วันต่อมาหลังจากคุณหมอเข้ามาตรวจอาการของคนไข้เสร็จเรียบร้อยก็อนุญาตให้คินน์กลับบ้านได้ นายแพทย์หน้าตี๋รูปร่างดียังไม่ทันได้ออกจากห้อง ก็ได้เจอกับสองแฝดและน้ำปั่นที่เดินเข้ามาในห้องของคินน์พอดี
สามแม่ลูกไม่ได้นอนที่โรงพยาบาลเนื่องจากไม่สะดวก น้ำปั่นจึงหอบลูกกลับไปนอนที่บ้านแทน
“อ้าวคุณคนเมื่อวานนี่คะ” นายแพทย์วายุ พายุพักตร์ ทักทายน้ำปั่นด้วยน้ำเสียงดีใจ จากนั้นก็มองเลยไปยังสองแฝดที่แต่งตัวเหมือนกันทำให้แยกไม่ออกคนไหนพี่คนไหนน้อง
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
น้ำปั่นยกมือขึ้นมาไหว้คุณหมอหนุ่ม เธอไม่คิดว่าคุณหมอท่านนี้จะเป็นหมอประจำตัวของคินน์
เด็กแฝดเห็นแม่สวัสดีคุณหมอจึงยกมือขึ้นมาด้วย แม่บอกว่าเป็นเด็กต้องมือไม้อ่อนผู้ใหญ่ถึงจะเอ็นดู
“ซาหวัดดีคับลุงหมอสุดหล่อ” เต็มรักทักทายคนแรกพลางส่งยิ้มหวาน
“ซาหวัดดีคับลุงหมอ” ตามต่อด้วยพี่ชายอย่างเติมรักที่ยกมือขึ้นมาไหว้ลุงหมอขาชิด
“สวัสดีครับสองแฝด วันนี้แต่งตัวหล่อกันจังเลย ลุงหมอแยกไม่ออกแล้ว คนไหนลูกชิ้น คนไหนจัมโบ้”
เมื่อวานตอนที่อยู่ในห้องน้ำคุณหมอช่วยสองแฝดปลดซิปกางเกงจึงได้ทำความรู้จักกัน เขาจำได้สองแฝดสุดหล่อชื่อลูกชิ้นกับจัมโบ้
“คนนี้จัมโบ้ คนนี้ลูกชิ้น”
“ใช่เหรอครับ”
“คนนี้ลูกชิ้น คนนี้จัมโบ้”
“แกล้งลุงหมอกันใช่ไหม”
“คิกๆ” สองพี่น้องหัวเราะด้วยความชอบใจที่ได้แกล้งคนอื่นสำเร็จ มารดาจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคุณหมอหนุ่ม สรุปคนไหนพี่คนไหนน้อง
“เลิกแกล้งลุงหมอได้แล้วลูก คนนี้พี่ลูกชิ้น คนนี้น้องจัมโบ้ค่ะคุณหมอ”
“เมื่อวานไม่ทันแนะนำตัว ผมชื่อวายุครับ”
“ฉันชื่อน้ำปั่นค่ะ เป็นแม่ของสองแฝดแล้วก็เป็นภรรยาของคุณคินน์”
หญิงสาวแนะนำตัวอย่างไม่เคอะเขิน ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้คนป่วยที่กำลังสนใจบทสนทนาของทั้งสองคนอย่างไม่รู้ตัว
คินน์เสมองไปทางอื่นหลังจากได้สบตาน้ำปั่น เขาทำเป็นไม่สนใจเธอทว่าหูผึ่งอยากรู้ว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน
“บังเอิญจริงๆ มาเยี่ยมคุณคินน์กันเหรอครับ”
“ค่ะ น้ำพาลูกมาหาพ่อเขาน่ะค่ะ คุณหมอเป็นเจ้าของไข้ของคุณคินน์เหรอคะ”
“ใช่ครับ เพิ่งตรวจเสร็จ ถึงว่าผมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาสองแฝดที่แท้ก็เป็นลูกของคุณคินน์นี่เอง หล่อเหมือนพ่อไม่มีผิด”
“ช่ายยย พี่ลูกหล่อเหมือนพ่อจ๋า”
“น้องจั๊มก็หล่อเหมือนพ่อจ๋า ใช่ไหมคับพ่อจ๋า”
“ถูกต้องแล้วครับ หล่อเหมือนพ่อทั้งสองคนเลย”
คุณพ่อความจำเสื่อมเห็นด้วยกับลูกชาย ในเมื่อสองคนนี้เป็นลูกของเขาก็ต้องหล่อเหมือนเขา
สองแฝดยิ้มไม่หุบก่อนจะวิ่งไปหาบิดาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยความรวดเร็วโดยไม่ต้องมีใครบอก
คนพี่นอนขนาบข้างซ้าย คนน้องนอนขนาบข้างขวา ช่างเป็นภาพน่าเอ็นดูมากสำหรับคนมอง
“เหมือนแฝดสามเลยครับ สองแฝดเหมือนพ่อมาก”
“ใช่ค่ะ เหมือนยันนิสัย ไม่มีอะไรได้แม่มาเลยสักอย่าง”
“ได้พ่อก็ดีแล้ว ถ้าได้แม่ไม่อยากจะคิด”
คินน์เอ่ยเสียงเรียบ มุมปากกระตุกด้วยความชอบใจหลังจากเห็นสีหน้าของน้ำปั่น ส่วนคุณหมอหลุดขำเล็กน้อยคิดว่าสามีหยอกล้อภรรยาแต่ก็แอบคิดในใจ ถ้าเขาเป็นเธอคงเสียใจไม่น้อย ดูท่าคินน์จะปากร้ายไม่เบา
หญิงสาวทำเป็นหูทวนลมไม่อยากทะเลาะกับคนความจำเสื่อมแต่ยังปากหมาเหมือนเดิมให้เสียเวลา เพราะเธอมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย
“พี่ลูก น้องจั๊ม อยู่กับพ่อก่อนนะครับ แม่ไปส่งลุงหมอแป๊บนึง”
“คับ พี่ลูกจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน”
“น้องจั๊มจะเชื่อฟังพ่อจ๋าทู๊กกกอย่าง”
“ดีมากครับลูก คุณคินน์คะน้ำฝากลูกแป๊บนะคะ”
“แล้วคุณจะไปไหน”
“น้ำจะขอคุยกับคุณหมอสักครู่ เชิญค่ะคุณหมอ”
น้ำปั่นไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินนำคุณหมอออกไปจากห้องปล่อยให้พ่อลูกอยู่กันตามลำพัง เธอมีเรื่องจะถามคุณหมอแต่ไม่อยากให้คินน์ได้ยิน
คินน์หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่รู้ตัว หลังจากเห็นแม่ของลูกพูดกับคุณหมอวายุอย่างสนิทสนม เหมือนรู้จักกันมานานทั้งที่เพิ่งรู้จักกันเอง
ถึงเขาจะจำทุกอย่างไม่ได้แต่เธอก็ไม่ควรให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าพ่อของลูกไม่ใช่เหรอ
แล้วเธออยากคุยกับคุณหมอเรื่องอะไร ชายหนุ่มถามตัวเองก่อนจะดึงสติกลับมาให้ความสนใจลูกแฝด
“พ่อจ๋าคับ ไหนของเล่นของพี่ลูก”
เด็กอ้วนแบมือทวงของเล่นจากบิดาตาแป๋ว เติมรักจำได้แม่นก่อนจากกันพ่อบอกว่าหลังกลับมาพ่อจะซื้อของเล่นมาฝาก แล้วไหนของเล่นตามสัญญา
“ช่ายยย พ่อจ๋าจะซื้อมาฝาก ไหนคับของเล่น”
เด็กอ้วนคนที่สองแบมือทำตามพี่ชาย ของเล่นเยอะๆ เท่าภูเขาอยู่ไหนเหรอทำไมน้องจั๊มไม่เห็นเลย สองพี่น้องทำท่าทางแบมือเหมือนกันแต่เอียงคอคนละทาง ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน
คุณพ่อถึงกับไปไม่เป็นเพราะลืมไปหมดทุกอย่าง ของเล่นอะไรหว่า เขาไปให้สัญญากับสองคนนี้ตอนไหน พยายามจำยังไงก็จำไม่ได้อยู่ดีจึงยิ้มแห้งส่งให้เจ้าหนูความจำดีแทน ไม่ว่าเรื่องไหนสองแฝดจำได้หมดอย่าได้ให้คำสัญญาเชียว
“เอ่อ พ่อบอกพวกหนูสองคนแบบนั้นเหรอ”
ตอนนี้เขาแทนตัวเองว่าพ่อได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจถึงจะไม่มีผลตรวจออกมายืนยันก็ตาม
ความน่ารักพูดเก่งทำให้คินน์เชื่อว่าสองหนุ่มน้อยคือลูกของเขาจริง แต่เขาก็ยังต้องการให้น้ำปั่นพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อความสบายใจ
“คับ น้องจั๊มจำได้แม่น พ่อจ๋าบอกว่ากลับมาจะซื้อให้เยอะๆ”
เต็มรักกางแขนออกกว้าง ในหัวเต็มไปด้วยภาพของเล่นกองพะเนิน
“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอลูก” คุณพ่อทำเป็นไม่เชื่อทำให้ลูกชายคนโตต้องรีบอธิบายอีกคน ว่าของเล่นที่พ่อสัญญาจะเอามาให้นั้นมีเยอะมากขนาดไหน
“เยอะเท่าภูเขาเลย ไหนคับของเล่นของพี่ลูก” เด็กน้อยรอคอยอย่างมีความหวัง จ้องมองพ่อจ๋าตาแป๋วทำให้คินน์รู้สึกผิด
“พ่อจ๋าขอโทษ พ่อจ๋าจำอะไรไม่ได้เลย เอางี้พวกหนูอยากได้อะไรมาเลือกเลย”
ถึงคุณพ่อจะความจำเสื่อมแต่ยังสายเปย์เหมือนเดิม
คินน์เอาโทรศัพท์ออกมาจากนั้นก็กดเข้าไปยังแอปพลิเคชันเพื่อให้ลูกชายเลือกซื้อของเล่นตามที่ต้องการ
เด็กฉลาดรีบขยับเข้าไปนั่งใกล้บิดาก่อนจะชะโงกหน้าดูจอโทรศัพท์ ของเล่นเยอะมากเลย สองหนุ่มน้อยอยากได้ทุกชิ้น
“น้องจั๊มจะเอาอันนี้คับพ่อจ๋า”
เต็มรักตาโตเท่าไข่ห่านหลังจากเห็นของที่อยากได้ทว่าพี่ชายกลับแย้งเสียงขุ่นเพราะกลัวมารดาจะโกรธ
“อันนี้มีแล้ว ซื้อไม่ได้นะน้องจั๊ม แม่จ๋าบอกว่าเปลืองเงิน”
เติมรักคิ้วชนกันทำเหมือนผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก ทั้งที่ตัวเองก็อยากได้ไม่ต่างจากน้องชาย
“แต่น้องจั๊มอยากได้สีเหลือง พ่อจ๋าคับซื้ออีกได้ไหม” อยากได้ก็ต้องได้เด็กน้อยรีบหันไปอ้อนพ่อพลางกะพริบตาปริบๆ ดูทำหน้าเข้าแล้วพ่อจะไม่ตกลงได้เหรอ
“ที่บ้านมีแล้วเหรอลูก แต่คนละสีใช่ไหมครับ”
“คับ ที่บ้านมีสีดำ น้องจั๊มอยากได้สีเหลือง”
“อยากได้ก็ซื้อเลย พี่ลูกเอาด้วยไหม”
“ไม่เอาคับ พี่ลูกจะเอาอันนี้”
แฝดพี่ชี้ไปยังหุ่นยนต์รุ่นใหม่ ดวงตากลมโตวาววับขึ้นมาทันทีหลังจากเห็นพ่อจิ้มเข้าไปดูให้เห็นเต็มตัว อยากได้พี่ลูกอยากได้มาก ประโยคนี้ดังก้องในหัวของเติมรัก ส่วนเต็มรักยังคงอยากได้ของเล่นอันเดิม คินน์จึงทำการสั่งซื้อตามที่ลูกต้องการ
สามพ่อลูกช็อปปิงของเล่นชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนกระทั่งน้ำปั่นกลับมา เธอเห็นพ่อลูกสุ่มหัวกันจ้องโทรศัพท์ จากนั้นก็จิ้มๆ มันต้องมีเรื่องไม่ถูกไม่ควรแน่ คุณแม่เดินไปยืนปลายเตียงก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ทำอะไรกันอยู่สามคนพ่อลูก ทำไมถึงสุ่มหัวกันแบบนั้น”
หญิงสาวเอามือขึ้นมากอดอกมองหน้าสามพ่อลูกสลับกันอย่างไม่ไว้ใจ
“เรื่องของเราสามคน เนอะพี่ลูกน้องจั๊ม”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากไม่ยอมบอก ทว่าลูกชายกลับโพล่งออกมาด้วยความดีใจที่พ่อซื้อของเล่นชิ้นใหม่ตามสัญญา แถมยังซื้อเยอะเท่าภูเขาด้วย
“พ่อจ๋าใจดีซื้อของเล่นให้พี่ลูกกับน้องจั๊ม” เติมรักเป็นคนบอก ส่วนเต็มรักเป็นฝ่ายเสริมด้วยการพยักหน้า
“กี่ชิ้นครับพี่ลูก น้องจั๊มครับไหนบอกแม่มาสิ สั่งมาเยอะไหม”
คุณแม่เห็นสีหน้าของลูกชายแล้วก็พอจะเดาได้
“เท่าภูเขา” เต็มรักวาดแขนไปกลางอากาศ
“จิ้มๆ สั่งๆ พ่อจ๋าบอกตามสบาย” เติมรักจำคำพูดของบิดาได้อย่างแม่นยำทำให้คนความจำเสื่อมหลุดยิ้ม
เจ้าสองแฝดคู่นี้ทำไมน่ารักจัง เขาอยากจำเรื่องราวในอดีตให้ได้เร็วๆ แล้วสิ อยากรู้ตอนลูกยังเล็กจะมีความซนมากขนาดไหน โดยเฉพาะตอนวัยทองสองขวบ เด็กวัยสองถึงสามขวบกำลังน่ารัก
“ส่งโทรศัพท์มาให้น้ำดูหน่อยค่ะ จิ้มไปกี่ชิ้นแล้ว” คุณแม่แบมือขออยากดูเหลือเกินสามคนพ่อลูกซื้อของไปมากขนาดไหน
“สั่งไปไม่กี่อย่างเอง แค่นี้ขนหน้าแข้งของผมไม่ร่วงหรอก อยากดูก็เอาไป”
คินน์ยื่นโทรศัพท์ให้น้ำปั่นพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ซื้อของเล่นให้สองแฝดแบบจุใจ อยากได้ก็จิ้มเอา พ่อของพวกหนูรวยมาก
คุณแม่ตรวจดูของที่ซื้อเสร็จก็ต้องอุทานด้วยความตกใจ คุณพระคุณเจ้าราคาที่ต้องจ่ายเกือบเจ็ดหลักเลยเหรอ ระบบคิดเงินผิดไหมเธอขยี้ตาดูอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าถามคุณพ่อสายเปย์
“ทำไมเยอะแบบนี้คะ ซื้อมาเล่นหรือมาขาย”
“ก็ต้องซื้อมาเล่นสิ เนอะลูก”
“คับ แม่จ๋าอยากได้ไหม พี่ลูกยกให้หนึ่งชิ้น”
“น้องจั๊มแบ่งให้แม่จ๋าด้วยก็ได้”
“คุณคินน์ตามใจลูกตลอด ยกเลิกได้ไหมมันสิ้นเปลือง”
“ห้ามยกเลิก เงินผมไม่ใช่เงินคุณ”
“แต่คุณคินน์คะ” / “ผมจะซื้อให้ลูก น้องจั๊มกับพี่ลูกอยากได้ใช่ไหมครับ”
“อยากได้มากเลยคับพ่อจ๋า”
“อยากได้สุดๆ พี่ลูกอยากเล่นแล้ว”
“จัดไปครับ”
“พี่ลูกรักพ่อจ๋า”
“น้องจั๊มก็รักพ่อจ๋า”