วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องและฉันก็เข้าร่วมด้วย จริงๆรุ่นพี่ให้ฉันนอนพักผ่อนนั่นแหละ แต่ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่อยากเอาเปรียบคนอื่นด้วยนั่นแหละ แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันทำไมฉันถึงได้กลิ่นเลือด ซึ่งปกติฉันก็จะได้แค่กลิ่นธูปอย่างเดียว และที่น่าสงสัยอีกอย่าง ตอนที่ฉันจมน้ำฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกดไหล่ฉันอยู่ ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่
"น้องคนนั้นน่ะค่ะ ลุกเลยค่ะ" ฉันหลุดออกจากภวังค์เมื่อรุ่นพี่เรียกฉัน
"หนูเหรอคะ" ฉันชี้มาที่ตัวเองก่อนที่รุ่นพี่จะพยักหน้า ฉันจึงลุกแล้วเดินไปข้างหน้า
"พี่จะสาธิตวิธีเล่นเกมส์นี้นะคะ" สาธิตวิธีเล่นเกมส์งั้นเหรอ และฉันต้องขมวดคิ้วทันทีเมื่อพี่ปลื้ม พี่ไวน์และพี่ติณเดินมายื่นอยู่ข้างหน้าฉัน
"คนแรกจะต้องส่งขนมแบบปากต่อปากให้ถึงคนสุดท้าย ภายในเวลา 30 วินาที ถ้าหมดเวลาแล้ว ขนมยังไม่ถึงคนสุดท้ายทุกคนจะถูกลงโทษนะคะ " ก็แค่ส่งขนมมันจะยากอะไร ฉันมองรุ่นพี่ผู้หญิงหยิบขนมป๊อกกี้ขึ้นมาก่อนจะส่งให้พี่ปลื้มก่อนที่พี่ปลื้มจะหันมาส่งยิ้มให้ฉัน ว่าแต่พี่เขายิ้มให้ฉันทำไมกัน
"งั้น เริ่มจับเวลาเลยค่ะ ปี๊ด" เสียงนกวีดดังขึ้น ก่อนที่พี่ปลื้มจะส่งขนมให้พี่ไวน์ ตะ แต่เดี๋ยวนะทำไมพี่เขากัดขนมกินล่ะ และขณะนี้ฉันก็ยืนจ้องขนมที่อยู่กับปากพี่ติณซึ่งมันสั้นมาก พี่ติณส่งสายตาให้ฉันกัดขนมที่ปากของเขา แต่ฉันทำไม่ได้แน่ๆ มันสั้นเกินไปถ้าฉันกัดขนมล่ะก็
"น้องรีบหน่อย" เสียงพี่ไวน์พูดขึ้นแบบหน้านิ่ง สร้างความกดดันให้ไม่น้อย ฉันกำมือแน่นก่อนจะยืดตัวไปกัดขนมที่ปากพี่ติณ และฉันต้องขมวดคิ้วเมื่อพี่เขาไม่ยอมปล่อยขนมที่กัด กรึบ กรึบ เดี๋ยวนะ พี่เขากัดขนมกินทำไม ฉันมองริมฝีปากของพี่ติณที่ขยับเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ กรึบ ฉันตัดสินใจกัดขนมทันทีก่อนที่จะไม่มีโอกาส
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เสียงปรบมือของเพื่อนๆดังขึ้น พร้อมกับหัวใจที่เต้นอึกระทึก ก่อนที่ฉันจะหันไปมองหน้าพี่ติณซึ่งเขากำลังหยักคิ้วให้ฉันอยู่ ตึกตัก ตึกตัก ฉันเม้มปากแน่น เมื่อจู่ๆหัวใจก็เต้นแรงซ่ะงั้น แกมันบ้าไปแล้วแค่นี้ก็ใจเต้นแล้วเหรอ
"โอเค งั้นน้องไปนั่งได้แล้ว" ฉันเดินไปนั่งที่เดิมก่อนที่ต้นหอมจะหันมาหาฉัน
"แกกับพี่ติณต้องมีซัมติงกันแน่ๆ"
"แกจะบ้าเหรอ ฉันกับพี่เขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย" มันส่งยิ้มให้ฉันก่อนจะหันไปมองเพื่อนเล่นเกมส์
หลังที่เราทำกิจกรรมเสร็จก็เตรียมตัวเก็บกระเป๋ากลับบ้าน ตึก ตึก ขณะที่ฉันจะเดินไปขึ้นรถคันเดิมที่ฉันมา จู่ๆก็ต้องชะงักเมื่อมีคนเดินมาดักหน้าฉัน ซึ่งเธอก็คือผู้หญิงที่ทำให้ฉันตกน้ำคนนั้น
"เธอมีอะไรกับฉันหรือเปล่า" ถึงฉันจะเป็นพวกอยู่ในกลีบเมฆ แต่ฉันไม่ยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆหรอกนะ ถ้าเธอมีปัญหาฉันก็พร้อมจะเคลียร์
"ฉันก็แค่อยากจะขอเปลี่ยนรถกับเธอ" ฉันเลิกคิ้วทันที ทำไมจู่ๆต้องมาขอเปลี่ยนรถ
"มีอะไร ทำไมไม่รีบขึ้นรถ" ฉันมองหน้าพี่ติณก่อนจะมองผู้หญิงตรงหน้าซึ่งเธอกำลังทำหน้าตาเศร้าๆอยู่
"เธอจะขอเปลี่ยนรถน่ะค่ะ" พี่ติณมองผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเธอกำลังยิ้มให้เขาอยู่ อ่า ฉันรู้แล้วล่ะ ทำไมเธอถึงอยากเปลี่ยนรถ
"ทำไมไม่กลับคันเดิมที่มา" พี่ติณถามเธอ จู่ๆ เธอจะทำเหมือนจะร้องไห้
"คือซาร่าไม่เคยนั่งรถแบบนั้น ซาร่าก็แค่กลัวค่ะ" ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะมองหน้าพี่ติณ
"เดี๋ยวหนูเปลี่ยนรถกับซาร่าก็ได้ค่ะ"
"ขอบใจนะพราวไหม" เธอจับมือฉันพร้อมกับกล่าวขอบใจก่อนที่จะควงแขนพี่ติณเดินไปที่รถ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกน้อยใจด้วยเนี่ย
"เอาก็เอา แกต้องไม่กลัว มันก็แค่เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต" ฉันกำมือแน่นก่อนที่จะเดินขึ้นรถบัส
"ไอ้พราวทำไมแกได้มานั่งรถนี้ล่ะ"
"ฉันมานั่งแทนซาร่าน่ะ" ตีตี้เบะปากมองบ่นก่อนจะชี้ไปที่นั่งของซาร่า
"ซิ๊ ฉันละเกลียดยัยบ้านั่นจริงๆ ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้ไม่ต้องฟังนางบ่นอีก" ฉันมองผู้ชายที่นั่งข้างๆ กำลังยิ้มให้ฉัน ฉันส่งยิ้มกลับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
"น้องผู้ชายคนนี้ ไปนั่งรถอีกคันนะ" ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาบอกผู้ชายที่นั่งข้างๆฉัน ก่อนที่เขาจะลุกเดินลงไปจากรถ
"พราวแกไหวแน่นะ" ฉันส่งยิ้มให้ต้นหอมก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
"มันเป็นอดีตไปแล้วแหละ สุดท้ายฉันก็ต้องเผชิญกับมันอยู่ดี" ขณะที่รถจะเคลื่อนตัวฉันหยิบหูฟังพร้อมกับเปิดเพลงฟังก่อนจะหลับตาลง ฉันกำมือทันทีเมื่อรถกำลังแล่นไปตามถนน
" แกทำได้พราวไหม" ฉันบ่นพึมพำคนเดียว สุดท้ายฉันก็กลัวอยู่ดี อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ฉันจำไม่เคยลืม ในวันที่ฉันเสียแม่ไปมันเป็นเพราะความผิดของฉัน ถ้าวันนั้นฉันไม่งอแงอยากนั่งรถบัส แม่ก็ไม่ต้องมาตายเพราะฉัน อุบัติเหตุครั้งนั้นฉันเห็นผู้คนตายเป็นจำนวนมากเลือดพวกเขาไหลไปตามทางพวกเขากรีดร้องเพราะความทรมาน มันคือฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนฉันมาจนถึงทุกวันนี้
"ร้องไห้ทำไม" ฉันค่อยๆลืมตาก่อนจะเช็ดน้ำใสๆที่ไม่รู้มันไหลออกมาตอนไหน ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียง
"พี่ติณ พี่มานั่งที่นี่ได้ยังไง" เขาไม่ตอบแต่กลับนั่งกอดอกและหลับตา
"กลัวเหรอ" ฉันเลิกคิ้วกับคำถามของเขา
"กลัวอะไรเหรอคะ" เขาลืมตาก่อนจะหันมามองฉัน พรึบ!! จู่ๆพี่เขาก็เอาหัวมาซบไหล่ฉันก่อนที่จะสอดมือไม่ข้างหลังเอว
"พี่ทำอะไรเนี่ย" ฉันพยายามผลักหัวเขาออกแต่กลับไม่เป็นผล
"ง่วง เมื่อคืนเฝ้าเวรยามทั้งคืน เลยไม่ได้นอน" ฉันมองพี่ติณที่นอนหลับตาพริ้มก่อนจะหันไปสบตากับเพื่อน ซึ่งมันกำลังทำท่าทางล้อเลียนฉันอยู่
พรึบ!!! "อือ" และฉันต้องเกร็งมากกว่าเดิมเมื่อมืออีกข้างของพี่เขาวางอยู่บนตักฉัน ก่อนที่เขาจะซุกหน้ามาที่ซอกคอฉันจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่กำลังรินรดต้นคอฉันอยู่ แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าเขากำลังปลอบฉันอยู่นะ
"อยู่นิ่งๆ" ขณะที่ที่ฉันจะยกมือเขาออกจากตัก ก็ต้องชะงักเมื่อเขาพูดขึ้นพร้อมกับเอามือมาวางที่ตักฉันเหมือนเดิม
ฉันนั่งมองใบหน้าคมเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากอมชมพู จะว่าไปเขาหล่อมากๆเลยแหละ เวลานอนหลับยิ่งหน้ามอง แต่เวลาว้ากนี่แหละ ฉันแทบอยากจะวิ่งหนีเข้าป่า ผู้ชายอะไรดุสุดๆ และฉันต้องรีบหันหน้ามองไปทางอื่นทันทีเมื่อเขาดันลืมตาขึ้นมาสบตากับฉัน
"แอบมองคนอื่นเวลาหลับ มันไม่ดีนะ"
"หนูไม่ได้มองซ่ะหน่อย"
"ดื้อ" นี่เขาว่าฉันเหรอ
"ใครกันแน่ที่ดื้อ"
"แล้วใครที่ใจดีไม่เข้าเรื่อง ยอมเสียสละให้คนอื่นได้ในสิ่งที่หวัง แต่ตัวเองกลับเดินเข้าหาความกลัว"
"ก็แค่.." ไม่อยากทำให้ใครต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่เป็นฝันร้าย ในเมื่อเธอบอกว่ากลัว ฉันก็พร้อมจะเสียสละ เพราะฉันรู้ว่าความกลัวมันรู้สึกโดดเดี่ยว ไร้ที่พึ่งพิงแค่ไหน
"อยากลองนั่งกลับกับเพื่อนๆสักครั้ง"
เพียงแค่เลือกที่จะไม่พูดความกลัวออกมา
" วันนั้นที่จมน้ำ รู้สึกอะไรใช่ไหม"
"เลือด กลิ่นที่เป็นความทรงจำ กลิ่นสุดท้ายที่หนูได้กลิ่น ก่อนทุกสิ่งจะจางหายไป ถึงมันจะจืดจางในการรับรู้ แต่พราวมั่นใจว่ามันคือเลือด"
"แล้วเห็นอะไรอีก"
" ผู้หญิง" ดวงตากลมหรี่ลงคล้ายใช้ความคิด "แต่มันอาจจะเป็นภาพหลอนก็ได้"
" ทุกสิ่งบนโลกนี้ มีทั้งพิสูจน์ได้และไม่ได้ สิ่งที่จมูกได้กลิ่นกับตาที่ได้เห็น หูที่ได้ยิน มันไม่ต่างกับความเชื่อ "
" ช่วงนี้อย่าเข้าใกล้น้ำและเดินทางในตอนดึก เข้าใจไหม"
" ขอเหตุผลด้วยค่ะ"
" เพราะมันอันตราย" ฉันเพียงพยักหน้ารับ
" และเป็นห่วง" เงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
" อย่าทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายอีก"