“หนูกลับคอนโดเองได้สบายมากค่ะ ไม่ต้องให้คนที่บ้านคอยรับส่งหนูแล้ว ปีสี่แล้วนะคะ.. ไว้ใจลูกสาวคนนี้ได้แล้วค่ะคุณพ่อขา”
น้ำเสียงใสกังวานตอบกลับผู้เป็นพ่ออย่างร่าเริง เหมือนทุกครั้งที่ได้รับสายจากท่านไชยิน เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญุด้านอสังหาริมทรัพย์ของธารีย์สมุทร พ่อหม้ายที่ยังคงดูภูมิฐานแม้ว่าอายุเลยไปถึงสี่สิบกว่าเข้าให้แล้ว
ตั้งแต่ลูกสาวที่เขาประคบประหงมมาอย่างดี ต้องย้ายออกมาจากบ้านมาอยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัย คนเป็นพ่อก็อดห่วงไม่ได้ ถึงขนาดยังสั่งให้คนคอยรับส่งเธออยู่ตลอด
แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้เธอจะมีคนคอยรับส่งใหม่ ในระดับดีกรีผู้นั่งเก้าอี้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอลเจกรุ๊ปเช่นกัน
( ตามใจเราก็แล้วกัน แต่ต้องดูแลตัวเองให้ดี เข้าใจมั้ย )
“เข้าใจแล้วค่า คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ลูกสาวของพ่อเก่งที่สุดอยู่แล้วไง”
( ถ้าวันไหนหยุดก็กลับมาทานข้าวบ้านด้วยล่ะ พ่อจะเข้าครัวให้เอง )
“ได้เลยค่ะ เอาไว้ถ้ามีวันว่าง หนูจะกลับไปทานข้าวที่บ้านนะคะ”
เสียงหัวเราะจากประมุขของบ้านดังขึ้นเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ภาพตะวันเหลือบสายตาขึ้นเห็นร่างสูงของประธานเจียกำลังเดินกลับมาที่โต๊ะพอดี เธอเลยรีบพูดจบประโยคสนทนากับปลายสายก่อนอีกฝ่ายจะมาถึง
“งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ” ภาพตะวันเอ่ยตัดบท ก่อนแสร้งลอบมองไปทางอื่น ”รักพ่อนะคะ บายค่ะ”
เมื่อเห็นว่าประธานเจียเดินใกล้จะถึงโต๊ะ ภาพตะวันก็รีบจัดการเก็บมือถือใส่ในกระเป๋าผ้าตัวเองตามเดิม พลางใช้มือทัดหูเก็บผมที่ตกลงมาปรกหน้าออก
ทำไมเธอถึงประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาขนาดนี้ก็ไม่รู้..
“มีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าราบเรียบ
“แค่คุยกับคุณพ่อน่ะค่ะ” ภาพตะวันตอบกลับแล้วอมยิ้มมุมปากบางๆ
ที่จริงก็แทบจะฝืนยิ้มต่อหน้าเขาในเวลานี้ด้วยซ้ำ เพราะคำพูดของเพื่อนทั้งสองคนยังคงติดอยู่ในหัวไม่หาย
คนที่สมบูรณ์แบบอย่างเขาคงมีคนเข้าหามากมายไม่ซ้ำหน้า..
“อ่อ ถ้างั้นวันหลังฝากสวัสดีคุณพ่อเธอด้วยก็แล้วกัน”
“คะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากชายหนุ่ม มีเพียงรอยยิ้มหวานละมุนจากเขาส่งมาแทน
ในขณะเดียวกันอาหารหน้าตาน่ารับประทานก็ถูกจัดเสิร์ฟโดยพนักงานหญิงสาว หากทว่าดวงตาคู่คมของประธานเจียกลับไม่วอกแวก นอกจากมองภาพตะวันไม่ละสายตา
“ไม่ทานเหรอคะ ทำไมเอาแต่มองฉัน..”
“ฉันทำแบบนั้นเหรอ”
ไม่พูดเปล่าเจ้าของรอยยิ้มทะเล้นดูขี้เล่นก็นั่งเท้าคางมองเธอ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้เห็นว่าภาพตะวันชะงักงันไปต่อไม่ถูก
เขาชอบเวลาได้เห็นลูกแกะตัวขาวตื่นกลัว ริมฝีปากสีระเรื่อขบกัดเข้าหากันด้วยท่าทางไม่มั่นใจ ใบหน้าขาวที่แดงฉานนั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายกำลังหวั่นไหวต่อเขาไม่มากก็น้อย
“ค่ะ ทำแบบนั้นฉันเองก็ประหม่านะคะ” ภาพตะวันตอบกลับเสียงค่อยด้วยความเคอะเขิน
“อ่า ขอโทษที”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“อย่าโกรธฉันเลยนะ”
“ไม่.. ไม่ได้โกรธค่ะ”
ภาพตะวันรีบยกมือขึ้นโบกปฏิเสธทันที เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไป
ฉับพลันดวงตาคู่สวยก็เปล่งประกาย ในจังหวะที่ประธานเจียคลี่รอยยิ้มบางเบา จนภาพตะวันต้องเป็นฝ่ายหลบตาอีกครั้ง
“ไม่ได้โกรธสักหน่อยค่ะ แค่ประหม่าเฉยๆ เวลาคุณมองฉัน”
"สวยขนาดนี้จะละสายตาได้ยังไงล่ะ"
สิ้นประโยคเชิงตัดพ้อเบาๆ จากประธานเจีย ใบหน้าขาวราวไข่ปลอกก็เห่อร้อนไม่หยุด ยามถูกสายตาร้ายกาจมองด้วยความกะลิ้มกะเหลี่ย ดูมีเลศนัยมากมายที่สาวน้อยอย่างภาพตะวันตามเขาไม่ทัน
จนสุดท้ายเธอก็ยอมแพ้เขาไม่คัดค้านเจ้าตัวเรื่องนี้ นอกจากแยกกันรับประทานอาหารเงียบๆ ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยังติดในใจภาพตะวันไม่หาย
ทั้งที่อยากเอ่ยถามให้รู้ความ แต่ภาพตะวันกลับตั้งคำถาม
“ทำไมวันนี้ไม่ค่อยทานอาหารล่ะ หรือว่ารสชาติไม่ถูกปาก” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่ดันมือไวยื่นไปเชยปลายคางภาพตะวันที่งุดหน้าลงให้เงยขึ้น
วินาทีที่เธอเลื่อนสายตาสบกับเขา ฉับพลันหัวใจก็เต้นแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปฏิเสธไม่ออกเลยว่าผู้ชายอย่างประธานเจีย มีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจเธอ แล้วตอนนี้ก็เริ่มเข้ามามีผลกระทบเรื่อยๆ ซะด้วย
ใบหน้าคมคายหุบยิ้มลงทันทีที่เห็นสีหน้าของภาพตะวัน ก่อนดึงมือกลับแล้วเปลี่ยนเป็นประสานกันไว้ตรงหน้าแทน
แน่นอนว่าเขาสังเกตอยู่นานหลายนาที แล้วก็พบว่าเธอพยายามหลบตาเขาตลอดเหมือนไม่กล้าสู้หน้า จนทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ไร้ซึ่งบทสนทนาดูอึดอัดขึ้นมาทันที
“เธอคงไม่ได้ยินอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับฉันมาหรอกใช่มั้ย” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายกำแพงความเงียบ
“คะ” ภาพตะวันหลุดออกจากภวังค์ หลังเผลอปล่อยให้ความคิดมากมายตีกันในหัวเต็มไปหมด
“เมื่อกี้ฉันถามเธอว่า.. ได้ยินอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับฉันมาหรือเปล่า”
“ทำไมคุณพูดแบบนั้นล่ะคะ”
“เพราะวันนี้เธอดูแปลกกว่าทุกวัน”
“งั้น.. งั้นเหรอคะ”
เธอขานรับไม่เต็มเสียง พยายามหลบเลี่ยงการสบตากับคนตรงหน้าโดยตรง
มันเลยทำให้บรรยากาศแสนอึมครึมเหมือนพายุฝนใกล้จะตก เริ่มอึดอัดมากขึ้นทุกทีเพราะดูท่าทางของเธอแล้ว คงไม่กล้าปริปากบอกเขาก่อนแน่นอน
“ถ้าเธออยากรู้เรื่องฉันก็ควรถามฉันไม่ใช่คนอื่นสิ”
“ประธานเจีย”
“การที่เธอถามคนอื่นแล้วเชื่อว่าฉันเป็นคนแบบนั้นไปแล้ว มันน่าเสียใจอยู่เหมือนกันนะ จริงมั้ย”
สิ้นประโยคนั้นเจ้าของใบหน้าสวยหวานที่หลุบตามองไปทางอื่น ก็ค่อยๆ หันหน้ากลับมาสายตาวางที่ประธานเจียตามเดิม
คราวนี้เธอสบตาเขาโดยไม่ละไปไหน แม้จะรู้สึกหายใจไม่ค่อยทั่วท้องก็ตาม
“ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเลยเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเชิงเว้าวอน ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากเล็กๆ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวอึกอักไปต่อไม่ถูก
“คือฉัน..”
"หืม"
"ไม่.. เอ่อ ฉัน"
“ช่างเถอะ ถ้าเธอไม่พร้อมจะพูด ฉันก็จะไม่กดดันอะไร แค่ทานข้าวต่อให้อร่อยก็พอ”
เขาทิ้งท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ราวกับกำลังติเตียนเธอเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร หลังจากได้เห็นสีหน้าที่ดูวิตกกังวลตลอดเวลา อีกทั้งภาพตะวันยังไม่ค่อยรับประทานอาหารอีกต่างหาก
คำว่าไม่กดดันของเขานั่นแหละที่ทำให้เธอกดดันไม่น้อยเลย
ภาพตะวันงุดหน้าลงเล็กน้อย พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างใจเย็น แล้วระบายยิ้มส่งให้ชายหนุ่มที่กำลังทำหน้าแง่งอนใส่เธอ
“แปลว่าประธานเจียกำลังกดดันฉันอยู่ใช่มั้ยคะ”
“ฉันเหรอ”
เขาเอียงคอติดสงสัยเล็กน้อย หากแต่วูบหนึ่งในแววตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างน่าประหลาดใจ
“ฉันทำเหรอ”
“ค่ะ”
สิ้นเสียงขานรับสั้นๆ จากภาพตะวัน ชายหนุ่มก็หลุดยิ้มออกมา หลังตีหน้านิ่งใส่แต่กลับยิ้มมุมปากที่ได้เห็นท่าทีหวั่นไหวของเธอเมื่อครู่
“อดีตก็คืออดีต”
นัยน์ตาคู่สวยสบมองดวงตาคู่คม พยายามสะกดจิตตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ว่าไม่ให้ตกไปในภวังค์ที่เขาหว่านล้อมไว้
แต่ก็เหมือนจะพลาดเป้าไปทุกครั้ง..
“ฉันไม่รู้ว่าเธอได้ยินอะไรมาหรอกนะ แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นข่าวลือในอดีตต่างๆ นานาของฉัน” เขากล่าวอย่างสบายใจเฉิบ ไม่ได้มีท่าทีพิรุธแต่อย่างใด “แต่เธอจะตัดสินคนคนนึงจากอดีตงั้นเหรอภาพตะวัน ทั้งที่ตอนนี้ฉันอาจจะเปลี่ยนไปแล้วด้วยซ้ำ”
“ประธานเจีย”
“ปกติฉันไม่ชอบอธิบายเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ไม่สนด้วยซ้ำว่าคนพวกนั้นจะคิดยังไง”
ภาพตะวันนิ่ง เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
"แต่เพราะเป็นเธอหรอกนะ หือ ฉันถึงอยากอธิบายให้ฟัง ถ้าเธอถามฉันก็จะตอบให้"
“เพราะเป็นฉันเหรอคะ..”
“เพราะเธอพิเศษกว่าคนอื่น”
“คะ”
“คนพิเศษก็ต้องได้รับสิทธิที่พิเศษกว่าคนอื่นสิ ไม่ใช่เหรอ”
ประโยคเชิงถามกลับแฝงไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่แววตากลับดุดันดูเร่าร้อน ราวกับจะยั่วเธอผ่านการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อบริหารเสน่ห์ในคราเดียวกัน
“ฉันพิเศษเพราะเราเคยเจอกันมาก่อนเหรอคะ พิเศษแบบไหนเหรอคะ”
“ก็ไม่เชิง แล้วเธอไม่ชอบเหรอที่ได้สถานะนี้จากฉัน”
“คะ”
“เธอไม่ใช่เด็กแล้วนี่ภาพตะวัน ไม่รู้เหรอว่าสิ่งที่ฉันทำให้ทุกวัน.. มันพิเศษยังไง”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สบสายตาคู่สวยแน่น
ทุกคำพูดของประธานเจียมันเหมือนกับว่าเขาไม่ต้องการตอบตรงๆ กลับมา แต่ชอบตั้งคำถามเพื่อหว่านล้อมให้เธอเรียนรู้หรือคิดเองต่างหาก
“กะ.. การที่ประธานเจียทำแบบนี้กับฉัน มันฟังดูน่าอายนิดนึงค่ะฉันรู้ แต่.. แต่ประธานเจียชอบฉันเหรอคะ”
หลังเงียบไปหนึ่งอึดใจภาพตะวันก็โพล่งประโยคเมื่อครู่ออกไป จนทำให้สายตาของประธานเจียเปลี่ยนไปในทันที
เธอเดาไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่..
เพราะงั้นจากที่รู้สึกประหม่าอยู่แล้ว มันก็ยิ่งน่าอายเข้าไปอีกที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป
แววตาที่เรียบนิ่งดูไร้ซึ่งอารมณ์นั่น กำลังมองมาที่เธอพร้อมกับยื่นมือมากุมมือบางไว้ พลางลูบไล้เบาๆ อย่างอ่อนโยน
ความอบอุ่นและแพรวพราวในคราวเดียวกัน สะกดให้ภาพตะวันละสายตาไปจากเขาไม่ได้เลย
“ฉันไม่เคยให้ความหวังดีแบบนี้กับใครนักหรอก ถ้าไม่ได้ชอบ”
“คะ”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าชอบล่ะ”
“ประธานเจีย..”
“ถ้าฉันบอกว่าชอบเธอล่ะภาพตะวัน เธอจะทำแค่รับรู้เอาไว้หรือปฏิเสธฉันดี”