ตอนที่ 2 บังเอิญหรือตั้งใจ

1304 คำ
“อ่า น่าอายชะมัดเลย” ภาพตะวันทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนใต้ตึกคณะ ก่อนจะหยิบแก้วน้ำที่เพิ่งซื้อมายกขึ้นดื่มดับกระหาย รวมถึงดับความอายที่ทำเธอไม่กล้าสบตาประธานเจียตลอดชั่วโมงที่เขาบรรยายอยู่หน้าคลาส กว่าจะหมดชั่วโมงเธอนึกว่าตัวเองจะขาดอากาศหายใจตายไปซะแล้ว พอได้ออกจากห้องปอดก็เหมือนจะได้รับออกซิเจนจนพลอยหายใจได้ทั่วท้องหน่อย เอาซะนึกภาพออกเลยว่าคนที่ได้ทำงานกับเขาจะต้องเจอกับสายตาและความกดดันแบบไหน แต่ถึงอย่างนั้นภาพตะวันก็ยังอยากทำงานในบริษัทของประธานเจียอยู่ดี.. “เหมือนประธานเจียจงใจให้แกอายเลยนะตะวัน” ภูพิงว่าอย่างออกรสชาติ เธอมองภาพตะวันออกว่าเพื่อนตัวเกร็งแล้วก็ดูกังวล แต่ก็ทำได้แค่จับมือให้กำลังใจอีกฝ่ายเท่านั้น น้ำอิงที่ยกแป้งตลับขึ้นมาแต่งแต้มใบหน้า พับฝาปิดแล้วลอบกลอกตามองบนใส่ภูพิง “มองโลกในแง่ร้ายจังนะพิง ประธานเจียเขาก็แค่ถามคำถามนักศึกษา ยัยตะวันตอบไม่ได้เอง.. แกลนอะไรขนาดนั้น” น้ำอิงหันไปถามภาพตะวันที่ดูเหม่อๆ “ฉันว่าเขาจงใจนี่ ก็เห็นอยู่ว่าตะวันมันลน เขาก็จี้ถามเหมือนกำลังสอบปากคำผู้ร้ายเลย” ภูพิงออกตัวปกป้อง เพราะเธอเองก็รู้สึกได้ถึงรอยยิ้มเย็นเยือกเหมือนหมอกสีขาว ราวกับอยู่ในหนังผีน่ากลัวสักเรื่องของประธานเจียได้เหมือนกัน ใครจะไปรู้ว่าภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉย คำพูดที่ดูน่าเชื่อถือ จะแฝงความอันตรายอะไรเอาไว้บ้าง “เพราะตะวันมันเงียบต่างหาก เขาก็เลยถามจี้ให้ตอบ” “อย่าเข้าข้างผู้ชายได้ป่ะอิง นี่เพื่อนเรานะเว้ย” “ฉันแค่พูดตามความจริง แกกับฉันก็แค่มองคนละมุม” “มุมไหนล่ะ..” “พอได้แล้วทั้งคู่เลย” ภาพตะวันที่นั่งฟังทั้งคู่เถียงกันยกมือขึ้นปราม ก่อนจะนั่งไหล่ห่อคอตก หยิบน้ำขึ้นมาดื่มดับความเขินอายที่ร้อนผ่าวอยู่ในลำคอ ถึงจะแอบเห็นด้วยกับภูพิง ว่าประธานเจียดูจงใจจี้ถามให้เธอลนลาน แต่พอมานั่งคิดดูว่าเหตุผลในการทำคืออะไร ภาพตะวันก็คิดไม่ออกอยู่ดี เพราะงั้นเลยอยากปล่อยผ่านมากกว่าเก็บเรื่องเล็กน้อยมาใส่ใจ “ช่างมันเถอะ ฉันไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจหรอก” ภาพตะวันพูดพลางระบายยิ้มน้อยๆ แต่แววตายังคงเจือรอยความกังวลอยู่ “เออใช่ อย่าไปคิดมากเลย..” ภูพิงเสริมทัพอย่างเห็นด้วย “แล้วตกลงแกเคยเจอประธานเจียมาก่อนจริงเหรอตะวัน” น้ำอิงเกริ่นถามทันทีหลังนึกขึ้นได้ “จริงเหรอ แกเคยเจอประธานจริงเหรอตะวัน” “นั่นสิ เล่ามาเลยนะคะเพื่อนรัก น้ำอิงรอฟังอยู่ค่ะ” เพื่อนทั้งสองดูคาดหวังกับคำตอบ จนเผลอจ้องภาพตะวันเป็นตาเดียว เธอที่ถูกกดดันโดยตรงรีบฉีกยิ้มกลบเกลื่อน พลางไหวไหล่คล้ายจำผิดคน ทั้งที่ความจริงภาพตะวันจำสายตาของผู้ชายคนนี้ได้แม่นยำเลย “ฉันอาจจะจำคนผิดก็ได้ แค่คนหน้าคล้ายล่ะมั้ง อย่าคิดมากเลย แกก็รู้ว่าฉันชอบพูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย” เธอพูดแล้วหลุบตามองแก้วน้ำแข็งตรงหน้า “แต่ประธานเจียดูตกใจเหมือนกันนะ แค่เสี้ยววินาทีอ่ะ” น้ำอิงเสตาไปด้านข้างอย่างใช้ความคิด “เหรอ ฉันอ่านสีหน้าเขาไม่ออกเลย..” ภาพตะวันได้แค่ยิ้มเจื่อนให้เพื่อนสนิท “ฉันก็เหมือนกัน สายตาเขาทำอึดอัดยังไงก็ไม่รู้เนอะ” ภูพิงพยักหน้ารับ ก่อนจะระบายยิ้มกว้างเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “แต่ก็ช่างเถอะ เย็นนี้ไปกินน้ำแข็งใสร้านเดิมกัน” “ฉันไม่ไปด้วยนะ พอดีช่วงเย็นต้องไปดูหนัง” น้ำอิงโบ้ยมือปฏิเสธ “ทิ้งเพื่อนไปหาผู้ชาย” คนชวนถึงกับยู่ริมฝีปากใส่อย่างแง่งอน “เอาไว้แกมีบ้างแล้วจะเข้าใจนะภูพิงเด็กน้อย หือ” “ฉันไปกับยัยตะวันสองคนก็ได้” ภูพิงหันมาเกี่ยวแขนภาพตะวัน ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับคำว่าจะไปกินน้ำแข็งใสด้วย แต่ทว่าท่ามกลางเสียงพูดคุยระหว่างภูพิงกับน้ำอิง สายตาของภาพตะวันก็ดันเหลือบไปเห็นร่างสูงที่กำลังเดินขึ้นรถคันหรูไป ประธานเจียนิสัยใจคอเป็นยังไงกันแน่.. คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวของภาพตะวัน ครันเมื่อเจอกันที่ญี่ปุ่นผู้ชายที่ภาพตะวันมั่นใจว่าเป็นประธานเจียนั้น เขาช่างเป็นสุภาพบุรุษที่มีรอยยิ้มเป็นอาวุธ จนทำให้เธอตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น ถึงเวลาจะผ่านไปเกือบสามปีแล้ว แต่ปลายฟ้ายังจำสายตาของเขาได้ไม่ลืม “ประ.. ประธานเจีย” ภูพิงเบิกตาโพลง พลางใช้ศอกสะกิดน้ำอิงให้ดูด้วยเช่นกัน “ประธานเจีย..” น้ำอิงหันตามสายตาของอีกฝ่ายที่เพยิดหน้าให้ดู พลันเธอก็รีบจัดแจงผมเผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้เจ้าของรถหรูที่ขับมาจอดตรงหน้าพวกเธอพอดี ยกเว้นภาพตะวัน.. เธอนั่งขมวดคิ้วมุ่นมองเจ้าของรถที่เดินลงมา เปล่งประกายรัศมีออร่าความหล่อที่เบ่งบาน ทำเอาเพื่อนสาวอย่างน้ำอิงมองเขาแบบไม่ละสายตาเลยทีเดียว “ภาพตะวัน“ เจ้าของใบหน้าสวยที่มีดวงตาหวานฉ่ำเป็นเอกลักษณ์เปรยขึ้นมองต้นตอเสียง แล้วก็พบว่าประธานเจียยื่นนามบัตรบางอย่างมาให้เธอ “รับไปสิ วันนี้ฉันประทับใจพวกเธอนะ ระหว่างที่ฉันพูด.. พวกเธอก็คงจะปรึกษากันไปด้วย” สุ้มเสียงที่คล้ายว่าจะเอ่ยชม แต่กลับแฝงด้วยการจิกกัดเพียงเล็กน้อยเอาไว้ เพราะเขาเห็นว่าพวกเธอแอบคุยกันระหว่างที่เขากำลังบรรยายหน้าคลาส ถึงได้ประชดออกมาแบบนั้น “อันนี้บัตรอะไรเหรอคะ” น้ำอิงไม่ได้สนใจที่เขาพูด แต่ยิ้มแฉ่งเพราะนามบัตรที่รับมาแทน “ผมเชิญพวกคุณทั้งสามคนไปทานข้าว ถ้าไม่ติดอะไร.. พรุ่งนี้เจอกันนะครับ” “ได้สิคะ พรุ่งนี้อิงว่างพอดีเลยค่ะ” “ไอ้อิง” ภูพิงมุ่นคิ้วดุน้ำอิงที่รับบัตรมาโดยไม่ปรึกษากันก่อน โดยเฉพาะภาพตะวันที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผลมาจากนัยน์ตาคู่คมที่ตวัดมองมา รอยยิ้มเย็นเยือกบนมุมปากสวยทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก คนเราสามารถยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเกลียดขี้หน้าคนอื่นอย่างนั้นได้ยังไงกันนะ “หวังว่าเธอจะมาด้วยกันนะ.. ภาพตะวัน” ร่างสูงพูดพลางปรายหางตามองภาพตะวัน ที่ทำเอาอีกสองคนบนโต๊ะอ้าปากค้างที่ประธานเจียเรียกชื่อเธอถูก “คุณเรียกชื่อฉันถูกได้ยังไงคะ เราไม่เคยเจอกันนี่” อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่ตีหน้านิ่งกลับมาแทน “ประธานเจีย..” เธอขมวดคิ้วแล้วกดดันเขาบ้าง แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเลยสักนิด “ชื่อเล่นของเธอมันอยู่หัวมุมในใบที่ฉันแจกให้” คนหน้านิ่งตอบกลับเสียงราบเรียบอย่างไม่ทุกข์ร้อน ภาพตะวันอ้าปากค้างเถียงไม่ออก ก่อนจะหลุบตาแล้วเหลือบมองภูพิงที่สะกิดไม่ให้ต่อปากต่อคำกันไปมากกว่านี้ “หวังว่าจะได้เจอกันนะครับ.. ทุกคน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม