ไม่มีทางปล่อย

1126 คำ
หลังจากที่พวกเราทานข้าวอิ่มแล้วก็กลับเข้ามาในบริษัทตามเดิม ส่วนฉันก็เดินเข้าห้อง ส่วนตัว แล้วหยิบมือถือเพื่อที่จะโทรหากุ้งนาง แต่เขื่อนก็ดันโทรเข้ามาซะก่อน "ฮัลโหล" ฉันรับสายของเขื่อนแล้วก็หมุนเก้าอี้หันหลังให้ประตูทางเข้าเพื่อคุยโทรศัพท์ (เป็นไงเริ่มงานวันแรก โอเคดีไหม) เขื่อนถามฉัน แต่ฉันเลือกที่จะไม่บอกในเรื่องที่ต้องการจะลืมหรอกนะ "ก็ดีนะ เรายังไม่ได้งานสักนิดเลย ช่วงเช้าเข้าไปคุยกับเจ้าของบริษัทมา" (เป็นไง ท่าทางใจดีไหม เขาบอกว่า เจ้าของที่นั้นหนุ่มๆ อยู่นิ แล้ว หล่อหรือเปล่า) "สู้ เขื่อนไม่ได้หรอกมั่ง เอ่อตอนเย็นแวะรับลูกให้หน่อยสิ เผื่อกลับค่ำ" (ได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง) ฉันคุยกับเขื่อนแล้วก็วางสาย ก่อนจะหมุนโต๊ะกลับมาที่เดิม แต่ก็ต้องตกใจแรงเพราะมีอีกคนยืนอยู่ "คุณ..ขุนพล!" "ตกใจอะไร ไม่ได้ยินที่ผมเดิมมาว่างั้น" "มีอะไรคะ" เขากระชับเท้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะของฉัน แต่สายตาที่มองมานั้น มันดูดุดันไม่น้อย "แค่จะแวะมาถามว่าทานข้าวที่ไหน" "ด้านล่างค่ะ" ฉันตอบเพียงสั้นๆ ก็ก้มหน้าเขี่ยมือถือเพราะนี่มันไม่ใช่เวลาทำงาน ตอนนี้พึ่งจะเที่ยงครึ่งเท่านั้น "แล้วไปทานกับใคร มีเพื่อนหรือเปล่า" ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขามาซักถามฉันทำไม หรือเพราะฉันมาใหม่ หรือเพราะเขายังปักใจกับเรื่องในอดีตกันแน่ "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ดิฉันมีเพื่อนทานแล้ว อีกอย่าง ดิฉันโตพอที่จะไปไหนมาไหนคนเดียว" ฉันเงยหน้าขึ้นมาตอบแล้วก็งุดหน้าลงตามเดิม แต่เข้ากลับโน้มตัวลงมาแล้วพูดกับฉัน "โตพอที่จะมีผัว แล้วก็มีลูกสินะ" ฉันชะงักไปกับคำพูดที่ดูไร้มารยาทสิ้นดี ไม่รู้ว่าเขาเป็นเจ้าของที่นี่ได้ยังไงกัน "นั้นมันเรื่องส่วนตัวของ ดิฉัน อีกอย่างคุณไม่ควรพูดแบบนี่ด้วยซ้ำเพราะ มันดูไร้มารยาท" ฉันเน้นน้ำเสียง ไม่คิดเลยงานวันแรกของฉัน แทนที่จะได้งานที่มีคุณภาพกับต้องมาเจอคน แบบนี้ซะได้ ฉันหมุนเก้าอี้หันหลังให้เขาทันที ในเมื่อเขาไม่มีมารยาทกับฉันก่อนทำไม ฉันต้องมีด้วย เจ้าของที่นี่แล้วไงถ้าไม่ให้เกียรติลูกน้องแบบนี้ ฉันก็ไม่นับถือ ไม่นานฉันก็ได้ยินฝีเท้าหนักนั้น เดินออกไป ส่วนฉันก็หันมาตามเดิมพร้อมกับถอนหายใจ ...เฮ้ย! ................................................................... ผมรีบเดินมาที่ห้อง เพราะหน้าชากับคำพูดที่ไม่ใยดีผม มินตรา คนนี้ดูไร้หัวใจกว่าเมื่อก่อนเยอะ เธอดูเข้มแข็งขึ้นมากกว่าแต่ก่อน คำพูดคำจา ก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเด็กผู้หญิงที่ไม่เจนโลกคนนั้นสักนิด เธอดูมีความมั่นใจกว่าแต่ก่อน และที่สำคัญ ที่ผมได้ยินไม่ผิดคือ เธอมีลูก เธอมีลูกแล้ว ผมถึงกลับนั่งเครียดเลยทีเดียว ก๊อกๆ "ขุน บรีฟที่ให้มาเมื่อวาน มึงให้ฝ่ายออกแบบไปแล้วใช่ปะ พอดีว่า เขาขอเพิ่มนิดหน่อย" ไอ้แก๊ปเพื่อนผมเดินเข้ามาแล้ว มันก็ไม่ได้มองสีหน้าผมสักนิด แถมใส่คำถามมารัวๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจที่จะตอบ เพราะในหัวคิดถึงเรื่องของมินตราอยู่ "ไอ้ขุน มึงฟังกูอยู่เปล่าเนี่ย" "เรื่องที่กูสั่งให้มึงไปสืบเรื่องมิน มึงเริ่มสืบได้เลยกูอยากรู้เรื่องตอนนี้ ว่าเขาอยู่ที่ไหน กับใครแล้วเขาแต่งงานหรือยัง" ผมเริ่มสั่งในสิ่งที่อยากรู้มากที่สุด จนไอ้แก๊ปมันทำหน้า งง "เดี่ยวนะ กูเข้ามาถามเรื่องงานไม่ได้ให้มึงมาสั่งไปสืบเรื่องคนอื่น" "ถ้างานนี้ ได้ข้อมูลเร็วกูจะเพิ่มเงินให้มึง" เพียงเท่านั้น จากที่อิดออดไม่อยากทำ มันกับยิ้มขึ้น "มึงพูดจริงป่ะเนี่ย" "กูจะโกหกมึงทำไม" ผมตอบเพื่อน ไม่นานไอ้แก๊ปก็ตกลง "รับรองเย็นนี้ มึงรู้เรื่อง" "ขอเร็วกว่านั้น" เพื่อนผมหมุนตัวออกจากห้องทำงาน พร้อมกับฝ้ายที่เดินสวนเข้ามา "ขุนมีอะไรกันหรือเปล่า งานด่วนหรอ ท่าทางแก๊ปรีบนะ" "เปล่าหรอก ใช้มันให้ไปทำธุระนิดหน่อย ว่าแต่ ฝ้ายมีอะไร" ผมถามเลขาส่วนตัว ก่อนที่ฝ้ายจะถือแฟ้มเอกสารงานมากางให้ผมดู "พอดี คุณ ลดา ให้ฝ้ายเอางานเข้ามาให้ดูว่า โอเคหรือเปล่า ฉบับร่างคราวๆ" พอฝ้ายพูดจบก็ยื่นเอกสารให้ผมดู ผมเอื้อมมือรับก่อนจะพยักหน้าเมื่อเห็นชิ้นงาน "ฝีมือดีงานละเอียด ทำงานได้เร็วนิ" ผมเอ่ยชม ก่อนจะบอกฝ้ายไปอีกครั้ง "งั้น เอาไว้นี้ก่อน เดี๋ยวผมดูแล้วจะเอาไปให้เธอเอง" ฝ้ายมองผมชั่วขณะ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ หลังจากที่นั่งทำงานอยู่ในห้อง ผ่านไปจนครู่ใหญ่ เพื่อนผม หมายถึงไอ้แก๊ปเพื่อนผม ที่ผมสั่งมันให้ไปสืบประวัติมินตรามาให้ มันเดินเข้ามาแล้วหย่อนก้นลงที่เก้าอี้อย่างไว "ได้เรื่องหรือเปล่า" "ได้สิวะ ระดับกูแล้ว" ไอ้แก๊ปมันตอบมา ผมก็นั่งจ้องหน้ามัน "เล่ามากูรอฟัง" ผมถามมันเท่านั้นมันก็ยื่น ที่อยู่มินตราให้ผม "ที่อยู่น้องมินตรา สถานะ โสด จบจาก มหาลัย... เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง พึ่งจบมาได้สองปี" "แสดงว่าเธอ ไปต่อที่อื่นหรอวะ มิน่าเธอหายออกจากมหาลัยไปเลย" ผมมองที่อยู่ พร้อมกับพูดกับเพื่อน โดยที่ไม่ได้มองหน้ามันสักนิด "กูว่า เรื่องมันนานมาแล้ว น้องคงอยากลืม ทำไมมึงไม่ปล่อยน้องไปวะ" "เสือก!" ผมเน้นน้ำเสียงหนักให้ไอ้แก๊ป ก่อนจะพูดกับมันอีกครั้ง "เรื่องอะไรกูต้องปล่อย ในเมื่อกูเจอเธอแล้ว กูรอมานานแค่ไหน ความทรมานในใจกูก็มี ในเมื่อเรื่องในอดีตมันเป็นการเข้าใจผิด ผิดที่กูไม่ชัดเจนกับเธอ แต่คราวนี้กูไม่ปล่อยเธอไปเป็นครั้งที่สองแน่" ประโยคยาวๆ ของผมที่พูดกับเพื่อน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อไอ้แก๊ปพูดขึ้น "ถ้าเขามีครอบครัว มึงก็จะแย่ง แบบนั้นหรอวะ!"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม