ฮูหยินเหลียนกอดร่างบางของบุตรีเอาไว้แนบอก พร้อมกับหลั่งน้ำตาของความเสียใจในหลายวันมานี้ ในที่สุดบุตรีของนางก็ยอมออกมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเสียที
"ยังมีพ่อกับแม่ และพี่ชายอยู่ตรงนี้ทั้งคน อย่าได้เสียใจอันใดอีกเลย ในเมื่อตอนนี้เจ้าคิดได้แล้วก็อย่าได้เสียใจอีกต่อไป ต่อจากนี้ก็ให้เริ่มต้นใหม่เสียเถิด พวกเราจะเป็นกำลังใจให้เจ้าอยู่ตรงนี้"
นางลูบไปที่ศีรษะของบุตรสาว อย่างรักใคร่ น้ำตาแห่งความดีใจเอ่อล้นออกมา ความอัดอั้นตันใจที่เห็นบุตรสาวระทมทุกข์เช่นนั้น ได้ ปลดปล่อยมันออกมาเสียที…
บุรุษอีก 2 คนก็เข้ามาสวมกอด พวกนางเอาไว้อย่างดีใจเช่นเดียว กัน ภาพที่พวกเขากอดกันร่ำไห้ในตอนนี้ ถึงกับทำให้คนที่แอบเฝ้ามองดูนางอยู่ รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตนไม่ได้
ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่มีความกล้าที่จะไปสู้หน้านาง เขาทำได้เพียงลอบเข้ามาดูนางอยู่ห่างๆ เช่นนี้ เพราะสิ่งที่เขาได้ทำลงไปกับนางก่อนหน้านี้ หากเขาเจอหน้านางในตอนนี้ เขาก็ยังไม่สามารถที่จะให้คำตอบกับนางได้อยู่ดี เขาจะต้องจัดการความสัมพันธ์ของเขา และสตรีอีกนางหนึ่ง ให้ชัดเจนเสียก่อน เมื่อถึงตอนนั้น เขาถึงจะมาหานางอย่างภาคภูมิโดยที่ไม่ได้รู้สึกผิดเช่นในตอนนี้
และเขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่านางจะรอเขาจนถึงตอนนั้นได้…
"ท่านอ๋อง" เมื่อองครักษ์เฟิงมู่และเฟิงเหยา เห็นว่าเจ้านายของตน จ้องมองไปยังภาพเบื้องหน้าอย่างรู้สึกผิด และไม่ได้กล่าวอันใดออกมาเนิ่นนาน พวกเขาก็ให้รู้สึกเห็นใจกับทั้ง 2 คนเป็นอย่างมาก
เฟิงมู่และเฟิงเหยา คือองครักษ์ เงาที่เขาได้ส่งไปดูแลความปลอด ภัยให้กับลี่หรูที่ผ่านมานั่นเอง ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนถึงได้ทราบเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดเป็นอย่างดี พวกเขาจึงอดที่จะรู้สึกสงสารชินอ๋องเหวินเฟยหลงและคุณหนูลี่หรูไม่ได้
"เปิ่นหวางจะกลับแล้ว พวกเจ้าก็คอยอารักขานางอยู่ไกลๆ อย่าให้นางรู้ตัว"
"รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ" เมื่อชินอ๋องได้สั่งความไว้กับลูกน้องของเขาเสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว เพราะเขาเองก็รู้สึกไม่ดีที่เป็นตัวต้นเหตุ ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
ในอีกมุมหนึ่ง สตรีผู้ที่มีใบหน้างดงาม ก็ได้จ้องมองไปที่ภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าเมื่อสักครู่นี้เช่นกัน ความรู้สึกมากมายกำลังถาโถมเข้ามาในจิตใจของนางอย่างท่วมท้น นางเองก็รู้สึกเจ็บปวดมิต่างกันกับสตรีผู้นั้น ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา นางแกล้งทำเป็นว่า ตนเองยังมีร่างกายที่อ่อนแอ และไม่สามารถที่จะรับเรื่องราวสะเทือนใจอันใดได้ เพื่อที่จะรั้งให้เขาอยู่เคียงข้างนางเช่นนี้
นางคิดว่าเมื่อทำเช่นนี้แล้ว จะทำให้นางมีความสุข ที่อย่างน้อยก็สามารถรั้งเขาให้อยู่กับนางได้ แต่เหตุใดในหัวใจของนางถึงได้มีแต่ความเจ็บปวด เมื่อได้เห็นว่าในช่วงเวลาที่ชินอ๋องอยู่กับนางนั้น เขาหาได้มีความสุขอย่างแท้จริง…
"เหตุใดถึงได้แกล้งทำเป็นว่าร่างกายของเจ้ายังอ่อนแออยู่เช่นนั้นอีก เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถฉุดรั้งบุรุษผู้นั้นให้อยู่กับเจ้าได้เช่นนั้นหรือ เหตุใดถึงไม่ยอมรับความจริง"
ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น เซียวซูหนี่ว์รีบหันไปตามเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว นางจำได้ดีว่าเสียงๆ นี้เป็นเสียงของผู้ใด เพราะตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมานั้นบุรุษผู้นี้คอยเฝ้าดูแลอยู่เคียงข้างนางตลอดเวลา และเขาก็ได้ตั้งชื่อให้กับนางว่าไป๋เหลียน
ในช่วงที่ความทรงจำของนางยังไม่กลับมา นางก็มีความรู้สึกลึกซึ้งให้กับบุรุษผู้นี้เช่นกัน แต่เมื่อความทรงจำของนางได้กลับคืนมาทั้งหมดแล้ว นางจึงสลัดความรู้สึกที่มีต่อบุรุษผู้นี้ทิ้งไป และเดินทางมาเมืองหลวงในขณะที่เขาต้องเดินทางไปทำธุระที่ต่างเมือง
"เยว่เกอ เหตุใดท่านถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ได้"
"เป็นข้าที่ต้องถามเจ้ามิใช่หรือ ไป๋เหลียน เหตุใดถึงได้จากมาโดยมิร่ำลา เหตุใดต้องโกหกบุรุษผู้นั้นในเมื่อร่างกายของเจ้าตอนนี้ มิได้อ่อนแอเหมือนอย่างเช่นที่ผ่านมาแล้ว ในเมื่อท่านพ่อได้ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรังของเจ้าจนหายสนิทแล้ว และเหตุใดเจ้าถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้? "
"ข...ข้า...คือว่า"
"บุรุษผู้นั้นคือคนรักของเจ้าหรือ" น้ำเสียงเบาหวิวจนคล้ายจะเป็นเสียงกระซิบของเขา ถามนางออกมาอย่างจริงจัง ในน้ำเสียงนั้น แสดงถึงถ้อยคำตัดพ้อให้ผู้ฟังได้รับรู้อย่างชัดเจน
แค่เพียงเซียวซูหนี่ว์ได้ยินถ้อยคำนั้นของจางเยว่เทียน นางก็ได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นที่ในอกอย่างกระทันหัน จนนางต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าอกตนเองไว้ เพื่อที่ว่าบางทีมันอาจจะช่วยลดทอนความเจ็บนี้ของนางไปได้บ้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับนางเช่นนั้นหรือ เหตุใดนางจะต้องรู้สึกเจ็บปวดกับคำถามนั้นของเขากัน
"เยว่เกอข้า…" เมื่อเห็นความลำบากใจปรากฏบนใบหน้างดงามนั้นของนาง เขาก็ให้รู้สึกฝืดเคืองในลำคอ แม้แต่จะกลืนน้ำลายลงคอยังรู้สึกยากลำบาก เรื่องราวที่เขาได้ตามสืบมาหลายวันนี้ คงจะเป็นเรื่องจริงสินะ นางได้ฟื้นความทรงจำทั้งหมดแล้ว และนางก็ได้มาตาม หาบุรุษคนรักของนาง เป็นเขาเองที่โง่เขลาคิดว่าที่ผ่านมานางมีใจให้กับตนเอง
"เป็นเช่นนั้นจริงๆ สินะ ไป๋เหลียนของข้านางคงได้ตายจากไปแล้วจริงๆ ตอนนี้คงเหลือไว้เพียงแค่ เซียวซูหนี่ว์ ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าข้าในตอนนี้สินะ"
"เยว่เกอ ข้าขอโทษ แต่ข้าคงไม่สามารถรับความรู้สึกนั้นของท่านเอาไว้ได้ เพราะในหัวใจของข้ามีเพียงบุรุษผู้นั้นเพียงผู้เดียว"
"ทั้งๆ ที่เจ้าก็รู้ว่าในหัวใจของเขาไม่ได้มีเพียงเจ้าเหมือนเดิมเช่นนั้นน่ะหรือ เหตุใดถึงได้เลือกที่จะอยู่อย่างเจ็บปวดเช่นนั้น เจ้าดูไม่ออกหรือ ว่าบุรุษผู้นั้นหาได้มีเพียงเจ้า ในหัวใจของเขามีสตรีอีกนางหนึ่งอยู่ เหตุนี้เขาถึงได้มาเฝ้าดูสตรีนางนั้นแทบทุกวัน แต่สำหรับเจ้าแล้วเพียงเพื่อจะฉุดรั้งให้บุรุษผู้นั้นอยู่เคียงข้าง ถึงขนาดหลอกลวงเขาเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีความสุขจริง ๆ เช่นนั้นหรือ"
ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมานี้ จางเยว่เทียนเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในตำหนักชินอ๋องอย่างใกล้ชิด จึงทำให้เขาได้ทราบว่า ชินอ๋องได้มาเฝ้ามองสตรีผู้นี้ทุกวัน ใบหน้าเจ็บปวดที่แสดงออกมาของชินอ๋อง ทำให้เขาได้รับรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วชินอ๋องรักสตรีที่ชื่อว่าเหลียนลี่หรูมากเพียงใด
และในทุกครั้งที่ชินอ๋องมาเฝ้ามองสตรีคนรักอยู่ไกลๆ ไป๋เหลียนของเขา ก็ได้เฝ้ามองบุรุษคนรักจากที่ไกลๆ อีกที่หนึ่งเช่นกัน เหตุใดมันถึงได้ซับซ้อนปานนั้น ทั้งๆ ที่นางรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่าง และเหตุใดนางถึงไม่เอาตนเองออกมาจากสถานการณ์อันเจ็บปวดนี้เสีย เขาพร้อมที่จะดูแลนางต่อจากนี้นางมิรับรู้ความรู้สึกของเขาเลยเช่นนั้นหรือ…
"เหลียนเอ๋อร์ กลับไปกับพี่เถอะนะ เจ้าอย่าได้ทนอยู่ในสถานการณ์อันเจ็บปวดเช่นนี้อีกต่อไปเลย"
"ไม่! เขาเพียงแค่หลงผิดไปชั่วครู่เท่านั้น เมื่อข้าได้อยู่เคียงข้างเขาเช่นนี้แล้ว จะทำให้เขากลับมารักข้าอีกครั้งเป็นแน่ เยว่เกอท่านกลับไปเถิด ข้าไม่เชื่อโดยเด็ดขาดว่าเขาจะหมดรักข้าแล้วจริงๆ "
"เหตุใดถึงได้ดื้อดึงไม่ยอมรับความจริงเช่นนี้เล่า แต่เอาเถิดในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น พี่ชายคนนี้ ก็คงจะไม่สามารถทำอันใดได้ แต่หากวันใดที่เจ้ายอมแพ้แล้วจริงๆ หากเจ้ารู้สึกว่ามันเจ็บปวดจนทนไม่ไหวแล้วล่ะก็ ก็ให้รีบออกมาจากที่ตรงนั้นเสีย ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เดิม
แต่ข้าอยากจะขอบอกกับเจ้าให้เจ้าได้รู้เอาไว้สักอย่าง ความแตกต่าง ระหว่างเจ้าและสตรีผู้นั้นคือ นางยอมรับความเป็นจริง นางยอมที่จะเจ็บปวด ยอมที่จะสูญเสีย แต่นางไม่ต้องการที่จะหลอกตนเอง แตกต่างกับเจ้า ที่ยังคงหลอกตนเองเช่นนี้ แล้วความเจ็บปวดมันจะหายไปได้เช่นไรเล่า? "
กล่าวจบจางเยว่เทียน ก็ใช้วิชาตัวเบาจากไปจากที่ตรงนั้นเสมือนกับว่าเขาไม่เคยยืนอยู่จุดนั้นมาก่อน แต่คำพูดที่เขาทิ้งเอาไว้เมื่อสักครู่นั้น ถึงกับทำให้เซียวซูหนี่ว์ กลั้นน้ำตาของนางเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
ใช่แล้ว…
นางเจ็บปวดกับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ในตอนแรกนางเพียงแค่คิดว่ามีเขาอยู่เคียงข้างนางตลอดเวลาเช่นนี้ จะทำให้นางมีความสุข และลืมความเจ็บปวดทั้งหมดลงไปได้ แต่แท้ที่จริงแล้วยิ่งเขาอยู่ใกล้นางมากเพียงใด ความเจ็บปวดของนางก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปทุกที เพราะในขณะที่นางสบตากับเขา นางพบว่าแววตาของเขานั้น หาได้มีนางอยู่ในนั้นอีกต่อไป