บทที่ 7 ท่านแม่ทำคั่วไข่

2061 คำ
ช่วงบ่ายหลังผ่านพ้นยามหนาวมาได้ไม่นานทำให้ไม่ร้อนมาก อากาศดีเย็นสบายเสียจนคนนอนอยู่ด้านนอกยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย บรรยากาศดี ๆ ช่างเหมาะแก่การนอนกลางวันเสียจริง เยว่ซินพลิกตัวดึงบุตรชายเข้ามาใกล้มากขึ้น อาถงเองก็ขยับเข้าไปด้วยความเคยชินเวลานอนกับพี่ใหญ่ สองแม่ลูกหลับสบายกอดกันกลมเชียว ขณะหนึ่งหน้าต่างทุกบานในบ้านถูกเปิดออก มู่เฉินปิดจมูกเพราะฝุ่นฟุ้งกระจายในอากาศก่อนจะถอยออกมาเพื่อเริ่มทำความสะอาดได้แล้ว ท่านแม่บอกให้เขาทำเพียงกวาดฝุ่น ปัดฝุ่นและถูพื้นเท่านั้น ที่เหลือยามเมื่อนางหายดีจะทำเอง มือหยาบกร้านเกินวัยจับไม้กวาดปัดฝุ่นตามผนัง ไม้กวาดนั้นเป็นท่านลุงฮั่วหัวหน้าหมู่บ้านซื้อมาให้เขาเอาไว้ใช้เมื่อต้นปี ตอนนี้ก็ยังดูเหมือนของใหม่เพราะไม่ค่อยได้ใช้ เครื่องเรือนที่บ้านมีไม่มากนัก มีตู้ไม้ใส่ของและถ้วยชาที่มารดานำมาจากบ้านเดิม โต๊ะ และเก้าอี้สองตัวรับแขกเท่านั้น ส่วนในห้องนอนก็เช่นกัน มีเตียงนอน มีหีบใส่ผ้าและโต๊ะนั่งที่ท่านพ่อทำไว้ให้เขาใช้ท่องตำรา แต่ตอนนี้ไม่ได้ร่ำเรียนจึงไม่ได้ใช้งานตามที่บิดาตั้งใจไว้แต่แรก ข้าวของที่กระจัดกระจายย่อมถูกจัดวางใหม่อีกครั้งให้เรียบร้อยกลัวท่านแม่จะเดินไม่สะดวก ปัดฝุ่นผนังด้านบนเสร็จก็กวาดฝุ่นมารวมกัน ใช้เวลาไม่นานก็ถึงขั้นตอนการถูพื้น มู่เฉินนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดถูตามตู้ก่อนค่อยถูพื้นจนทั่ว บ้านไม่ใหญ่ใช้เวลาไม่นาน แต่เพราะทำคนเดียวกระมัง ออกมาด้านนอกฟ้าก็ไม่มีแดดแล้ว ใกล้จะถึงยามเย็นแล้วเขาจึงรีบนำผ้าถูพื้นไปซักตากบนราวตากผ้าด้านนอก ก่อนวิ่งเข้าห้องครัวเพื่อก่อไฟหุงข้าวเอาไว้ อาหารยังไม่คิดว่าจะทำอะไร ตอนนี้หุงข้าวเอาไว้ก่อน ข้าวที่ท่านลุงท่านป้ามอบให้ถูกตักออกมาใส่ถ้วยสำหรับกินสามคน ปกติเขากับน้องชายจะกินเพียงครึ่งถ้วยเท่านั้น หุงออกมาได้เต็มถ้วยใส่แกงขนาดกลาง ทำเสร็จก็เดินไปหยิบถังน้ำออกจากครัวไปหาบน้ำใส่ตุ่มตามปกติเช่นทุกวันจะได้ไม่เสียเวลาและฟ้ามืดเกินไปกลัวจะเจอสัตว์ร้ายได้ ยามเซิน (15:00-16:59) เยว่ซินตื่นมาอีกครั้งก็เหมือนจะใกล้ยามเย็นแล้วกระมัง ที่นี่ไม่มีนาฬิกาจึงไม่รู้ว่าเวลาเท่าใดแล้ว นางใช้วิธีมองดวงตะวันเอา ร่างบางลุกขึ้นนั่งก็รู้สึกว่าร่างกายไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว มีแผลแต่ไม่รู้สึกเจ็บ แปลกนักแต่ช่างเถิด “สดชื่นนัก” ถึงจะไม่มีแอร์หรือพัดลมแต่อากาศดีขนาดนี้ของพวกนั้นแทบไม่จำเป็นเลย ร่างบางลุกขึ้นสำรวจตัวเองอีกรอบ ยืดเส้นยืดสายอย่างเกียจคร้านมองไปยังที่นา เห็นอาเฉินเดินไปท้ายไร่เพื่อหาบน้ำ แม่น้ำอยู่ไกลนัก กว่าจะเดินไปกลับหาบน้ำจนเต็มตุ่มไม่ใช่ว่าไหล่พังไปแล้วหรือ ขนาดนางนั่งทำงานในห้องยังไม่ใช้หลังมากเพียงนี้ ครั้งหน้าต้องหาทางช่วยแล้วปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ดีต่อสุขภาพแน่ ๆ เมื่อเห็นลูกชายทำงานนางก็ไม่มีกะจิตกะใจจะนอนแล้ว เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เข้ามาในครัวเพราะได้กลิ่นข้าว ปล่อยให้อาถงนอนไปก่อนสักเค่อค่อยปลุก เดินเข้ามาก็เจอข้าวหุงเอาไว้ นางจึงนำออกมาดู ข้าวสุกแล้วเยว่ซินจัดการเทใส่ถาด ช่วยเหลือบุตรชายได้ก็อยากทำ ใช้ตะเกียบคนข้าวเล็กน้อยไล่ความร้อน ตอนอยู่หอพักในมหาลัยนางเคยหุงข้าวโดยการนำข้าวใส่ถาดนำไปนึ่งเช่นกัน หม้อกระทะไฟฟ้ามักจะแถมซึ้งนึ่งมาด้วย ทำเสร็จแล้วก็สำรวจครัว เป็นครัวปิดอยู่ในบ้าน แต่มีประตูสองฝั่ง เปิดเข้าบ้าน และเปิดจากครัวออกจากไปด้านนอก มีหน้าต่างบานใหญ่เปิดเอาไว้ให้ควันไฟออก ตู้กับข้าวเก่า ๆ มีข้าวของที่ชาวบ้านมอบให้เมื่อเช้า เยว่ซินเปิดดูเครื่องปรุงพบว่ามีเพียงเกลือ คงบ้านใดสักบ้านให้มากระมัง บนแคร่ไม้มีจานชามหลายใบวางอยู่และมันเหี่ยว ๆ หนึ่งหัว คาดว่ามู่เฉินอาจเก็บมาแต่ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใดจึงวางทิ้งไว้เช่นนี้ อาหารที่บ้านอันให้มายังเหลือไก่ต้มอยู่สองชิ้น จะทำสิ่งใดเพิ่มดี ทั้งยังต้องประหยัดเอาไว้กินวันหน้าอีก สุดท้ายมารดามือใหม่เช่นนางจึงเลือกทำคั่วไข่กับเนื้อตากแห้งปิ้งชิ้นเล็กๆ สามชิ้น เพราะของมีเพียงเท่านี้ นั่งลงหยิบฟืนเติมไฟในเตาจากนั้นก็นำหม้อใบเล็กใส่น้ำเล็กน้อยมาตั้งไฟ ตีไข่หนึ่งฟองใส่เกลือเล็กน้อยเทลงในน้ำเดือด จากนั้นก็คนไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็สุกแล้ว “มีแต่รสชาติเกลือ” คั่วไข่ชิ้นหนึ่งถูกคีบเข้าปากเพื่อลองชิมดู ไม่มีความกลมกล่อมเลย รสชาติเกลือจะเป็นรสเค็มโดดต่างจากรสดี ช่างเถิดดีที่นางไม่ได้ใส่เยอะ รสจางดีกว่ารสเค็มทำลายสุขภาพ อาหารหนึ่งอย่างถ้วยเล็กเสร็จแล้วก็ยกหม้อออกก่อนนำเนื้อตากแห้งไปปิ้ง เนื้อชิ้นเล็กเท่านิ้วก้อยนางเอง เป็นอาหารอย่างละเล็กละน้อยสามอย่าง คงพออิ่มมื้อเย็นกระมัง พรุ่งนี้ค่อยออกไปหาอาหารเผื่อจะได้ติดไม้ติดมือมาบ้าง ด้านบุตรชายคนโตหลังจากเทน้ำใส่ตุ่มจนเต็มแล้วก็เดินมาดูมารดาและน้องชายที่โถง หากแต่เมื่อเดินมาถึงกลับเห็นเพียงน้องชายนอนอยู่ผู้เดียวเสียได้ เมื่อครู่นี้เขาไม่ทันมอง เห็นเพียงผ้าห่มก็นึกว่าท่านแม่ยังนอนอยู่ที่เดิม หัวใจเหมือนหล่นไปอยู่ปลายเท้า มู่เฉินทิ้งถังน้ำวิ่งเข้าไปหาน้องชายทันที “อาถง อาถง” ผู้พี่เขย่าน้องชายเสียจนหยู่ถงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมามองพี่ใหญ่ด้วยใบหน้าหงุดหงิดที่รบกวนการนอนของตน “อื้อพี่ใหญ่” “ท่านแม่เล่า” ทันทีที่พี่ชายเอ่ยจบด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนอาถงก็ดีดตัวขึ้นนั่งมองหามารดาด้วยใบหน้าซีดเซียว เขามีหน้าที่เฝ้าท่านแม่นี่ เหตุใดจึงปล่อยให้ท่านแม่หายไปได้เล่า “ท่านแม่หายหรือพี่ใหญ่” “เด็ก ๆ แม่อยู่ในครัว” เสียงที่ตามหาตะโกนมาจากในครัวช่วยสงบสติอารมณ์ของทั้งสองได้ทันควัน สองพี่น้องถอนหายใจออกมาหนัก ๆ วิ่งเข้าไปหามารดาในครัวเหมือนกลัวนางจะหายไปที่อื่นอีก วิ่งเข้ามาก็เห็นท่านแม่กำลังทำอาหารและล้างถ้วยชามอยู่ เยว่ซินวางถ้วยไว้บนแคร่กวักมือเรียกเด็ก ๆ เข้ามาด้านในด้วยสายตาเอ็นดู เมื่อครู่นี้นางมัวแต่ล้างจาน ได้ยินเสียงพูดคุยแต่ไม่ได้ตั้งใจฟังจึงไม่รู้ว่ากำลังตื่นตกใจที่นางหายไปจึงขานเรียกช้า ยังดีที่ไม่วิ่งออกไปตามหานอกบ้านเสียก่อนนับเป็นความผิดของนางเอง “แม่ขอโทษเจ้าสองคนด้วยที่ลุกออกมาไม่บอกก่อน แม่ไม่อยากปลุกอาถง” “ครั้งหน้าท่านแม่ต้องปลุกข้านะขอรับ” อาถงมุ่ยหน้าเอ่ยบอกมารดาแกมบังคับ เยว่ซินแย้มยิ้มพยักหน้ารับคำสั่งบุตรชายคนเล็กอย่างเชื่อฟังเหมือนนางเป็นเด็กกำลังถูกผู้ปกครองดุอย่างไรอย่างนั้น “ท่านแม่ควรให้ข้าทำนะขอรับ” มู่เฉินกล่าวต่อจากน้องชายเมื่อเห็นว่าห้องครัวดูเหมือนจะสะอาดขึ้น แน่นอนเป็นท่านแม่ที่ทำอย่างไม่ต้องสงสัย ตัวเขาทำความสะอาดแค่ในบ้านเท่านั้น “แม่ใกล้หายแล้ว หากได้เดินสักหน่อยคงจะหายไวขึ้น” เยว่ซินโกหกคำโตออกไปเพราะนางอยากทำความสะอาดครัวสักหน่อย นอนมากเกินไปก็เบื่อหน่าย มู่เฉินมีสีหน้างงงวยแต่หากท่านแม่เอ่ยเช่นนั้นเขาก็เชื่อเช่นนั้นไม่ขัดนางต่อ “พรุ่งนี้หากแม่หายดีพาแม่ไปดูที่นาและแม่น้ำได้หรือไม่ ตอนอยู่กับท่านยายจึงได้รู้ว่าปลาสามารถนำมาทำอาหารได้” “ขอรับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับพาน้องชายมานั่งบนแคร่มองมารดาเช็ดจานอยู่เงียบ ๆ เยว่ซินนั่งนึกต่อว่านางอยากไปที่ใดอีกบ้าง “พาแม่ขึ้นเขาด้วย” “ขอรับ” มู่เฉินตอบรับอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่านางจะอยากไปที่ใดเขาย่อมพานางไปได้ทุกที่ที่ไม่มีอันตราย ก่อนแขนเสื้อจะถูกกระตุกยิก ๆ เรียกความสนใจ “ข้าไปด้วยได้หรือไม่ขอรับพี่ใหญ่” เสียงเล็กเอ่ยแทรกขึ้นมา มู่เฉินยีผมน้องชายอย่างมันเขี้ยวจนเกิดเสียงร้องโอดโอยดังขึ้น “โอ้ย ท่านแม่ช่วยข้าด้วย คิกคิก” “หึ พาน้องไปล้างหน้าก่อนเถิด ค่อยมากินข้าว” เยว่ซินเอ่ยบอกบุตรชายน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเมื่ออาเฉินหยอกล้อน้องชายจนพอใจแล้ว เล่นกันจนผมเผ้าอาถงยุ่งเหยิงสุดท้ายก็เป็นตนเองที่จัดผมคืนให้น้องชายเช่นเดิม ตอนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้ว อาถงจึงถูกพี่ใหญ่พาไปอาบน้ำเสียเลยก่อนจะมากินข้าว ปล่อยให้มารดาทำนั่นทำนี่อยู่ในครัวไป ร่างบางจัดข้าวของใหม่ เด็กก็ทำได้เท่าที่เด็กจะทำ สะอาดเด็กกับสะอาดผู้ใหญ่ไม่เท่ากัน นางจึงเช็ดถูตู้ใหม่เพราะมีแต่ฝุ่น จานชามก็ล้างใหม่แล้ว ถังใส่ข้าวนางก็ล้างใหม่เผื่อภายภาคหน้ามีข้าวมากกว่ากระบุงเล็ก ๆ จะได้มีถังใส่ ก่อนจะนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดแคร่เป็นอย่างสุดท้าย ทำเสร็จสองพี่น้องก็กลับเข้ามาที่ครัวแล้วเช่นกัน อาหารสามอย่างในถ้วยเล็กวางอยู่บนแคร่พร้อมข้าวสามถ้วย บุตรชายเหมือนจะเบิกบานขึ้นเล็กน้อยยามลองกินคั่วไข่ของมารดา แม้จะมีเพียงเกลือแต่หากใส่มากใส่น้อยรสชาติย่อมแตกต่างกันมิใช่จะปรุงรสได้ง่าย “อร่อยยิ่งนักขอรับ” “ชมแม่เกินไปแล้ว กินเถิด พรุ่งนี้เราอาจจะได้อาหารอย่างอื่นบ้าง” เยว่ซินหัวเราะชอบใจกับคำเชยชมจากทั้งสองคนก่อนจะคีบอาหารใส่ถ้วยข้าวเพิ่มให้ “ข้าไปหาฟืนขายคงได้หลายอีแปะขอรับ” มู่เฉินกลืนข้าวลงคอกล่าวบอกมารดาอย่างไม่คิดสิ่งใดจากนั้นก็ใช้ตะเกียบโกยข้าวเข้าปากต่อ ครอบครัวของพวกเราขาดบิดา เขาซึ่งเป็นบุรุษสิบหนาวแล้วควรหาเงินมาดูแลน้องชายและมารดามิใช่หรือ หากแต่เมื่อหันมองมารดานางกลับส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มใจดี “ตอนนี้แม่กลับมาแล้ว เช่นนั้นให้เจ้าดูแลอาถง แม่จะรับหน้าที่หาเงินเองดีหรือไม่” เยว่ซินยึดหน้าที่บุตรชายคืนพร้อมมอบอำนาจใหม่คืนเขาเพื่อไม่ให้เจ้าตัวรู้สึกว่างเปล่า บุตรชายคนโตของนางเป็นหัวหน้าครอบครัวมาถึงสองปีอาจจะเคยชินไปแล้ว สุดท้ายเด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับไม่เอ่ยแย้ง ดูแลอาถงก็แค่ให้อาถงร้องจะตามท่านแม่ไป เท่านี้เขาก็จะได้ตามไปช่วยท่านแม่หาเงินแล้วจะไปยากอันใด แน่นอนว่าเยว่ซินไม่รู้ความคิดนี้ของบุตรชาย ร่างบางคีบอาหารที่ทั้งสองสลับกันตักให้เข้าปากด้วยรอยยิ้ม เด็ก ๆ อิ่มท้อง มีเงินไม่ขาดมือหรือมีไว้ใช้ยามฉุกเฉินก็พอแล้วในช่วงนี้ มีคำผิดแจ้งได้น้า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม