ตอนที่4 ตามรัก
จางเว่ยกับมิ้นใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะมาถึงประตูท่าแพที่ตั้งตระหง่าใจกลางเมือง โดยนอกประตูนั้นจะเป็นลานกว้าง และมีต้นไม้ขนาดใหญ่รอบล้อมด้วยปูน ไว้เป็นที่นั่งสำหรับพักผ่อน ซึ่งในเวลานี้มีแต่ผู้คนนับร้อยต่างฉีดน้ำใส่กัน ส่วนด้านหน้าจะเป็นถนนทึ่เต็มไปด้วยรถ อย่างเนืองแน่น และริมฝั่งถนนมีทั้งโรงแรมร้านค้านานาชนิด ส่วนฝั่งซ้ายมือและขวามือเป็นคูน้ำที่ไหลผ่านรอบคูเมือง
"คนเยอะมากเลยนะ ที่บ้านผมไม่มีแบบนี้เลย"จางเว่ยสอดสายตาไปมาด้วยความอยากรู้
"ไม่มีก็ถ่ายรูปเก็บไว้ซิ"
"มิ้นถ่ายร่วมเฟรมกับผมด้วยนะ ผมจะได้เปิดดูเมื่อคิดถึงมิ้น ตอนผมกลับประเทศจีนแล้ว"จางเว่ยพูดจากใจที่ไม่ทันได้คิด
เมื่อมิ้นได้ยินคำหวานจากจางเว่ย เธอก็อมยิ้มและแสร้งหันไปทางอื่น
"ผมได้ที่ถ่ายรูปแล้วครับ"
"ตรงไหน"มิ้นถามและมีสีหน้าสงสัย
จางเว่ยไม่ยอมบอกแต่เขามาจับมือมิ้น และจูงเดินไปที่ป้ายประตูท่าแพ ที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาพื้นเมือง
"ถ่ายเดี๋ยวก่อนนะ มิ้นไปยืนเลยเดี๋ยวผมถ่ายให้"จางเว่ยพูดไปพลางหยิบโทรศัพท์ออกจากซองกันน้ำ
ช่วงแรกมิ้นมีทีท่าจะไม่ถ่าย แต่ก็เปลื่ยนใจเพราะกลัวจางเว่ยเสียน้ำใจ มิ้นจึงเดินไปข้างๆป้ายประตูท่าแพ และยิ้มพอให้เห็นไรฟันที่ขาวเรียงเป็นระเบียบ
"วันทูทรี"จางเว่ยกดซัตเตอร์สองรอบ
เมื่อจางเว่ยถ่ายรูปของเธอเสร็จ มิ้นจึงเดินมาตรงที่จางเว่บยืนอยู่
"เดียวมิ้นจะถ่ายให้"มิ้นรับโทรศัพท์จากจางเว่ย
ส่วนจางเว่ยเดินไปที่เดิมของมิ้น และยืนนิ่งเป็นตัวตรง จนมิ้นอดขำในใจไม่ได้ ซึ่งมิ้นส่องดูรูปที่จะถ่ายแล้ว เธอจึงเปลื่ยนใจหยุดกดซัตเตอร์ แล้วส่งเสียงบอกจางเว่ย
"ยิ้มหน่อยซิ"
จางเว่ยผู้ยิ้มยาก เขาจึงฉีกยิ้มกว้างตามคำสั่งของมือกล้องสาว
"ต้องแบบนี้ซิถึงจะหล่อ"
หลังจากนั้นเธอนับวันทูทรีแล้วก็ถ่ายอยู่สองรอบ ทันใดนั้นนั่นเองจางเว่ยก็กวักมือเรียกมิ้นให้ไปถ่ายรูปด้วยกัน มิ้นจึงเดินเข้าไปหาจางเว่ยและเข้าไปยืนข้างๆ จนร่างกายทั้งสองขิดติดกัน และมิ้นจีงยกมือถือขึ้นส่องมาตรงหน้าทั้งสอง
จางเว่ยเห็นว่าใบหน้าห่างกันเกินไป เขาจึงเอียงคอใหัเข้ากล้องทั้งใบหน้า ส่วนมิ้นยังอยู่ในท่าเดิมและยิ้มทันทีที่กำลังจะกดซัตเตอร์ ส่วนจางเว่ยก็ยิ้มตามมิ้น
"มันต้องอย่างนี้ถ่ายรูปน่ะยิ้มบ้าง"
"ครับ"
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเลื่อนดูรูป ที่พึ่งถ่ายกันมาก็ได้มีเสียงผู้ชายดังอยู่ข้างหลัง
"มาไม่รอกันเลยครับ"มาร์คหนุ่มฝรั่งพูดด้วยความหงุดหงิด
มิ้นและจางเว่ยหันหน้ามาพร้อมกัน จางเว่ยนั้นสีหน้านิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และนำโทรศัพท์มือถือใส่ซองตามเดิมส่วนมิ้นรู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนพูดอะไรไม่ออก
นรีที่มาพร้อมกับมาร์คเห็นทั้งสามนิ่งเงียบ เธอจึงยกปืนฉึดน้ำ ฉีดใส่ทั้งสามจนเปียกชุ่มทับรอยเดิม
"มาเล่นน้ำกันเร็ว"
จางเว่ยเริ่มสนุกอีกครั้งจึงฉีดน้ำใสนรี ส่วนมิ้นก็เช่นกัน มีแต่มาร์คแอบมองจางเว่ยแบบเคืองๆ จึงยกปืนฉีดน้ำจ่อไปที่หน้าจางเว่ย และฉีดใส่ไม่ยั้ง ส่วนจางเว่ยจึงเปลื่ยนจากฉีดใส่นรีมาตอบโต้ทันควัน ทั้งคู่ฉีดน้ำใส่กันไม่ยั้งโดยไม่มีการยอมแพ้กัน ซึ่งมีนรีกับมิ้นยืนดูอย่างเคร่งเครียด เพราะกลัวจะมีเรื่องทะเละวิวาทให้เป็นข่าว แต่แล้วสิ่งที่มิ้นและนรีกลัวก็ไม่เกิดขึ้น เพราะน้ำในกระบอกปืนได้หมดเสียก่อน
"นึกว่าจะมีเรื่องซะแล้ว"นรีกระซิบข้างหูมิ้น
"ดีแล้วที่ไม่มีอะไร แล้วเอาไงต่อดี"
"ก็ไปเดินตามคูเมืองนั่นแหล่ะ ถ้าทะเลาะกันจะได้ผลักตกน้ำ"
"บ้าพูดไปเรื่อย"
มาร์คและจางเว่ยหยุดฉีดน้ำใส่กัน ต่างหันหลังให้กันโดยไม่ให้เห็นสีหน้าซึ่งกันและกัน มาร์คนั้นยิ้มแค่มุมปากด้วยความสะใจ ส่วนจางเว่ยเม้มปากแน่นด้วยความโกรธ
"สองหนุ่มสนุกพอกันแล้วใช่มั้ย นั้นไปกันต่อเสียเวลวจริงๆ"นรีแกล้งบ่นและเดินนำหน้า แต่ไม่มีใครเดินตามเธอมาเลย
"เอาไม่ไปกันใช่มั้ย มิ้นกลับ"
"ไป"มาร์คกับจางเว่ยพูดพร้อมกัน
มิ้นซึ่งยืนดูสองหนุ่มแล้วหัวเราะเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้า แล้วเธอก็รีบเดินไปเดินข้างๆนรี ซึ่งเธอไม่อยากเดินคู่กับมาร์คและจางเว่ยพร้อมกัน เพราะเธอกลัวสายตาคนรอบข้าง ที่คงจะมองมิ้นในแง่ไม่ดี
สองฝากฝั่งที่เต็มไปด้วยผู้คน หลากหลายเชื้อชาติที่กำลังสนุกสุดเหวี่ยงจากการเล่นน้ำ ซึ่งทำให้จางเว่บคลายความแค้นเคืองลงบ้าง ยิ่งได้น้ำเย็นๆจากสองฝากทาง ทำใหจางเว่ยอารมณ์ดีขี้นกว่าก่อนหน้านี้ ส่วนมาร์คเป็นคนอารมณ์ดีเป็นทุนเดิม ยิ่งเขาได้เห็นสิ่งต่างๆที่แปลกตาออกไป จึงทำให้ลืมเรื่องที่จะแกล้งจางเว่ยไปโดยไม่รู้ตัว
ส่วนสองสาวที่เดินนำหน้า ที่ลืมไปว่ามีสองเดินตามหลัง จนกระทั่งนารีฉุกคิดได้จึงหันหลังมามอง ซึ่งสิ่งที่นรีมองเห็นต่างฝ่ายต่างเดินไม่คุยกัน เพียงแต่สิ่งที่แปลกตาออกไป ก็คือทั้งสองได้มีสีหน้าที่มีความสุขมากขึ้น
"มิ้นหยุดรอสองหนุ่มก่อนเถอะ"
"ศึกสงบแล้วเหรอ"
"คงงั้น"นรีพยักหน้า
เมื่อสองสาวหยุดเดินและหันหลังกลับมา สองหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรีบเดินมาหาทันที
"นึกว่าจะไม่หยุดรอซะแล้ว"มาร๋คพูด
ส่วนจางเว่ยไม่พูดอะไร เขารีบเดินไปยืนคู่กับมิ้นในทันที
"นี่ก็เที่ยงแล้วเราไปหาอะไรกินกันมั้ย"นรีสองมาร์คทีจางเว่ยที
"ก็ดีครับ ผมกำลังหิวพอดี แล้วมิ้นล่ะครับ"จางเว่ยก้มมองหน้ามิ้น
"มิ้นก็หิว นั้นเราไปกันที่ไหนดีเปียกอย่างนี้"
"ไม่เห็นยากก็กินร้านข้างทางนั่นแหล่ะ สะดวกดี"
"มาร์คกับจางเว่ยจะกินได้เหรอ"
"ไม่ได้ก็ต้องกินอยากมาจีบสาวไทยนี่"
"เอาอีกแล้ว "มิ้นมองค้อนนรี
นรีไม่สนใจมิ้นเพราะเธอออกจะรำคาญ ที่มิ้นมักจะคิดถึงคนอื่นมากเกินความพอดี แล้วนรีก็สอดสายตามองข้างทาง และเธอก็เห็นร้านอาหารกลางแจ้ง ทึ่อยู่ในซอยไม่ไกลนัก
"พวกเราเข้าไปในซอยนั่น เราเห็นร้านขายข้าวอยู่"นรีชี้มือเข้าไปในซอย
ทั้งสี่หนุ่มสาวจึงเดินไปที่ร้านอาหารตามสั่ง ที่ร้านเป็นเพียงรถเข็นที่มีอุปกรณ์ประกอบอาหารครบครัน ส่วนโต๊ะและเก้าอี้เป็นพลาสติกทั้งหมด โดยมีร่มคันใหญ่กางอยู่ด้านข้าง
เมื่อทั้งสี่นั่งลงก็มีป้าแก่ๆ ถือเมนูมายื่นให้และรอจดทันที
"หนูเอาผัดกระเพราหมูเผ็ดๆค่ะ"มิ้นยิ้มให้ป้าแก่ๆ
"หนูก็เอาเหมือนกันค่ะ"นรียื่นเมนูให้สองหนุ่ม
มาร์คนั้นไวกว่าจางเว่ยจึงคว้ามาดูคนเดียว ส่วนจางเว่ยก็แอบชำเลืองมอง
"ผมเอาข้าวผัดไก่ครับ"มาร์คยื่นเมนูให้ป้าแก่ๆทันทีทึ่สั่งเสร็จ
"ผมยังไม่ได้สั่ง เอามานี่" จางเว่ยยื่นมือไปหยิบเมนูจากมาร์ค
"นึกว่าไม่กินเห็นนั่งเงียบ"มาร์คอมยิ้ม
จางเว่ยไม่ตอบโต้ใดๆ เขามัวยุ่งกับเมนูอาหาร
"ผมขอคะน้าหมูกรอบครับ เผ็ดมั้ย"จางเว่ยหันหน้าถามป้าแก่ๆ
"แล้วแต่จะสั่ง"
"ผมขอแบบไม่เผ็ดครับ"
"ค่ะ"ป้าแก่ๆรับคำและรับเมนูคืน
สักพักป้าแก่ๆคนเดิมก็ตะโกนขึ้น
"น้ำตักเองนะ"
นรีกับมิ้นจึงลุกขึ้นไปตักน้ำในกระติกคนละสองแก้ว เมื่อมิ้นมาถึงที่โต๊ะเธอก็ไม่รู้จะยื่นน้ำอีกแก้วให้ใครดี ระหว่างมาร์คกับจางเว่ย พอนรีมาถึงเห็นอาการชะงักของมิ้น นรีจึงรู้ทันทีเธอจึงเอาน้ำอีกแก้วให้มาร์ค ส่วนอีกแก้วเธอไว้ดื่มเอง ส่วนมิ้นเห็นนรีแก้ไขสถานการณ์ให้ เธอจึงยื่นแก้วน้ำให้จางเว่ย
"ขอบคุณครับ"จางเว่ยยิ้มละมุน
นรีเห็นนั่งเงียบกันหมด เธอจึงชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบ
"จางเว่ยมาประเทศไทยครั้งแรกหรือเปล่า"
"ครับ"จางเว่ยพยักหน้า
"มาร์คล่ะ"
"มาทุกปีครับปีนี้ปีที่ห้าแล้วครับ"
"ว้าว"นรีอุทาน
จางเว่ยชำเลืองมองมาร์คแว่บนึง
"มาอยู่กี่วัน"มาร์คถามจางเว่ย
"สิบห้าวัน"จางเว่ยพูดโดยไม่มองหน้า
"ผมสามเดือนครับ"มาร์คยิ้มอย่างมัความสุข ที่ได้อยู่นานกว่าจางเว่ย
เมื่อจางเว่ยได้ยินเช่นนั้น เขารีบหันหน้ามาทันที แต่เขาก็เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของมาร์ค จางเว่ยจึงหันกลับทันควัน