[SHOW] EP4

2644 คำ
กว่าเวย์จะยอมปล่อยผมออกมา ก็ใช้เวลาไปหลายสิบนาที แต่ผมก็พอจะรู้อะไรมาบ้างว่าเวย์กับเดย์แตกต่างกันมาก เดย์ออกจะเป็นคนรุกเก่ง เอาแต่ใจ แต่กับเวย์เขาเป็นคนนิ่งๆสงบ แต่ก็ดูกรุ้มกริ่มไม่ค่อยน่าไว้ใจในบางที และที่รู้มาอีกอย่าง คือเวย์เป็นพี่เดย์ เป็นพี่น้องแบบที่ว่าเกิดห่างกันเป็นปีแต่เชื้อดี หน้าตาเลยเหมือนกันอย่างกับแฝด ผมละไม่เข้าใจไอ้สองพี่น้องนี้เอาซะเลย ว่าทำไมต้องเข้ามาวุ่นวายในชีวิตผมแบบนี้ ผมใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาครึ่งวัน สุดท้ายผมก็ต้องกลับมาตายรังที่พี่โชว์ ในเวลาพักเที่ยง ต่อให้เมื่อเช้าจะหนีพี่โชว์ยังไง ผมก็ต้องทำใจกลับมาเจอหน้าเขาจนได้ “พี่ขอโทษนะ พี่คงไปกินข้าวกับพีมไม่ได้จริงๆ” ผมเดินมายังไม่ทันจะถึงที่ประจำที่ผมมารอพี่โชว์ เสียงของเจ้าตัวก็ดังขึ้นซะก่อน ฟังจากเสียงที่ได้ยิน เขาคงกำลังทำข้อตกลงกับเด็กใหม่อยู่ “เมื่อคืนพี่ก็ไม่ไปหาผม วันนี้ก็ไปกินข้าวด้วยกันไม่ได้อีกหรอ” เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ผมรู้สึกตกใจไม่น้อย เพราะนั่นมันคือเสียงผู้ชายสดใสที่น่าฟัง ไม่เหมือนกับเสียงผู้หญิงที่แสนจะอ่อนหวานเหมือนกับทุกครั้งที่ได้ยิน “ไม่ใช่แค่วันนี้นะพีม แต่ทุกวันตอนพักเที่ยงพี่ไม่ไปกินข้าวกับใครทั้งนั้นครับ ” “ทำไมละ? พี่โชว์มีคนอื่นแล้วหรอ พี่โชว์ไม่อยากเจอพีมแล้วหรอ” อีกฝ่ายเริ่มใช้เสียงกระเง้ากระงอดใส่พี่โชว์ “ไม่ใช่แบบนั้นครับ อย่าเพิ่งน้อยใจพี่สิครับ” พี่โชว์ก็ไม่น้อยหน้า รีบตอบเอาใจด้วยเสียงที่สุดแสนจะมีเสน่ห์ของเขา ผมอยากจะอ้วก! “ไม่ใช่แบบนั้นแล้วมันแบบไหนพี่โชว์!” “พีม ไม่เสียงดังสิครับ” พี่โชว์พูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ นิ่งๆเรียบๆ ที่อีกฝ่ายเริ่มจะขึ้นเสียงใส่ ต่างจากผมที่ไม่ว่าจะตะโกนแหกปากใส่พี่โชว์ขนาดไหน เขาก็ตอบกลับผมด้วยน้ำเสียงเดิม ท่าทางเดิม ปราศจากการไม่พึงพอใจ “พีม..พีมขอโทษ” ความสงสัยของผมมันมีอยู่ล้นอก จากที่ยืนแอบฟังก็เดินเข้าไปดูให้มันรู้ดำรู้แดงกันไป “มาแล้วหรอ?” พี่โชว์เขาหูตาโคตรไว แค่ผมเดินเข้าไปเขาก็เอ่ยปากทักทายทันที “ไม่มาจะยืนอยู่ตรงนี้หรอ” ผมก็ปากไวรีบตอบไปไม่ต่างกัน “พี่ก็นึกว่าดรีมถอดจิตมาหาพี่ไง พีมกลับไปก่อนนะ” พี่โชว์หันไปพูดกับเด็กผู้ชาย ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา พูดจบก็กลับมาให้ความสนใจผมเหมือนเดิม ผิดกับผมที่ให้ความสนใจกับผู้ชายที่กำลังเดินผ่านผมไปมากกว่า คนที่ชื่อพีม ยังไม่วายส่งสายตาไม่พอใจมามองผม ในตอนที่เขาเดินผ่านผมไป ขนาดตัวเราเท่าๆกัน ผมเลยมองสบตาเขากลับได้อย่างสบาย คิดว่าคนแบบผมจะยอมใครง่ายๆน่ะคิดผิดเลย “เด็กพี่หรอ” หลังจากที่เห็นพีมเดินไปจนสุดสายตา ผมก็ออกปากถามพี่โชว์ที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไร ว่าพี่เขาจะชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน ผมไม่ได้รังเกียจนะ แต่จะได้ระวังตัวไว้เพราะพี่โชว์มันน่าไว้ใจซะที่ไหนกัน “เด็กของดรีมมีความหมายว่ายังไงหรอ” พี่โชว์ไม่ยอมตอบ แต่กลับมาเล่นลิ้นกับคำถามที่ผมถามไป “พี่ก็รู้ว่าผมหมายความว่าไง ใช่รึเปล่าละ ถ้าใช่ผมจะได้ระวังตัว จะได้ไม่โดนตบอีก” สายตาพี่โชว์เปลี่ยนไปทันทีเมื่อผมพลั้งปากไปว่าโดนตบ จะกลับคำตอนนี้ก็คงจะไม่ทัน เพราะตอนนี่พี่โชว์เขาเข้ามาประชิดตัวผมแล้ว “ไหน ให้พี่ดูหน่อย” พี่โชว์พยายามจะจับปลายคางเชิดหน้าผมขึ้น เพื่อที่จะได้สำรวจใบหน้าผมได้ง่าย ผมเลยพยามก้มหน้าหลบหลีกสัมผัสจากเขาไม่อยากให้เห็นรอยแดงที่แก้ม มือพี่โชว์ก็ทั้งแรงดีทั้งไว ปัดไปเท่าไรก็ยกกลับมาจับคางผมได้ภายในไม่กี่วิ “ดรีมพี่ขอดูหน่อย” พี่โชว์กดเสียงต่ำลง เมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมให้เขาดูหน้าสักที “ไม่มีอะไรหรอกพี่โชว์ อย่าสนใจเลย” ผมปัดมือพี่โชว์ออก เขาเลยเลิกพยายามที่จะดูหน้าผม “ทำบ้าอะไรอีกแล้ววะพี่?!” พี่โชว์เลิกคิดจะดูหน้าผมแล้ว เพราะเขามีวิธีอื่นที่น่าสนใจมากกว่านั้น ด้วยการช้อนตัวอุ้มผมจนขาลอยจากพื้นที่ยืนอยู่ เขาอุ้มผมมาวางไว้บนอ่างล้างมือที่อยู่ใกล้ตัวเขา สถานที่คับแคบแบบนี้มีหรอที่ผมจะดิ้นหนีเขาพ้น “ไหนเอามาให้ดูดีๆ” เสียงเข้มดุผมก่อนที่เขาจะจับใบหน้าผมด้วยซ้ำ “พี่ทำได้มากกว่านี้นะดรีม” นิ้วมือเรียวเชยปลายคางผมให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา สายตาของพี่โชว์สำรวจดูแก้มผมทั้งสองข้าง และยิ่งหงุดหงิดไปอีกที่แก้มข้างซ้ายยังมีรอยแดงติดอยู่จางๆ “ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ เจ็บรึเปล่า” เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงถามผม “ถ้าผมบอกว่าเจ็บพี่จะทำเหมือนกับเมื่อคืนรึเปล่าละ?” “อยู่ที่ว่า…เจ้าของเขาจะยินยอมรึเปล่า” พี่โชว์ละมือออกจากปลายคางของผม แล้ววางมันเท้าลงกับขอบอ่าง กักกันตัวผมไว้ด้วยสองแขนของเขา ความคับแคบของพื้นที่ทำให้เราใกล้ชิดกันเกินความจำเป็น “ยะ...ยินยอมก็บ้าแล้ว ออกไปไกลๆเลย” ยิ่งไล่พี่โชว์มันยิ่งก้มหน้าเข้ามาหา จนแทบจะสิงร่างผมให้เรากลายเป็นร่างเดียวกัน “งั้นบอกพี่ก่อนใครทำ” “จะใครล่ะ ก็เด็กเก่าพี่ไง เอาผมไปเป็นไม้กันหมาจนผมซวยไปด้วยเลยเนี่ย เห็นไหม” ผมเอียงแก้มที่เป็นรอยมือขึ้นให้เขาดูชัดๆ “แล้วเด็กที่ว่านี่คนไหนละ พี่จำไม่ได้หรอกนะ” ผมเองก็ลืมไป ว่าไอ้พี่โชว์มันเอาผมไปเป็นไม้กันหมากับผู้หญิงหลายๆคน ไม่ใช่แค่สาวเรียนแพทย์คนเดียว “ก็สาวผมสั้น ใส่ชุดกาวน์เมื่อวานไง” “เดี๋ยวพี่จัดการให้” “จะจัดการยังไง นั้นผู้หญิงนะ” พี่โชว์เบนสายตาหลบจากผมก่อนที่จะพูดออกมา “ทำให้เขามีรอยแบบดรีมมั้ง” “จะไปตบเธอหรอ” คนแบบพี่โชว์จะทำร้ายผู้หญิง เป็นอะไรที่ผมนึกภาพไม่ออกเลย “คงงั้นมั้ง” “เฮ้ย! ได้ไง พี่จะทำร้ายผู้หญิงได้ไง” “ทีผู้หญิงยังทำร้ายผู้ชายแบบดรีมได้เลย” พี่โชว์ยังไม่เลิกพะวงกับรอยนิ้วบนแก้มของผม เขายังคงใช้นิ้วเกลี่ยมันไปมาเบาๆ “เอาเหอะพี่มีวิธีจัดการ” “วิธีอะไร” ยิ่งไม่ยอมพูดออกมาแบบนี้ผมยิ่งเป็นห่วง ไม่รู้ว่าพี่โชว์จะมีวิธีบ้าๆอะไรไปจัดการ “ไปกินข้าวกันพี่หิวแล้ว” แล้วพี่โชว์ก็เนียนเปลี่ยนเรื่อง เขาผละตัวออกจากผมพร้อมกับอุ้มผมให้ลงมายืนดีๆ แล้วเดินนำออกไป “พี่โชว์อย่าเพิ่งไปตอบผมก่อน” “พี่หิวข้าวมากเลยนะดรีม หิวจนจะกินดรีมได้ทั้งตัวเลย” พี่โชว์หันมาตอบพร้อมกับรอยยิ้มและสายตากรุ้มกริ่มซะจนผมเหวอทำอะไรต่อไม่ถูกปล่อยให้พี่โชว์เขาเดินนำไปก่อน ผมเป็นคนพี่โชว์จะมากินผมไม่ได้! พี่โชว์เดินนำผมมาจนถึงโรงอาหารกลาง ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาอยากกินข้าวมันไก่ และโรงอาหารเกษตรมันไม่อร่อย เลยต้องเดินมาจนถึงโรงอาหารกลาง ที่ห่างจากตึกเรียนผมตั้ง2ตึก “ไปต่อแถวดิ ข้าวมันไก่พี่รออยู่นู้นอ่ะ” ผมพยักเพยินหน้าไปทางร้านข้าวมันไก่ ที่มีคนต่อคิวเป็นสิบ “แล้วดรีมกินไร ให้พี่ซื้อเผื่อไหม?” “ไม่อ่ะ จืดชืดผมไม่กินหรอก” ผมทิ้งพี่โชว์แล้วเดินมาต่อแถวซื้อข้าวราดแกง ที่มีคนต่อน้อยกว่าพี่โชว์มาก ซึ่งรอไม่นานผมก็ได้ข้าวราดแกงในขณะที่พี่โชว์ยังต่อแถวเหมือนเดิม “ไปจองโต๊ะรอนะ” ผมเดินไปบอกพี่โชว์ที่ยังยืนต่อแถว พี่โชว์พยักหน้าเป็นการรับรู้ ผมเลยปลีกตัวออกมาหาโต๊ะนั่งรอ ที่ไม่ได้ห่างจากสายตาพี่โชว์มากนัก “บังเอิญเกินไปรึเปล่า เจอกันอีกแล้วนะ” ผมหย่อนก้นนั่งได้ไม่กี่นาที เสียงของเดย์ก็ดังขึ้นและอยู่ในระยะที่ใกล้ตัวผมมากเกินเหตุ “หึ! ใครอยากเจอไม่ทราบ” ผมหันไปตอบเดย์ที่เข้ามายืนข้างๆตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “พี่อยากเจอน้องฝ่ายเดียวก็พอ เราทำพี่ไว้เมื่อวานแสบมากเลยนะ มาคนเดียวแบบนี้ไม่กลัวพี่ฉุดหรอ” เดย์มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นพี่โชว์อยู่ใกล้ๆ “ใครบอกมาคนเดียว” ผมมองไปที่พี่โชว์ ที่กำลังทำหน้ายักษ์เดินมาหาเราทั้งคู่ พอเดย์เห็นพี่โชว์เขาก็ยอมเดินหนีผมไปแต่โดยดี เหมือนเดย์พยายามหลบหน้าพวกกลุ่มพี่โชว์อยู่ไม่มีผิด “พี่มาช้าไปรึเปล่า?” มาช้ามากไอ้พี่โชว์! อยากตะโกนใส่หน้าดังๆ แต่ก็ทำได้แค่พูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา “เปล่าหรอก แต่ถ้าข้าวมันไก่พี่คิวยาวกว่านี้ ผมคงโดนมันฉุดเป็นครั้งที่2” หลังจากกินข้าวอิ่มผมก็ต้องมาติดแหง็กอยู่กับพี่โชว์ และแก็งค์เกษตรของเขาทั้งช่วงบ่าย เพราะผมไม่มีเรียนและพี่โชว์ต้องมาดูแลต้นกล้าที่เขาเพิ่งจะเพาะพันธุ์ได้ ผมขอนั่งรถกลับก่อนก็ไม่ยอม ลากผมให้มานั่งเล่นกองดินอยู่ข้างแปลงเกษตร ประดุจผมเป็นเด็ก 5-6 ขวบก็ไม่ผิด ทั้งที่ความจริงผมอายุ18ปีแล้วเหอะ พามาปล่อยแล้วก็หายไปในแปลงทิ้งผมไว้แค่คนเดียว “พี่โชว์!” เมื่อไม่มีอะไรทำผมเลยเดินเข้าไปชวนพี่โชว์คุยถึงในแปลงเพาะกล้า คนตัวโตกำลังก้มๆเงยๆอยู่ที่แปลงตัวเอง “เดินระวังด้วย ในนี้ไม่ได้มีแค่แปลงของพวกพี่นะ” “รู้แล้วน่า!” ผมยู่หน้าใส่พี่โชว์ ที่มาพูดเหมือนผมเป็นเด็กหัดเดิน “แล้วเข้ามาหาพี่มีอะไร” “หาเพื่อนคุย นั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียวผมก็เหงาเป็นไหมพี่โชว์” พาผมมาถึงที่ พี่โชว์ก็ปล่อยให้ผมนั่งอยู่คนเดียว ผมก็คนเหงาเป็นนะ “แล้วทำไมไม่ยอมมีเพื่อนสักทีละ พี่ไม่เห็นดรีมจะคบใครเป็นเพื่อนสักคน” “คนพวกนั้นเข้ามาหาผมก็เพราะพี่ ถ้าไม่มีพี่โชว์ใครจะอยากเข้ามาคุยกับคนแบบผม” “ดรีมต้องมีเพื่อน อีกไม่นานพี่ก็เรียนจบแล้ว ใครจะมาอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนดรีม” พี่โชว์วางมือบนหัวผมแล้วโยกมันเบาๆด้วยความเอ็นดูอย่างที่เขามักจะทำประจำ “พี่โชว์ มือพี่เพิ่งจับดินมาไม่ใช่หรอ แล้วเอามาลูบหัวผมเนี่ยนะ!” “โทษทีๆ พี่ลืม กลับไปก็ค่อยสระผมเอาแล้วกันนะ” ผมสะบัดผมตัวเองลวกๆเพื่อให้เศษดินที่ติดมาได้หล่นร่วงออกไปบ้าง ส่วนพี่โชว์มันก็ยืนอมยิ้มมองผมอย่างเดียว “กลับไปนั่งคนเดียวดีกว่า” ผมเดินหันหลังหนีพี่โชว์กลับมานั่งที่เดิม แต่ดันมาเหยียบเชือกรองเท้าตัวเอง จนเซเกือบจะไปชนกับชั้นวางของอุปกรณ์ในแปลง ดีที่พี่แทนอยู่ใกล้ๆ เขาเลยคว้าตัวผมไว้ทัน ก่อนที่จะก่อความวุ่นวายให้กับคนอื่นๆและความเสียหายที่ผมไม่สามารถรับผิดชอบได้ หมับบ! “เดินดีๆหน่อย ของหล่นไม่เท่าไรแต่เราจะเจ็บตัวเอานะ” พี่แทนเอ่ยเสียงดุๆกับผม หลังจากที่เขาเข้ามาจับตัวผมให้ยืนอยู่กับที่ได้แล้ว “ผมเหยียบเชือกรองเท้าตัวเอง” ผมพยักเพยินหน้าให้พี่แทนที่ประคองตัวผมไว้ ดูเชือกรองเท้าเส้นยาวที่มันหลุดออก “ทีหลังก็ผูกไว้ดีๆ” พี่แทนกำลังจะปล่อยมือออกจากตัวผม แต่ก็ช้ากว่าพี่โชว์ เพราะเขาเดินเข้ามาดึงตัวผมไปไว้ในอ้อมกอดตัวเอง แรงกระชากของพี่โชว์ทำพี่แทนปล่อยมือออกจากตัวผมแทบไม่ทัน “ทำอะไรกัน” “น้องมันจะล้มกูแค่ช่วย มึงเป็นไรเนี่ยโชว์ จะเข้าชาร์จตัวน้องมันเร็วอะไรขนาดนี้” คำพูดของพี่แทนเหมือนแค่บ่นๆไปไม่ได้ต้องการคำตอบ หลังจากที่พูดจบก็เดินหนีเราทั้งคู่ไป ทิ้งผมให้อยู่กับพี่โชว์สองคน “พี่โชว์ปล่อยก่อน ผมจะผูกเชือกรองเท้า” ผมส่งสายตาให้พี่โชว์มองเชือกรองเท้าที่หลุด พอเห็นพี่โชว์เลยยอมปล่อยมือ แล้วรีบก้มลงนั่งกับพื้น จัดการผูกเชือกรองเท้าให้ผมด้วยตัวเอง แล้วปล่อยให้ผมยืนเหวออยู่กลางอากาศ กับท่าทีของพี่โชว์ ส่วนพี่แทนกับคนอื่นๆก็ยืนมองผมกับพี่โชว์ ด้วยสายตามีเลศนัย “พี่โชว์ไม่ต้อง เห็นไหมว่าพวกเพื่อนพี่มอง ผมรู้สึกแปลกๆว่ะ” เล่นมองด้วยสายตาแบบนั้น ผมรู้สึกดีอยู่ก็บ้าเต็มที “ทำไม? ไม่เคยมีใครผูกให้รึไง” “ก็เออ หลบเลยผมจะกลับไปนั่งที่” พี่โชว์มันคงรู้แหล่ะว่าผมมีอาการเขินๆ ตอนที่เขาก้มมาผูกเชือก เขาเลยยอมปล่อยให้ผมกลับมานั่งข้างแปลงแบบที่ไม่ยื้อผมเอาไว้เหมือนทุกครั้ง พี่โชว์ปล่อยให้ผมนั่งเล่นดินเล่นทรายจนตะวันจะลับขอบฟ้า ถึงได้ยอมออกมาจากแปลงเกษตร ผมรีบลุกขึ้นยืนขยี้ขี้ตารอพี่โชว์พากลับหออย่างเร็ว เพราะตอนนี้ผมรู้สึกง่วงมาก พร้อมจะหลับทุกเมื่อ “พี่โชว์กลับเลยไหม ผมง่วงแล้วอ่ะ ไม่ต้องแวะกินข้าวนะ” ตอนนี้เตียงนอนมันเรียกร้องผมมากกว่าท้องที่ร้องเสียอีก “ไม่หิวหรอ” “ไม่หิว ผมง่วงมากกว่า นะพี่โชว์ ตาจะปิดอยู่แล้ว” ผมเผลอพูดอ้อนๆพี่โชว์ไปโดยไม่รู้ตัว มารู้สึกก็ตอนเห็นรอยยิ้มร้ายที่มุมปากสวยๆของเขานั่นแหล่ะ “อืม พวกมึงกูกลับแล้วนะ จะพาเด็กไปกินนมอาบน้ำนอน” พี่โชว์ตอบผม ส่วนประโยคหลังหันไปตะโกนใส่เพื่อนที่ยังอยู่ในแปลงเกษตร “เด็กที่ไหนพี่โชว์อย่ามั่ว ผมเลิกกินนมตั้งนานแล้วเหอะ” “ใครบอกว่าพี่จะให้ดรีมกินละ พี่หมายถึงพี่ต่างหาก ที่จะต้องกินนม” คิ้วเข้มหยักคิ้วใส่ผมก่อนที่จะหมุนตัวเดินนำหน้าออกไป โคตรหล่อ โคตรอ่อย โคตรหื่น ไอ้พี่บ้า!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม