายร่างกายเดินมาทิ้งตัวบนปลายเตียงแทน
“เมื่อไหร่พี่จิจะกลับไทยคะ” เสียงหวานตะโกนถาม พลางเหลือบสายตามองหน้าจอโน้ตบุ๊คที่ฉายภาพของจิรัชกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่
อีกฟากของโลกที่จิรัชใช้ชีวิตอยู่เป็นตอนกลางวัน ส่วนฝั่งของภาพตะวันฟ้ามืดมาหลายชั่วโมงแล้ว
( ตอนนี้ยังไม่มีแพลนว่าจะกลับครับ )
“ทุกทีเลย”
ภาพตะวันทิ้งตัวนอนคว่ำบนที่นอน เธอคว้าตุ๊กตามากอดแล้วทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชายตัวเองที่เอาแต่ทำงาน จนไม่มีเวลากลับมาหาน้องสาวคนนี้บ้างเลย
“แล้วจะกลับมาวันรับปริญญาของน้องมั้ยคะเนี่ย”
( วันจบเรายังไงพี่ก็ไปหาอยู่แล้ว ทำหน้างอแงแบบนี้ อยากได้อะไรครับ )
“อยากให้พี่ชายกลับมาอยู่ที่นี่ด้วยกันไงคะ มัวแต่ทำงานลืมเดือนลืมวัน แล้วก็ลืมน้องคนนี้ไปแล้วมั้งเนี่ย”
( นั่นสิ พี่กำลังคุยอยู่กับใครเนี่ย )
“พี่จิ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วนิ่วหน้าแล้วทำแก้มพองๆ ใส่ จนปลายสายหลุดหัวเราะร่วนออกมา
( เอาเป็นว่าถ้าพี่กลับเมื่อไหร่.. เราอยากได้อะไร หรืออยากจะไปไหน พี่จะตามใจหมดทุกอย่างเลย”
“พูดจริงนะคะ”
( พี่เคยผิดสัญญาด้วยเหรอ )
สิ้นประโยคนั้นภาพตะวันก็ฉีกยิ้มกว้างเหมือนเด็กน้อย เพราะใกล้จะรับปริญญาหลังจบหลักสูตรสาขาบริหารธุรกิจแล้ว
อีกอย่างจิรัชไม่เคยผิดสัญญาที่ให้กับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาเป็นพี่ชายที่สมบูรณ์แบบและเป็นผู้ชายที่เธอคิดว่า หากไม่มีใครดีเท่าจิรัช เธอก็จะไม่มีแฟนเด็ดขาดเลย
“บันทึกเสียงไว้แล้วนะคะ ผิดสัญญาโดนปรับสองเท่าน้า” ภาพตะวันเอียงศีรษะแล้วยิ้มหวาน
( สามเท่าเลยครับคนเก่ง ) จิรัชพูดพลางลอบมองผู้คนที่กำลังเดินพลุกพล่านในย่านร้านอาหาร เวลานี้ที่เมืองไทยฟ้ามืด แต่ฝั่งของจิริชฟ้ายังสว่างแล้วผู้คนก็ยังออกมาใช้ชีวิตกันอยู่เลย
“โอเคค่ะ ถ้างั้นหนูนอนก่อนนะคะ ฝันดีค่ะพี่จิ”
( ฝันดีครับ )
หลังจากวางสายภาพตะวันก็ลุกขึ้นไปนั่งเป่าผมหน้ากระจก พลางหรี่ตาแล้วขมวดคิ้วมุ่นกับภาพใบหน้าของประธานเจียที่ยังตามหลอกหลอนเธอไม่หยุด
เธอสะบัดศีรษะไล่ความคิดที่ไม่เข้าท่าให้ออกไป ก่อนจะปล่อยให้เสียงจากไดร์ดังกลบความคิดที่ฟุ้งซ่าน แต่สุดท้ายก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“จำได้ว่าเคยมีภาพถ่ายด้วยกัน.. อยู่นี่หรืออยู่ที่บ้านกันนะ” ภาพตะวันปิดไดร์เป่าผมแล้วขมวดคิ้วมุ่นอย่างคิดไม่ตก
มันอาจฟังดูบ้ามากๆ แต่ในวันนั้นพวกเขาตัดสินใจที่จะไม่ถามไถ่ชื่อแส้ของกันและกัน เพราะภาพตะวันจะต้องบินกลับไทยในรุ่งขึ้นเลยหลังจากเรียนซัมเมอร์จบ ส่วนอีกฝ่ายก็คิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกถึงไม่บอกชื่อเขาเช่นกัน
การไม่รู้จักชื่อกันก็คงไม่สร้างความผูกพันอะไร..
แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำ จะทำให้ภาพตะวันประทับใจจนลืมไม่ลง แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้งในวันที่รู้ว่าเขาอาจเป็นถึงประธานบริษัทชื่อดังแบบนี้
“ประธานเจีย LJ GROUP” เธอหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ค้นหาชื่อบริษัท รวมถึงภาพของประธานเจียที่ปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะมองมุมไหนยังไงก็ใช่ผู้ชายใจดีคนนั้นแน่นอน
พลันแววตาคู่สวยก็แปรเปลี่ยนเป็นจ้องจับผิดแทน ภาพตะวันยอมรับว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่คนฉลาดหลักแหลมสักเท่าไหร่ แต่เรื่องจำหน้าคน เธอไม่มีทางจำผิดแน่นอน
“คุณอมยิ้ม.. คือคุณใช่มั้ยคะประธานเจีย”
ร้านอาหาร
สุดท้ายภาพตะวันก็ยอมมาเจอประธานเจียอีกครั้ง พวกเธอสามคนมาตามนามบัตรที่เขายื่นให้ ก่อนจะพบว่ามันคือร้านอาหารหรูบนตึกสูงในเครือบริษัทของประธานเจียที่ผู้เป็นพี่สาวของเขานั้นดูแลอยู่
แน่นอนว่าแค่ยื่นนามบัตรให้บริกรของร้าน พวกเขาก็พาเธอมานั่งที่โต๊ะอาหารแบบไม่ไถ่ถามอะไรสักคำ
อีกอย่างการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตทำให้ภาพตะวันรู้ว่าเขามีพี่สาว เธอทั้งสวยสะพรั่งแล้วก็เป็นผู้หญิงที่เก่งในการทำงาน จนได้ฉายาว่าเป็นม้ามืดวงการธุรกิจอาหารเลยก็ว่าได้
พวกเขาดูทรงอิทธิพลจนเธอเกร็งอย่างบอกไม่ถูก..
“แกว่าทำไมประธานเจียถึงชวนพวกเรามากินข้าววะตะวัน” ภูพิงที่นั่งเกร็งไม่ต่างกันยื่นหน้าเข้ามากระซิบถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ภาพตะวันไหวไหล่ พลางกวาดสายตามองไปรอบบริเวณร้าน
“หรือว่าเขาสนใจฉัน” น้ำอิงพูดแทรกขึ้นแล้วยิ้มอย่างมั่นใจ
“ความมั่นใจในตัวเองก็เป็นสิ่งที่ดีนะเพื่อน แต่ว่า..” ภูพิงฉีกยิ้มเจื่อนแกล้งเพื่อนตัวเอง ก่อนจะถูกน้ำอิงตีแขนเบาๆ ทีนึง
น้ำอิงดูเป็นคนเดียวที่ไม่เกร็งและไม่ตั้งข้อคิดเห็นอะไรเลยกับประธานเจีย ผิดกันกับภาพตะวันและภูพิง พวกเธอสองคนยังคงคิดว่าทานข้าวครั้งนี้ต้องมีอะไรมากกว่านั้น
แต่ด้วยความที่ภาพตะวันอยากเจอเขาอีกครั้ง บวกกับไม่อยากให้น้ำอิงมาเพียงลำพังพวกเธอจึงตัดสินใจมาด้วย ต่อให้อีกคนยืนยันว่ามาคนเดียวได้ก็ตาม
มีหน้าตาและฐานะทางสังคมก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้.. จิรัชสอนเธออยู่เสมอ
แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดคุยกันไปมากกว่านี้ รองเท้าคัชชูสีดำเป็นมันวาวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าภาพตะวันพอดี
“ขอโทษทีนะที่ปล่อยให้พวกเธอรอ พอดีประชุมมันค่อนข้างยืดเยื้อนิดหน่อย” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยขึ้น พลางยกนาฬิการาคาเหยียบแปดหลักบนข้อมือขึ้นมาดูเวลาไปด้วย
“สวัสดีค่ะประธานเจีย” น้ำอิงเกริ่นนำพร้อมทุกคนที่ค้อมศีรษะและยกมือขึ้นไหว้
“ไม่ต้องไหว้หรอก ถือซะว่าคนกันเองดีกว่า” ประธานเจียยิ้มเขินนิดๆ
ถึงอายุจะเกือบเข้าเลขสามแล้ว แต่เขาก็ยังดูกลมกลืนกับเด็กยี่สิบต้นๆ อีกทั้งใบหน้ายังดูอ่อนกว่าวัย แล้วภายใต้เสื้อผ้าที่เขาใส่ก็ซ่อนรูปร่างที่ทำเอาสาวหลายคนติดใจเขามาแล้ว
“ถ้างั้นสั่งอาหารกันเลยดีมั้ย” เขาเลิกคิ้วถาม แต่ชำเลืองสายตามองภาพตะวันแทน
“ดีเลยค่ะ” น้ำอิงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
หลังอาหารมาเสิร์ฟเสร็จน้ำอิงกับภูพิงต่างก็นั่งรับประทานอาหารเหมือนไม่คิดอะไร ผิดถนัดกับภาพตะวันเธอนั่งตัวเกร็ง เพราะรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนจ้องมองเธอตลอดเวลา
และใครคนนั้นก็คือ.. ประธานเจีย
“คิดเอาไว้หรือยังว่าเรียนจบจะสมัครงานที่ไหน” ประธานเจียเอ่ยขณะใช้มีดหั่นเนื้อเกรดดีในจาน
“อิงมองบริษัทของประธานเจียที่แรกเลยนะคะ ยังไงถ้าได้ร่วมงานด้วยก็จะดีมากเลยค่ะ” น้ำอิงระบายยิ้มหวาน พลางยกมือขึ้นทัดหูเบาๆ
“แล้วเธอล่ะ” เขาหันไปถามภูพิงบ้าง
“ของพิงน่าจะช่วยธุรกิจที่บ้านมากกว่าค่ะ ยังไม่มีที่ไหนที่สนใจเป็นพิเศษ” ภูพิงยิ้มแห้ง
ชายหนุ่มบนโต๊ะเพียงคนเดียวพยักหน้ารับ ก่อนจะหยุดชะงักมีดในมือแล้วเงยหน้าช้อนสายตามองภาพตะวันแทน
“แล้วเธอล่ะ.. มาทำงานกับฉันมั้ย”
“คะ”
ภาพตะวันทำหน้าเลิ่กลั่ก เหล่ตามองซ้ายแลขวาหาตัวช่วย แต่เหมือนว่าประธานเจียจะไม่ยอมละสายตาจากเธออย่างง่ายดาย
“เอ่อ คิดว่า.. คิดว่าจะยื่นใบสมัครที่บริษัทประธานเจียที่แรกเหมือนกันค่ะ” น้ำเสียงตะกุกตะกักด้วยความประหม่าตอบกลับ ก่อนหลุบตาไม่สบตาอีกฝ่าย
“คราวหน้ามาเจอกันอีกสิ”
“คะ”
“การที่ฉันชวนเธอมาทานข้าวด้วยก็เป็นแค่ข้ออ้าง ที่จริงฉันอยากเจอเธอมากกว่า”
สิ้นประโยคนั้นภาพตะวันก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รีบหันกลับไปมองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่ชะงักค้างไม่ต่างกัน
ประเด็นคือเขาโพล่งออกมาต่อหน้าเพื่อนของเธอ หนำซ้ำยังใช้สายตาแบบนั้นมองกันอีกต่างหาก
มองปราดเดียวก็รู้ว่าประธานเจียเป็นพวกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ที่แสดงออกว่าสนใจลูกแกะอย่างเธอเข้าให้แล้ว
แต่เหมือนว่าลูกแกะจะมองไม่ขาด เพราะจิ้งจอกกำลังหลอกล่อเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาและอดีตที่เธออยากรู้เกี่ยวกับเขาเต็มประดา
“ทำไม.. ทำไมประธานเจียถึงอยากเจอฉันเหรอคะ”
“เพราะเธอน่าสนใจ”
“ประธานเจีย..”
ใบหน้าขาวเห่อร้อนขึ้นมา พลันอกข้างซ้ายก็เต้นแรงจนเธอชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก
“เธอบอกเองนี่ว่าเราเคยเจอกันตอนซัมเมอร์ที่ญี่ปุ่น แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าใช่ฉันหรือเปล่า”
ภาพตะวันขมวดคิ้วมุ่นกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย รวมถึงสายตาที่เหมือนจะไว้ใจได้ แต่ก็แพรวพราวจนไม่น่าวางใจเช่นกัน
บอกไม่ถูกกับผู้ชายคนนี้เลย..
ประธานเจียหยิบปากกากับนามบัตรขึ้นมา ก่อนจะพลิกด้านหลังนามบัตรแล้วเขียนเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวลงไป ถึงค่อยเลื่อนไปตรงหน้าภาพตะวัน
“ถ้าอยากรู้ก็โทรหาฉันสิ แล้วฉันจะขับรถไปหาเธอทันทีเลย”