Love the media : 8

1760 คำ
ฉันนั่งดื่มน้ำอุ่นที่ห้องพลางแตะปากตัวเองก่อนจะสะบัดความคิดเรื่องจูบทิ้ง ตอนนี้ฉันมาถึงที่พักแล้ว ตอนที่ฉันหลบฝนอยู่ในถ้ำกับพี่ติณ จู่ๆก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาเจอพอดีพวกเขาก็เลยพาออกมานี่แหละ ถ้าหวังรอจนเช้าฉันต้องแย่แน่เลย​ หลังจากฉันกับพี่ติณออกมาจากพื้นป่าลึกลับ น่ากลัวแห่งนั้น ทุกคนต่างดีใจที่พวกเราไม่เป็นอะไร สีหน้าทุกคนดีขึ้น ไร้ความกังวล ทว่า ยามคิดถึงเรื่องที่ฉันตะโกนเรียกพี่ติณแต่พี่เขากลับไม่ได้ยินนั้น มันรู้สึกแปลกไป ตอนที่ฉันยังมีสติคล้ายจะเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของเขา แต่พอหลับตาแล้วมองใหม่กลับไม่มี หรือว่าจะกลัวมากเกินไปถึงได้เห็นภาพหลอน เกิดมาว่าประหลาดแล้ว สมองยังเพี้ยนอีก "เจ็บตรงไหนอีกไหม" ฉันหลุดจากภวังค์เงยหน้ามองต้นต่อของเสียงทุ้ม พบว่าเป็นพี่ตะวันเดินมายืนตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ สายตาทอดมองมายังฉันด้วยแววตาห่วงใยไม่อาจหลบหลีกได้ "ไม่แล้วค่ะ ว่าแต่พี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" พี่ตะวันมองหน้าฉันนิ่งงันแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา อ่า ฉันไม่น่าถามเลย ปากนะปาก "มันไม่เป็นอะไรมากหรอก คนอย่างมันตายยาก" เป็นคำตอบที่ทำให้คนถามรู้สึกหายห่วงแต่มันกลับมีความรู้สึกผิดแปลกแทรกเข้ามาแทน ฉันรับรู้ได้ว่าพวกเขาสองคนยังไม่อาจตัดขาดเยื่อใยจากกันได้ "เราเถอะไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว กลับห้องไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องร่วมกิจกรรมรับน้องอีกไม่ใช่เหรอ" อ่า ใช่ ฉันควรกลับไปนอนได้แล้ว "งั้น พราวไปก่อนนะคะ ฝันดีค่ะ" "ฝันดีเช่นกันครับ" หลังจากบอกลาพี่ตะวันฉันก็มุ่งหน้าเดินไปที่ห้องพักทันที ทว่า ระหว่างทางกลับมีเสียงใครบางคน "พราวไหม" และฉันต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียก หันไปมองก็พบกับบุคคลที่ฉันอยากหลบหน้าที่สุด ซึ่งเขาก็คือพี่ติณ อีกฝ่ายใช้สายตาดุดันมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า คล้ายกำลังตรวจสภาพร่างกาย "ทำไมมาเดินอยู่คนเดียวแบบนี้" นี่เขากำลังจะว้ากฉันอยู่ใช่ไหม "นะ หนูกำลังจะกลับที่พักค่ะ" จู่ๆ ก็เกิดอาการประหม่า เอ่ยพูดกับพี่ติณด้วยน้ำเสียงสั่นเท่า "ฉันไม่ได้ถามว่าเธอจะไปไหน แล้วพูดกับผู้ใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นมองด้วย" ดุขนาดนี้ใครจะกล้ามองเล่า "ถ้าไม่เงยหน้ามาพูดกับฉันดีๆ ฉันจูบเธอแน่" พรึบ!! ฉันรีบยกมือปิดปากตัวเองทันที ก่อนจะเงยหน้ามองเขาที่กำลังยืนหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งฉัน "นะ ขอตัวนะคะ" หมับ!! และฉันต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อพี่ติณเดินมากุมมือฉันไว้ "ฉันแค่จะไปส่ง เป็นผู้หญิงเดินคนเดียวมันอันตราย" อยู่กับพี่นั่นแหละอันตราย ทำไมช่วงนี้รู้สึกว่าฉันเจอเขาบ่อยจังนะ "ถึงแล้วก็รีบเข้านอน อย่าเดินไปไหนคนเดียวอีกถ้าไม่อยากถูกลงโทษ" "ถ้าหนูทำผิดกฎ สงสัยหนูคงต้องวิ่งรอบเขาลูกนี้สินะ" จนรีบยกมือปิดปากตัวเองทันที โอ้ย ไอ้พราวไหมแกจะไปต่อบททำไมเนี่ย "หึ ฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกหน่า อย่างน้อยก็..." ฉันขมวดคิ้วทันทีเมื่อเขามองฉันด้วยสายตาสื่อนัยความสำคัญ "ก็อะไรค่ะ" และนี่คือความกล้าของฉันล้วนๆ ก็อยากรู้นี่หน่า "ฉันไม่น่าเสียเวลาคุยกับเด็กซื่อบื่ออย่างเธอเลย เข้าไปนอนได้แล้ว หรืออยากไปเฝ้าเวรยามแทน" ฉันเบะปากก่อนจะเดินเข้าห้อง จริงๆก็กลัวได้ไปเฝ้าเวรยามนั่นแหละ ก็คนอย่างเขาพูดจริงทำจริงนี่น่า ทว่า ยังไม่ทันได้ก้าวผ่านขอบประตู ประโยคที่แสนธรรมดาที่อีกฝ่ายเอ่ย มันกลับทำให้หัวใจสูบชีดเลือดอย่างบ้าคลั่ง " ฝันดีนะพราวไหม" " พี่ติณก็ด้วย ฝันดีนะคะ" เอ่ยบอกอีกฝ่ายทั้งที่ยังไม่ได้หันหน้าไปหา ถึงแม้จะเป็นประโยคแผ่วเบา แต่ฉันก็อยากให้เขาได้ยิน แสงตะวันเริ่มสอดส่องทั่วผืนแผ่นดิน เสียงนกน้อยร้องทักครึกโครม รุ่นพี่ใบหน้าหวานยืนอธิบายวิธีเล่นเกมส์ให้ทุกคนได้เข้าใจ ฐานสานความสัมพันธ์กับเพื่อนเป็นกิจกรรมที่ดีและสร้างมิตรภาพให้กับทุกคนไม่น้อย ทุกคนจะได้มีเพื่อนและการรู้จักเข้าสังคมใหม่ๆ "ตอนนี้ให้ส่งตัวแทนแต่ละแถวออกมายืนข้างหน้านะคะ" ฉันนั่งมองตัวแทนแต่ละแถวที่ออกไปยืนอยู่ข้างหน้าซึ่งมีแต่แถวของฉันที่ยังไม่มีใครออกไป "ตัวแทนแถวนี้ลุกค่ะ" สิ้นเสียงรุ่นพี่แต่กลับไม่มีใครขยับ "เอ้า พวกคุณได้ยินไหม ความเสียสละมีหรือเปล่าครับ" ฉันสะดุ้งทันทีเมื่อไอ้พี่ว้ากติณพูดขึ้น ทำไมเขาต้องตะโกนด้วยเล่า พูดดีๆไม่เป็นหรือไง "น้องคนที่นั่งหลังสุดลุกเลยค่ะ" อ่า ฉันอีกแล้วสินะ ฉันลุกขึ้นก่อนจะเดินไปยืนอยู่ข้างหน้า "ด่านนี้ตัวแทนของแต่ละแถวจะต้องเดินบนเชือก พวกคุณห้ามตกลงไปในน้ำเด็ดขาด ถ้าใครคนหนึ่งตกลงไป น้องๆต้องถูกลงโทษนะคะ" นี่มันด่านบ้าอะไรเนี่ย อีกอย่างตอนนี้ฉันใส่เสื้อสีขาวด้วย ถ้าตกลงไปในน้ำล่ะ ไม่ใช่เห็นหมดหรอกเหรอ "งั้นเริ่มเลยค่ะ" "เดี๋ยว" ขณะที่ฉันจะเดินก็ต้องชะงักเมื่อมีคนเรียกไว้ แต่ต้องขมวดคิ้วเมื่อพี่ติณยื่นเสื้อกันหนาวของเขามาให้ "เอาไปใส่" ฉันรับเสื้อมาด้วยอาการไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ก่อนที่เขาจะเดินออกไป ฉันรีบใส่เสื้อของพี่ติณก่อนจะรีบวิ่งไปเพื่อเล่นเกมส์ "พวกเราต้องก้าวขาสลับกันนะ คนแรกจะก้าวขาขวา คนที่สองก้าวขาซ้าย และก็ก้าวพร้อมกัน โอเคนะ" ฉันพยักหน้าให้เพื่อนที่ร่วมเล่นเกมส์ด้วยกันก่อนจะก้าวขาพร้อมจังหวะ ฉันมองผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายสามคนที่เดินถึงฝั่งตอนนี้ฉันอยู่บนเชือกสองคนซึ่งมีผู้หญิงอีกคนเดินอยู่หลังฉัน และฉันต้องจับเชือกแน่นกว่าเดิมเมื่อรู้สึกว่าเชือกมันสั่นแรงกว่าเดิม ฉันหันไปมองผู้หญิงข้างหลังซึ่งเธอกำลังเขย่าเชือกอยู่ "อุ้ย ฉันกำลังจะตกน่ะเลยจับเชือกแรงไปหน่อย" ฉันไม่สนใจคำแก้ตัวของเธอก่อนที่จะก้าวขาเดินแต่ ตู้ม!!​ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็ว ร่างของฉันร่วงตกไปในน้ำก่อนจะเงยหน้ามองผู้หญิงคนนั้นที่กำลังยกยิ้มเยาะมุมปากให้ฉัน ฉันค่อยๆว่ายน้ำเพื่อขึ้นฝั่งเพราะตอนนี้ฉันอยู่กลางสระ ถึงสระมันไม่ลึก แต่ถ้าอยู่นานมีหวังไข้ถามหาแน่ "ทำไมฉันได้กลิ่นเหมือนเลือด มันเป็นไปได้ยังไง" ฉันหยุดชะงักทันที เผลอขมวดคิ้ว ปกติได้แค่กลิ่นธูปนี่ หรือว่ามันไม่ปกติ ผมยืนมองร่างบางที่กำลังว่ายน้ำขึ้นมาที่ฝั่ง และผมต้องขมวดคิ้วทันทีเมื่อจู่ๆเธอก็หยุดกลางคัน เธอค่อยๆหันกลับไปด้านหลังตัวเอง แต่จู่ๆ เธอก็รีบว่ายน้ำมาทันทีด้วยอาการตื่นตระหนก "เชี่ย" ผมถอดรองเท้าก่อนจะรีบวิ่งไปหาร่างบาง เมื่อผมเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นกำลังจับไหล่น้องกดลงในน้ำ ตู๊ม ผมกระโดดลงไปในน้ำก่อนจะดำลงไปหาร่างบางที่กำลังจมน้ำ ผมเข้าไปจับเธอก่อนจะเอาสร้อยที่แม่ให้ติดตัวไว้ออกมา พร้อมที่จะสวมให้ จึงสามารถเอาตัวน้องขึ้นมาเหนือน้ำได้ "พราวไหม" ผมวางร่างบางลงพร้อมกับเรียกเธอ แต่กลับไม่มีวี่แววที่จะฟื้น "พราวไหม ได้ยินพี่ไหม" ไอ้ตะวันที่เดินมานั่งข้างๆก่อนจะปั้มหัวใจให้เธอ พรึบ!! และผมต้องผลักมันออกทันทีเมื่อมันกำลังจะโน้มหน้าเข้าหาคนที่นอนแน่นิ่ง ซึ่งมันมองหน้าผมด้วยสายตาไม่พอใจสักเท่าไหร่ ผมจับหน้าพราวไหมหงายขึ้น ใช้ฝ่ามือกดหน้าผากและใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้บีบจมูก จากนั้นใช้ปากผมครอบลงบนปากของเธอก่อนที่จะเป่าลมเข้าไปจนสุดลมหายใจของผม "โห๋ เฮ้ย" ผมไม่สนใจเสียงร้องตกใจของคนอื่น เพราะตอนนี้ผมสนใจแค่คนที่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงนี้คนเดียว "พราวไหม มีเจ็บตรงไหนไหม" ผมลุกยืนขึ้นเมื่อไอ้ตะวันมันพยุงร่างบางขี้น ผมก็แค่ปล่อยให้มันเช็คดูอาการน้องแค่นั้นแหละ "มันเกิดอะไรขึ้นคะ" เห๊อะ ยัยบื่อเอ้ย "เอ้า น้องๆแยกย้ายกันกลับห้องพักค่ะ" ทุกคนต่างพากลับห้องพักจนหมด ซึ่งตอนนี้มีแค่ไอ้ตะวันพราวไหมเพื่อนของเธอ ผมและไอ้ปลื้ม ที่ยังอยู่ที่นี่ "พี่ขอโทษนะ เจ็บตรงนี้หรือเปล่า" ผมมองไอ้ตะวันที่จับบริเวณท้องของพราวไหม หมับ!! ผมที่จะก้าวขาเดินไปดึงมือมันออกแต่ต้องชะงักเมื่อไอ้ปลื้มจับไว้ก่อน "มึงจะหัวร้อนทำไมวะ มันก็แค่ตรวจร่างกายน้อง" "กูไม่ได้หัวร้อน แต่มันก็ไม่ควรป่ะวะ" ไม่รู้สิ ผมรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่มันแตะต้องเนื้อตัวพราวไหม "หวงก็บอกมาเถอะ" มันกระซิบข้างหูผมก่อนที่จะตบไหล่ผมเบาๆ "กูไม่ได้คิดอะไรกับน้อง กูจะหวงทำไมวะ" ทำไมผมต้องหวง ผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องซ่ะหน่อย ซื่อบื่อแบบนี้ยิ่งไม่มีทางคิดด้วย "กูจะพยายามเชื่อก็แล้วกัน แต่ตอนนี้เรื่องคงถึงหูอาจารย์แล้ว ไปเคลียร์ปัญหาก่อนดีไหม" ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม