สะกดรอยตาม

1246 คำ
ช่วงเย็นของวันนั้น หลักจากที่ผมได้ ที่อยู่ มินตรามาแล้ว ผมก็ต้องไปสืบให้รู้ให้ได้ว่า เธออยู่กับใคร ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถ เพราะว่า เป็นช่วงเลิกงาน ผมนั่งมองพนักงานกำลังทยอยออกมาจากบริษัท รวมทั้งเธอด้วย สายตาผมมองดูหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังจะเดินมาที่รถยนต์ที่จอดอยู่ด้านหน้าของบริษัท พอเธอก้าวขาขึ้นรถเท่านั้นผมก็เตรียมจะออกจากที่ รถยนต์สีขาวของเธอวิ่งออกจากบริษัท ส่วนผมก็เคลื่อนตัวออกไป ตามรถเธอไปห่างๆ แต่ทว่า ช่วงเลิกงานรถเยอะเป็นพิเศษ ทำให้การตามของผม นั้น ดูยุ่งยากมากขึ้น "แม่งเอ้ย! คาดกันจนได้" ตอนนี้รถมินตราไม่รู้ว่าขับไปทางไหน แต่โชคยังดีที่ผมมีที่อยู่เธอมาแล้ว มันจึงไม่อยากที่จะค้นหาเท่าไหร่นัก ในเมื่อผมตามเธอไม่ทัน ผมเลยตั้งหลักมุ่งหน้าไปที่พักเธอแทน หวังว่าคงจะเจอได้ไม่ยาก ผมขับรถมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงซอยที่หมาย ผมขับช้าลง วนดูบ้านเลขที่ตามซอยที่ติดไว้หน้า บ้าน ไม่นานสิ่งที่ผมพยายามก็เจอ ผมเคลื่อนรถไปจอดที่อื่นให้พ้นสายตาเจ้าของบ้าน ก่อนจะนั่งมองและสังเกตว่ามีความเคลื่อนไหวอะไร แต่ตอนนี้ก็ยังเงียบอยู่ จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ รถยนต์สีขาว ที่วิ่งออกจากบริษัทก็วิ่งมาแล้วก็จอดที่หน้าบ้านพัก ก่อนที่สาวร่างเล็กจะลงมาเปิดประตูรั้วกั้น แล้วขับรถเข้าจอดในบ้าน "หึ!" ผมกลั้วหัวเราะในลำคอแผ่วเบา พลางยกยิ้มที่เป้าหมายที่ผมตามหานั้น ไม่ได้หายากอย่างที่คิด ไม่คิดเลยว่าเรื่องบังเอิญนี้จะมีจริง สิ่งที่ผมดีใจก็ต้องพลันหายไปเพราะ มีรถอีกคันวิ่งมา แล้วจอดที่หน้าบ้าน พร้อมด้วยเด็กผู้ชายตัวน้อยวิ่งลงมาจากรถ ส่วนมินตราก็มายืนรอรับที่หน้าบ้าน ไอ้หนุ่มหน้าจืดคนนั้นเดินลงมาแล้วก็หยุดยืน ผมไม่รู้ว่านั้นเป็นผัวของเธอหรือเปล่า แต่เด็กน้อยคนนั้นน่าจะเป็นลูกเธอ "อะไรกัน นี่มินมีลูกโตขนาดนี่เลยหรอวะ มันใช่หรอ" สิ่งที่อยู่ในหัวของผม คำถามเป็นร้อยๆ นั่น ผมพยายามคิดตาม ถ้าเป็นลูกของเธอจริงๆ แสดงว่าเธอท้องตั้งแต่เรียนอยู่ หรือว่าเธอแอบท้องก่อนที่จะมาคบผม แต่คงไม่ใช่เพราะผมเอากับเธอตอนนั้น เธอยังซิงๆ อยู่เลย "เด็กคนนั้น จะว่าหน้าตาเหมือนมินก็ไม่ใช่ ถ้าจะว่าหน้าตาเหมือนไอ้หน้าจืดนั้น ยิ่งแล้วใหญ่ เด็กคนนั้นเหมือนใครวะ" ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าเด็กที่ผมเห็นนั้นเหมือนใคร ไม่นานพวกเขาก็เข้าบ้าน ส่วนผมก็ทำได้เพียงคอตก แล้วแบบนี้ ผมจะเอาเธอมาเป็นของผมได้ยังไงกัน ผมสูดอากาศเข้าปอดจนลึกแล้วก็เอาหัวพิงเบาะ หลับตาตั้งสติกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ว่าเธอมีครอบครัวแล้ว ความคิดในหัวเริ่มขัดแย้งกันขึ้นมา ผมอยากได้เธอคืนมาก แต่มันคงจะสายไปจริงๆ ในเมื่อคิดได้แบบนั้น ผมก็เตรียมจะเคลื่อนรถหนี แต่ทว่า ไอ้หน้าจืดนั่นกลับเดินออกมา พร้อมทั้งเด็กคนนั้น เด็กน้อยโบกมือลา แล้วผู้ชายคนนั้นก็ขึ้นรถไป ด้วยความที่ผมอยากรู้ พอมันขับรถไปแล้ว ผมก็รีบลงจากรถ "หนู!!.." ผมไม่รู้จะเรียกเด็กคนนั้นว่ายังไง เด็กน้อยค่อยๆ หันมาแล้วมองผม "เออ.. ถามอะไรหน่อยได้ไหม พอดี ลุงเป็นเพื่อนแม่เธอ เออ.. มินลดา" เด็กน้อยได้ยินชื่อแม่ก็ยิ้ม "คุณลุงมีอะไรกับแม่หรือครับ แม่อยู่ในบ้าน" "เปล่าๆ แค่อยากถามว่าคนเมื่อกี้ เป็นพ่อหนูหรอ" "เปล่าครับ ลุง เขื่อนเป็นเพื่อนแม่ อคิน กับแม่ อยู่กันสองคน" เด็กน้อยมองผม พลางกระพริบตาถี่ๆ ผมรู้สึกว่าเด็กคนนี้ หน้าตาน่าเอ็นดูมาก หล่อตั้งแต่เด็กเลย "แล้วพ่อหนูไปไหนละ" ผมพยายามจะถาม แต่เสียงเรียกจากในบ้านแผ่ออกมาถึงข้างนอกทำเอาผมสะดุ้งแรง "อคิน เข้าบ้านได้แล้วลูก" จังหวะที่เด็กน้อยหันไปมองแม่ ผมรับวิ่งหนี มาหลบที่ถังขยะแถวนั้น กลัวว่ามินจะเห็นแล้วความแตก "อคิน คุยกับใครลูก คุณลุงครับ เขาบอกเป็นเพื่อนแม่" มินตราพยายามมองหาผม "ไม่มีนะ มีที่ไหน" "ก็เมื่อกี้คุณลุงคนนั้นอยู่ตรงนี้อยู่เลย" "คราวหลังไม่ต้องไปคุยกับคนแปลกหน้านะ รู้ไหม มันอันตราย ยิ่งเราอยู่กันสองคนแบบนี้ไม่ควรไว้ใจใครเข้าใจใช่ไหม" ถังขยะก็ไม่ได้อยู่ไกล ดังนั้นทุกคำที่มินพูดผมได้ยินชัด พอเธอกับลูกเข้าบ้านไปแล้ว ผมก็เลยเดินกลับไปที่รถ พร้อมรอยยิ้มที่มันโล่งอก จนบอกไม่ถูก เธอไม่ได้มีแฟน แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจผมตอนนี้ คือเด็กคนนั้นมาจากไหน แล้วใครกันคือพ่อของเด็ก หรือว่าเธอจะรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ตอนนี้ในโซนประสาทของผมกำลังตีกันไปหมด อยากรู้เรื่องที่มันค้างอยู่ตอนนี้ ในเมื่อเรื่องที่อยากรู้ก็รู้ในบางส่วนแล้ว ผมเลยขับรถออกจากที่ มุ่งหน้าไปที่บ้านเพื่อนผม หมายถึงห้องพัก ของไอ้แก๊ปทันที ................................................................ ฉันกลับมาบ้านแล้วก็อาบน้ำให้ลูก พร้อมกับหาข้าวให้หนุ่มน้อยทาน ก่อนที่อคิน จะนั่งทำการบ้านของตัวเอง ส่วนฉันก็ถึงเวลาที่จะต้องเล่าเรื่องวันนี้ให้กุ้งนางฟังซะที ฉันกดโทรคอลหาเพื่อน ไม่นานปลายสายก็รับ (ว่าไง ลดา) พอภาพในมือถือจับใบหน้าเพื่อนของฉันแล้ว กุ้งนางก็ถามมาทันที "แกรู้ไหมว่า วันนี้ฉันเจอใครมา" (เจอใครวะ) "ฉันเจอเขาแล้ว เขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ฉันพึ่งเข้าทำงานวันนี้วันแรก แล้วฉันต้องทำยังไงดี" (เขา เขาไหนวะ แกช่วยอธิบายขยายความมากกว่าจะรัวไม่ยั้งได้ไหม ฉันงง ไปหมดแล้ว) ฉันถอนหายใจไม่รู้จะเริ่มเล่าส่วนไหนก่อนดี แต่ก็ต้องเผยชื่อผู้ชายคนนั้นในรอบห้าปีที่ผ่านมา "พี่ ขุนพล!" (พี่ขุนพล) กล้องที่จับใบหน้าเพื่อนของฉันที่ตกใจไม่ต่างกันที่ได้ยินถึงชื่อนี้ (ไหน แกลองเล่าใหม่สิ มันเกิดอะไร ยังไง) พอเพื่อนฉันถามแบบนั้นฉันก็เว้นประโยค ให้ตัวเองได้หายใจก่อนจะเล่าเรื่องที่เจอมาวันนี้ ให้เพื่อนฉันฟังอย่างละเอียด ส่วนคนฟังก็จ้องมองฉันผ่านหน้าจออย่างใจจดจ่อ ไม่คิดเลยว่า ชื่อนี้ จะได้หลุดออกมาจากปากฉันอีกจนได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม