ตกกลางดึกโจวเฟิงซีนอนหลับไม่สนิท อ๋องหนุ่มเฝ้าครุ่นคิดถึงแต่ใบหน้าของสตรีนางนั้นอยู่แทบทั้งคืน ดวงตาหงส์ของสตรีผู้เป็นน้องสาวของรองเสนาบดีกรมยุติธรรมผู้นั้น ยังตราตรึงอยู่ในหัวของเขาจนถึงเวลานี้
หลานหลีเกอ...
ชื่อนี้เมื่อชาติที่แล้วเขาเคยได้ยินมาก่อน ทว่ากลับไม่เคยได้พบพานเลยสักครั้ง ผิดกับชาตินี้เขากลับได้พบเจอนางอย่างไม่ทันคาดคิด
ชาติก่อนเขาคบหากับหลานจิ้นหลี่ก็จริง แต่เป็นสองปีให้หลังนับจากเวลาปัจจุบันในตอนนี้ ยามนั้นเขาคบหาอีกฝ่ายได้ไม่นาน กว่าจะโน้มน้าวให้ฝ่ายนั้นร่วมมือกับตนโค่นล้มโจวซีเฉินที่เวลานั้นมีตำแหน่งเป็นรัชทายาทไม่ใช่เรื่องง่าย และหากว่าหลักฐานที่เขามีไม่แน่นหนาพอ คาดว่าเขาคงไม่ได้รับความร่วมมือจากอีกฝ่ายเช่นกัน
และเพื่อที่จะโค่นล้มเชษฐาต่างมารดาผู้นี้เอง โจวเฟิงซีถึงขั้นต้องเสียสละชีวิตของตนเอง รวมไปถึงชีวิตของสตรีที่เขาเฝ้าแอบรักมานานปีอย่างฮัวจื่อเวยด้วย
เพราะต้องการตำแหน่งรัชทายาท โจวซีเฉินจึงได้ลงมือทำเรื่องเลวร้ายหลายอย่างเพื่อใส่ร้ายองค์ชายใหญ่ผู้เป็นเชษฐาที่ครอบครองตำแหน่งรัชทายาทอยู่
เขาแต่งบุตรสาวคหบดีผู้หนึ่งเป็นชายา ก่อนจะใช้เส้นสายทางการค้าของพ่อตาลักลอบสะสมอาวุธ สุดท้ายจึงไปแอบเอาอาวุธเหล่านั้นไปซ่อนไว้ในตำหนักบูรพา ผ่านทางขันทีข้างกายขององค์รัชทายาทที่ถูกซื้อตัวด้วยเงินหลายแสนตำลึง
จากนั้นโจวซีเฉินผู้นั้นก็สร้างสถานการณ์ขึ้นมาว่าตนไปหาเชษฐาที่ตำหนักบูรพา และมีปากเสียงกับองค์รัชทายาท แล้วขากลับออกมาก็ถูกลอบทำร้ายจากอาวุธชนิดหนึ่ง ที่ไม่มีใช้ในกองทัพ
พอฮ่องเต้รู้เรื่องเข้าทรงพิโรธอย่างหนัก ด้วยเพราะสิ่งที่พระองค์เกลียดชังที่สุดคือการไม่รักใคร่สามัคคีกันของพี่น้อง เมื่อได้ยินว่ารัชทายาททำร้ายผู้เป็นอนุชาจึงมีรับสั่งให้ลงโทษรัชทายาททันที ซึ่งเวลานั้นโจวซีเฉินก็ลอบอาศัยจังหวะนี้วางยาพิษสังหารเชษฐาตน
ทว่าโจวซีเฉินผู้นี้ใจร้อนอยากจบสิ้นแผนการด้วยความรวดเร็วเกินไป ฮ่องเต้นั้นไว้หน้าฮองเฮามากกว่าสี่ส่วน ทำให้แม้จะถูกจับขังคุก แต่เรื่องอาหารการกินของรัชทายาทก็ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ให้มือมืดหน้าไหนได้ฉวยโอกาสนี้ทำร้ายรัชทายาทผู้เป็นโอรสของฮองเฮา
ตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น โจวเฟิงซีไม่ได้อยู่เมืองหลวง เวลานั้นตัวเขากำลังเสียใจเพราะสตรีที่ตนหมายปองมานานปี ตบแต่งไปเป็นภรรยาของผู้อื่น ซึ่งคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใคร เป็นโจวซีเฉินพี่ชายต่างมารดาของเขาเอง
ชายหนุ่มเดินทางไปสวดมนต์ภาวนาอยู่บนยอดเขากับไทเฮาผู้เป็นย่า ไหนเลยจะรู้ว่าเมืองหลวงเกิดการนองเลือดขึ้น เมื่อครั้งกลับมาถึงจึงได้รู้ข่าว เวลานั้นเขาไม่รอช้าที่จะช่วยเหลือเชษฐาองค์โตให้พ้นผิด ทั้งเรื่องสะสมอาวุธและลอบทำร้ายโจวซีเฉิน
ผ่านไปราวหนึ่งเดือนโจวเฟิงซีถึงได้หลักฐานมาอยู่ในมือ จากนั้นเขาก็ขอเข้าไปเยี่ยมรัชทายาทที่อยู่ในคุก ก่อนจะแอบมอบยาซ่อนชีพจรให้อีกฝ่ายกินอย่างคนไม่รู้ผีไม่เห็น ซึ่งเวลานั้นเขาได้บอกกับรัชทายาทแล้วว่าขันทีข้างกายรัชทายาทคือหนอนบ่อนไส้
ผ่านไปสามวันรัชทายาททำทีให้ขันทีผู้นั้นไปหาอาหารมากิน ซึ่งเกลือเป็นหนอนผู้นั้นก็ฉวยโอกาสนี้ไว้อย่างไม่ให้ทั้งนายเก่านายใหม่ต้องผิดหวัง
เขารีบไปเอาอาหารที่รัชทายาทต้องการเสวยมาให้ในทันทีทันใด ทั้งยังแอบวางยางพิษในอาหารตามคำสั่งเจ้านายใหม่อย่างโจวซีเฉินได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นับว่าเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์มากทีเดียว
โดยที่ขันทีผู้นั้นหารู้ไม่ว่า ยามนั้นองค์รัชทายาทได้แอบกินยาซ่อนชีพจรไปก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อถึงเวลาที่เขานำอาหารเข้าไป รัชทายาทเสวยไปได้ไม่กี่คำก็ล้มฟุบลงพื้นไปในทันที
จากนั้นหมอหลวงรีบวิ่งปรี่เข้ามาตรวจดูอาการ ผลปรากฏออกมาว่ารัชทายาททรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว
แน่นอนว่าในเวลานั้นขันทีผู้นั้นไม่อาจแก้ต่างให้ตนพ้นผิด ทหารยามหลายนายที่เฝ้าคุมห้องขังอยู่ล้วนได้ยินในสิ่งที่รัชทายาทรับสั่งกับเขา ขันทีผู้นั้นถูกนำตัวไปทรมาน สุดท้ายก็ยอมเปิดปากออกมาว่าเขารับคำสั่งมาจากเจาอ๋อง ให้วางยาพิษสังหารองค์รัชทายาท
ข่าวการตายขององค์รัชทายาทแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว โดยข่าวลือนั้นระบุว่าองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ด้วยโรคระบาด พระศพจะถูกนำไปเผาเพื่อไม่ให้มีการแพร่เชื้อ และในระหว่างที่ศพถูกตั้งอยู่ในตำหนักบูรพารอการตัดสินจากฮ่องเต้ว่าจะเก็บศพขององค์รัชทายาทไว้จนครบกำหนดหรือเผาทันที โจวเฟิงซีก็แอบเข้าไปในตำหนักแล้วช่วยเหลือรัชทายาทที่นอนลืมตาอยู่ในโลงศพของตัวเองออกมา
เนื่องจากการจากไปอย่างกะทันหันขององค์รัชทายาทสร้างความสะเทือนใจให้ฮองเฮาและไทเฮาอย่างมาก ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้เก็บศพของรัชทายาทไว้ร้อยวัน โดยที่ทุกคนหารู้ไม่ว่าภายในโลงศพนั้นหลงเหลืออยู่เพียงความว่าเปล่า ไหนเลยจะยังมีศพของผู้เป็นที่รักตนนอนอืดเน่าอยู่ด้านใน
ฮ่องเต้เสียพระทัยกับการจากไปของรัชทายาทมากถึงขั้นประชวร จังหวะนั้นเหล่าขุนนางก็เที่ยวรบเร้าให้พระองค์ทรงแต่งตั้งรัชทายาทองค์ใหม่ไม่หยุด ด้วยเพราะเหล่าขุนนางผู้จงรักภักดีล้วนเป็นห่วงเรื่องความมั่นคง ทว่าแท้จริงแล้วกลับเป็นเพราะพวกเขารับสินบนก้อนโตจากโจวซีเฉินมาต่างหาก
ฮ่องเต้ทั้งเสียพระทัยทั้งยังรำคาญ จึงได้ร่างราชโองการแต่งตั้งรัชทายาทคนใหม่ในที่สุด ไม่นานราชโองการนั้นก็ถูกส่งไปยังจวนของเจาอ๋อง
ความดีใจทำให้โจวซีเฉินลืมสังเกตไปว่า ตราประทับที่อยู่ในราชโองการฉบับนั้น หาใช่ตราประทับที่แท้จริงของฮ่องเต้ไม่
ก่อนวันแต่งตั้งรัชทายาทองค์ใหม่หนึ่งวัน โจวซีเฉินก็ลงมือจัดการปิดปากครอบครัวเดิมของชายาเอกของตนเอง ด้วยเพราะตระกูลฮัวนั้นเป็นแหล่งที่มาของเงินที่เขาใช้สะสมอาวุธ รวมไปถึงเงินที่ใช้ติดสินบนขุนนางในราชสำนัก หากยังปล่อยคนตระกูลนี้ไว้เป็นหอกข้างแคร่ มาตรว่าในอนาคตเขาจำต้องนอนผวาไปทุกคืนแน่
เถ้าแก่ตระกูลฮัวหมายใจอยากให้ฮัวจื่อเวยได้ครอบครองตำแหน่งฮองเฮา จึงได้ร่วมมือกระทำการทุกอย่างกับบุตรเขยผู้สูงศักดิ์ ทว่าบุตรสาวคหบดีนางหนึ่งจะมีวาสนาได้เป็นถึงฮองเฮานั้น นับว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากทีเดียว
โจวซีเฉินตัดใจข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน ทว่าเขากลับทำใจฆ่าภรรยาร่วมผูกผมด้วยมือของตนเองไม่ได้ หลังจากมอบใบหย่าให้นางแล้ว เขาจึงได้ส่งคนให้ตามไปฆ่าปิดปากนางที่จวนตระกูลฮัวทีหลัง
ทว่าโจวซีเฉินกลับคาดไม่ถึงว่าจะมีใครบางคนไปช่วยเหลือนางได้ทันเวลา ฮัวจื่อเวยจึงยังมีลมหายใจอยู่ต่อ
ภายหลังได้รับการแต่งตั้งเพียงหนึ่งวัน โจวซีเฉินก็ส่งคนมาสืบหาร่องรอยของฮัวจื่อเวยในทันที ซึ่งโจวเฟิงซีก็ไม่คิดปกปิดร่องรอยการหลบหนีใดๆ ด้วยเพราะจังหวะเวลา หรือสถานที่ ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาจัดเตรียมเอาไว้
พูดง่ายๆ ก็คือเขาใช้ฮัวจื่อเวยเป็นตัวหลอกล่อให้โจวซีเฉินออกจากวังมานั่นเอง
และเมื่อถูกตามตัวพบ โจวซีเฉินเห็นว่าอดีตชายาอยู่กับผู้เป็นน้องชายก็เลือดขึ้นหน้า ไม่ว่าเวลานี้เรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร ตัวเขาจะกระทำการเลวร้ายต่อนางมากแค่ไหน ทว่าครั้งหนึ่งเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของนาง และเมื่อนางหนีมากับชายหนุ่มผู้เป็นอนุชาของเขาแบบนี้ แตกต่างจากการสวมหมวกเขียวให้เขาตรงที่ใด
ยิ่งต้องการฆ่านางปิดปากเป็นทุนเดิม ยิ่งได้มาเห็นว่านางอยู่กับบุรุษอื่นเช่นนี้โจวซีเฉินก็โกรธจนหน้ามืด เขาพุ่งเข้าหาคนทั้งสองในทันที ปลายกระบี่ฟาดฟันหมายเอาชีวิตฮัวจื่อเวยให้ตายตกในครั้งเดียว
ทว่ามีหรือที่โจวเฟิงซีจะยอม ดีร้ายอย่างไรฮัวจื่อเวยก็คือสตรีเขาหลังรักอยู่นานปี ย่อมไม่อาจทำใจปล่อยให้นางตายไปต่อหน้าได้โดยง่าย
บุรุษสองคนฟาดฟันกันไปได้สักพัก รัชทายาทผู้ที่ทุกคนคิดไปแล้วว่าตายไปแล้วก็ปรากฏตัวขึ้นมา ในจังหวะนั้นโจวซีเฉินคิดได้แล้วว่าตนเองตกหลุมพรางของโจวเฟิงซี ชายหนุ่มจึงต้องเร่งมือจัดการปิดปากฮัวจื่อเวยโดยเร็วที่สุด
ปลายกระบี่ที่เต็มไปด้วยไอสังหารพุ่งเป้าไปที่ร่างบางของฮัวจื่อเวย ดีที่ความเร็วของโจวเฟิงซีเร็วกว่ากระบี่เล่มนั้นของโจวซีเฉินอยู่หนึ่งก้าว โจวเฟิงซีจึงสามารถรั้งร่างบางของฮัวจื่อเวยเข้ามาหลบอยู่ด้านหลังของเขาได้ทันเวลา
โจวซีเฉินที่เลือดขึ้นหน้าอยู่โมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา เขาฟาดฟันกระบี่ในมือออกไปอีกครั้ง ซึ่งจังหวะนั้นก็เป็นจังหวะชุลมุนมากเสียจนรัชทายาทไม่สบโอกาสเข้ามาช่วยเหลือได้
โจวเฟิงซีเห็นท่าว่าไม่อาจหลบหลีกไปได้ต่อ เพราะด้านหลังของพวกเขาในเวลานี้เป็นหน้าผาที่มีแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ด้านล่าง ชายหนุ่มจึงได้หันหลังให้โจวซีเฉินในที่สุดแล้วจัดการดึงฮัวจื่อเวยเข้ามาในอ้อมกอด กระบี่ในมือถูกเขาทิ้งลงพื้นก่อนจะฉวยเอามีดสั้นที่เหน็บอยู่ข้างกายออกมา แล้วจัดการแทงเข้าที่ด้านหลังของฮัวจื่อเวยแต่ไม่ใช่จุดสำคัญ เพราะชายหนุ่มตั้งใจเพียงแค่ต้องการให้นางบาดเจ็บเท่านั้น ก่อนที่เขาจะผลักนางตกลงแม่น้ำไป
เพราะถ้าหากว่าครั้งนี้โจวซีเฉินรอดพ้นไปได้ การที่อีกฝ่ายเห็นว่าเขาแทงฮัวจื่อเวยจนบาดเจ็บได้เลือดและผลักนางตกหน้าผา อาจจะทำให้ฝ่ายนั้นมีความคิดว่านางคงไม่รอดชีวิตแล้ว เพราะสตรีบอบบางเพียงคนหนึ่ง ทั้งถูกแทงทั้งยังหน้าผา หากมีชีวิตรอดได้คงนับว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์
นี่คือการปกป้องนางในแบบของเขา ในแบบที่เขาจะทำได้ ณ เวลานั้น
ทว่ายังไม่ทันที่มีดสั้นในมือโจวเฟิงซีที่ใช้แทงฮัวจื่อเวยจะถูกดึงออก และยังไม่ทันที่เขาจะได้ผลักนางตกลงในแม่น้ำ กระบี่อีกเล่มที่พุ่งมาจากด้านหลังก็ปักทะลุร่างของเขา ปลายกระบี่เล่มนั้นทะลุไปถึงตำแหน่งหัวใจของฮัวจื่อเวยที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขา
หญิงสาวสิ้นใจลงทันที โดยที่นางเองก็หารู้ไม่ว่า ผู้ที่คร่าชีวิตนางแท้จริงแล้วคือโจวซีเฉินผู้เป็นอดีตสามี หาใช่โจวเฟิงซีที่ใช้มีดสั้นแทงเข้าที่ด้านหลังของนางไม่ เพราะความเจ็บจากการถูกแทงข้างหลังในตอนแรก ทำให้สตินางเลอะเลือนจนไม่อาจรับรู้ได้ว่าแท้จริงแล้ว ตนเองถูกผู้อื่นแทงซ้ำตรงหัวใจเข้าอีกแผล
และทันทีที่ฮัวจื่อเวยตาย โจวเฟิงซีก็สิ้นใจตายตามไปในที่สุด