เด็กสาวเดินนำมาถึงห้องนั่งเล่น เห็นคนป่วยนอนหลับไม่ได้สติอยู่ จารุนีทรุดกายลงนั่งยกมือแตะหน้าผากคิ้วขมวด ก่อนหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามผิวกายเพื่อลดความร้อน
“อาการหนักไหมคุณ”วิรุตม์ถามภรรยา
“ยังไม่หนักเท่าไหร่ค่ะ แต่ต้องดูกันทั้งคืน”
“ต้องซื้อยาอะไรไหม”
“คุณช่วยไปซื้อยาแก้ไข้มาให้ดีกว่าค่ะ พาราน่าจะเอาไม่อยู่”จารุนีอธิบาย
“ได้ๆ”
วิรุตม์เคลื่อนรถออกจากบ้านตามคำสั่งของภรรยา เด็กสาวยืนดูคุณป้าข้างบ้านดูแลแม่ตนเอง จารุนีหันมองแล้วยิ้มอ่อนโยน
“ไปนอนเถอะพลอย ป้าดูแม่ให้เองนะ”
“แต่ว่า...”เด็กสาวรู้สึกเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกลูก พรุ่งนี้หนูต้องเรียนหนังสือนะ”
พลอยภัทราลังเล ก่อนตัดสินใจ “หนูฝากแม่ด้วยนะคะ”
“จ้ะ ป้าดูให้เองนะ”
เด็กสาวขึ้นมายังห้องนอนตนเอง นั่งชันเข่าคิดถึงภาพที่ตนเห็น หากมันคือความจริงก็คงไม่แปลกที่คนเขาพูดกันเกี่ยวกับตัวมารดาเธอ แต่จะทำยังไงเล่าในเมื่อแม่ทำทุกอย่างเพื่อให้เธอได้เรียนหนังสือ น้ำตาดันไหลออกมาอยากกักเก็บมันไว้แต่ทำไม่ได้เลย ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ควรทำเช่นไรดี
เปลือกตาคนป่วยค่อยๆ เปิดออกในช่วงอรุณรุ่งของอีกวัน พิมลตราชะงักเมื่อเห็นว่าคนเฝ้าไข้คือใคร รีบชันกายขึ้นนั่งจนผ้าตรงหน้าผากหล่นลงบนตัก ดวงตาจ้องมองจารุนีด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“คุณจาคะ”เสียงแผ่วเอ่ยเรียก เจ้าของชื่อลืมตาตื่น
“อ้าวตื่นแล้วเหรอคะคุณพิมล”
“ค่ะ”
“เป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นหรือยัง”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวฉันไปทำอะไรร้อนๆ มาให้ทานนะคะ”จารุนีอาสาทันที
พิมลตรามองตามแล้วก้มมองผ้าขนหนู ไม่นานนักได้ยินเสียงฝีเท้าบุตรสาวลงมาจากชั้นบนในชุดนักเรียนมัธยมต้น พลอยภัทรารีบตรงดิ่งมาหาแม่ทันที
“แม่หายแล้วหรือยัง”
“ดีขึ้นแล้ว แล้วทำไมคุณจาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะพลอย”
“พอดีเมื่อคืนแม่ไข้ขึ้น พลอยเลยไปขอให้คุณลุงกับคุณป้าช่วยมาดูค่ะ”เด็กสาวก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิด
คนเป็นแม่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอไม่อยากรบกวนเพื่อนบ้านมาก เพราะตอนนี้แทบไม่มีใครคบหาเลย
“ไปเรียนเถอะพลอยเดี๋ยวสาย”เธอตัดใจไม่ต่อว่า
“จ้ะแม่”
พลอยภัทราออกมานอกรั้วบ้านเห็นรถของคุณลุงวิรุตม์จอดรออยู่ ติดตามมาด้วยคุณป้ากำลังถือถ้วยบางอย่างออกมา
“พลอยไปเรียนเถอะไม่ต้องห่วงแม่ เดี๋ยวป้าดูแลให้นะ”
“ค่ะคุณป้า”
มิรินจูงมือเพื่อนขึ้นรถจังหวะนั้นเด็กสาวสะดุ้งอีกครั้งเมื่อภาพเข้ามาในหัว รีบสะบัดอย่างรวดเร็วจนเพื่อนตกใจ
“เป็นอะไรไปพลอย”มิรินถามสีหน้าสงสัย
“อ๋อ เปล่าจ้ะ พอดีพลอยตกใจนิดหน่อย”
“ไปเรียนกันเถอะ”
“ได้ๆ”
เวธัสเองก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อครู่พลอยภัทราเป็นอะไรถึงแสดงท่าทีแบบนั้นกับน้องสาว เด็กนักเรียนขึ้นรถครบ วิรุตม์เคลื่อนออกจากหน้าบ้านเพื่อส่งถึงรั้วโรงเรียน สามคนลงจากรถมิรินเอื้อมจับมือเพื่อน อีกฝ่ายเลยรีบส่งมือขวาให้และเป็นอย่างที่คิดเธอไม่รู้สึกอะไรเลย หรือมือซ้ายเธอมีผล สงสัยจนอยากทดลองแต่กลัวว่ามันจะเกิดเรื่อง
เพื่อนสาวสองคนมาถึงห้องเรียนเต็มเดือนหันมองแล้วเบ้ปาก มิรินแสดงสีหน้าไม่พอใจตอนมีเรื่องกันเธอยังไม่ได้แจ้งทางโรงเรียนเพราะมัวแต่ห่วงพลอย แต่ตอนนี้ถ้ายังหาเรื่องกันอีกจะจัดการฟ้องครูแน่ จบชั่วโมงโฮมรูมเพื่อนร่วมห้องมหาภัยเดินเข้ามาหา
“มาหาเรื่องอะไรอีกละเต็มเดือน!”มิรินกันไว้ทันที
“เมื่อไหร่แม่แกจะเลิกยุ่งกับพ่อฉัน!”เต็มเดือนตวาดถาม
พลอยภัทราเงียบกริบ เพราะเธอไม่รู้จะตอบอะไร ในอกมันอึดอัดสายตายามมองมาทำให้เธอรู้สึกละอายแก่ใจ
“ไปให้พ้นเลยเต็มเดือน เรื่องของพ่อแม่ เราเป็นเด็กไม่ควรไปยุ่งด้วย!”
“แต่ฉันต้องยุ่ง ทำไมแม่แกต้องมายุ่งกับพ่อฉันด้วย ถ้าแม่แกไม่มายุ่งกับพ่อฉัน แม่ฉันคงไม่ต้องร้องไห้!”
“ฉันขอโทษ”พลอยภัทราบอกเสียงแผ่ว
“ขอโทษแค่นี้คิดว่ามันพอหรือไง ให้แม่แกเลิกยุ่งกับพ่อฉันสิ”
ริมฝีปากบางเม้มแน่นเธอควรทำอย่างไร ไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับแม่เลย เธอเป็นลูกไม่เคยคิดก้าวก่ายหน้าที่การงานของแม่
“ฉันทำไม่ได้”
“แกว่ายังไงนะ ทำไม่ได้งั้นเหรอ!”แววตาเต็มเดือนกร้าวแข็ง
“ใช่ ฉันทำไม่ได้”
ฝ่ามือง้างขึ้นคิดตบ มิรินจะเข้าห้ามแต่ถูกพรรคพวกเต็มเดือนจับไว้อีกครั้ง พลอยภัทรากัดฟันลุกยืนคว้าข้อมือเพื่อนร่วมห้องด้วยมือซ้าย ใช่... ภาพเหล่านั้นวนมาหาอีกแล้ว และคราวนี้มันรุนแรง เธอจำต้องอดทนแม้ร่างกายจะสั่นเทา บิดข้อมืออีกฝ่ายแล้วผลักจนผงะถอยหลัง
“อย่ามายุ่งกับฉัน!”เธอประกาศกร้าว แววตาเอาจริงจนเต็มเดือนพูดไม่ออก
“นี่แกกล้าสู้ฉันเหรอ!”
“ทำไมไม่กล้า มีมือมีเท้าเหมือนกัน เรื่องพ่อแม่ฉันไม่รู้หรอก ฉันมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือเท่านั้น!”
ร่างเล็กนั่งลงประจำที่ในตอนนี้เธอไม่อยากสนใจสิ่งใด ในหัวมีเรื่องมากมายจนเกินพอแล้ว และอีกอย่างต้องหาทางจัดการกับมือซ้ายข้างนี้ ก่อนที่เธอจะเห็นอะไรไปมากกว่านี้ เต็มเดือนสะบัดใบหน้ากลับที่ตนเองเช่นกัน
มิรินนั่งลงข้างเพื่อนจ้องมองใบหน้าเอาจริงของพลอยภัทราแล้วยิ้มกว้าง ไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าหากพลอยดูแลตนเองได้แบบนี้เธอก็ดีใจ
“พลอยเจ๋งไปเลย”
“เจ๋งอะไรเหรอ”เธอย้อนถาม
“เจ๋งที่กล้าสู้กับยัยเต็มเดือนนั่นไง”
“พลอยแค่ป้องกันตัวเองไม่ให้โดนทำร้ายอีกน่ะ จะให้รินปกป้องไปตลอดคงไม่ได้หรอก”พลอยภัทราอธิบาย
มือเพื่อนตบไหล่บางแล้วยิ้มให้กัน หวังว่ามิตรภาพเหล่านี้จะคงอยู่อีกนาน
“พลอยเย็นนี้พี่เวย์ชวนไปเที่ยวตลาดนัดแหนะ”
“แต่พลอยอยากกลับไปดูแม่น่ะริน”
“แม่โทรมาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอาพิมลไม่เป็นไร”มิรินบอก
“อืม”
“ไปเถอะนะ”
เห็นเพื่อนขอร้องแกมบังคับ มีหรือเธอจะปฏิเสธได้
“ก็ได้จ้ะ”
เลิกเรียนสามคนเลยพากันเดินเที่ยวตลาดนัด พลอยภัทราหยุดเท้าที่ร้านขาวถุงมือ มันเป็นสีเนื้อหากไม่สังเกตคงคิดว่าเป็นมือจริงๆ อยากรู้ถ้าหากใส่ไว้ที่มือซ้ายจะยังเห็นภาพเหล่านั้นอีกหรือเปล่า เธอตัดสินใจซื้อมัน
“ซื้อถุงมือทำไมเหรอพลอย”มิรินถามด้วยความอยากรู้
“อ๋อ พอดีพลอยอยากเอาไว้ใส่น่ะ มือมันชอบเย็น”
เวธัสจ้องมองอีกคนด้วยความแปลกใจ เห็นเพื่อนน้องสาวกำลังสวมถุงมือข้างซ้ายเพียงข้างเดียว คิ้วเข้มของเด็กหนุ่มขมวดขึ้น
“ใส่ข้างเดียวเหรอพลอย”เวธัสถาม
“มือซ้ายพลอยชอบเย็นน่ะค่ะ”
พลอยภัทรามองเพื่อนก่อนค่อยๆ เอื้อมมาจับไว้แน่น มิรินมองหน้าด้วยความแปลกใจก่อนยิ้มกว้าง เธอไม่เห็นอะไรอีกแล้วเด็กสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากนี้เธอคงต้องสวมมันไว้ตลอด