ทว่าก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้บอกเล่าความจริงทั้งหมดให้แก่ฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาฟังแล้ว ดังนั้นหลังจากที่เขาตาย รัชทายาทพร้อมด้วยองครักษ์คนสนิทของโจวเฟิงซี และหลานจิ้นหลี่ก็ไม่รอช้าที่จะจัดการโค่นล้มโจวซีเฉินในทันที
ความผิดทั้งหมดถูกเปิดโปงโดยหลานจิ้นหลี่ สุดท้ายโจวซีเฉินต้องโทษประหารชีวิต ด้วยเพราะโทษทัณฑ์ที่หนักหนาที่สุดในครั้งนี้คือการสังหารโจวเฟิงซีผู้เป็นอนุชา รวมกับการที่เขาบงการให้ขันทีลอบวางยาพิษฆ่ารัชทายาทผู้เป็นเชษฐาเมื่อครั้งก่อน โจวซีเฉินจึงไม่อาจรอดพ้นความตายไปได้
ทว่าความเสียใจเดียวที่โจวซีเฉินมีกลับไม่ใช่เรื่องที่เขาวางแผนเข่นฆ่าพี่น้อง แต่กลับเป็นการที่เขาฆ่าฮัวจื่อเวยด้วยมือตนต่างหาก
เพราะกว่าที่โจวซีเฉินจะรู้ตัวว่าตนเองรักฮัวจื่อเวย ทุกอย่างรอบกายก็สายเกินจะแก้ไขไปไกลแล้ว...
เพราะมัวแต่จมอยู่กับเรื่องที่ผ่านไปแล้วในชาติก่อน กระทั่งหูได้ยินเสียงไก่ขันอ๋องหนุ่มถึงรู้สึกตัว ทว่าหากจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งก็เหมือนไม่ทันการแล้ว
รุ่งเข้าหนิงอ๋องเข้าวังไปตั้งแต่เช้า และหลังจากการประชุมเช้ากับฮ่องเต้และเหล่าขุนนางเสร็จสิ้น อ๋องหนุ่มก็ไปเข้าเฝ้าไทเฮาผู้เป็นย่าต่อที่ตำหนักของอีกฝ่าย
ความจริงแล้วหลี่ไทเฮามิใช่พระมารดาผู้ให้กำเนิดฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ด้วยเพราะพระโอรสผู้เป็นสายเลือดของพระนางนั้นป่วยตายตั้งแต่เด็ก เวลานั้นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเพิ่งจะประสูติได้ไม่กี่วัน อดีตฮ่องเต้จึงให้หลี่ไทเฮาที่เวลานั้นดำรงตำแหน่งฮองเฮาเลี้ยงดูองค์ชายน้อยที่เพิ่งเกิด แทนมารดาที่แท้จริงที่เป็นเพียงสนมชั้นล่างผู้หนึ่ง
และแม้ว่าฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบันจะไม่ได้มีสายเลือดของหลี่ไทเฮา รวมไปถึงหลานชายหลานสาวแต่ละคนก็ไม่ได้มีเลือดเนื้อของพระนางด้วย ทว่าหนิงอ๋องนั้นแตกต่างด้วยเพราะหลิวกุ้ยเฟยมารดาของหนิงอ๋องนั้น มีศักดิ์เป็นหลานสาวของหลี่ไทเฮา เช่นเดียวกันกับหลี่เจินจูผู้เป็นฮองเฮาคนปัจจุบัน นั่นจึงทำให้หลี่ไทเฮาเอ็นดูหนิงอ๋องมากพอๆ กับองค์ชายใหญ่ผู้เป็นโอรสของฮองเฮา
“หลานย่า มีเวลามาเยี่ยมย่าแก่ๆ คนนี้เสียทีนะ” หลี่ไทเฮาเอ่ยทักหลานชาย ทันทีที่เห็นร่างสูงของอีกฝ่ายเดินเข้ามาในตำหนัก
“ถวายพระพรเสด็จย่า ระยะหลังมานี้พระวรกายของเสด็จย่าเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ตามประสาคนแกนั่นแหละ มาๆ มานั่งข้างๆ ย่า”
เป็นที่รู้กันดีว่า หลี่ฮองเฮาและหลิวกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานของไทเฮา เช่นนั้นแล้วโอรสทั้งสองของพวกนางจะไม่เป็นที่โปรดปรานของไทเฮาเฉกเช่นผู้เป็นมารดาได้อย่างไร
“พ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องหนุ่มวัยยี่สิบก้าวเข้าไปนั่งข้างๆ ผู้เป็นย่าวัยห้าสิบกว่าๆ สองย่าหลานพูดคุยกันกะหนุงกะหนิงราวกับว่าไม่ได้พบหน้ากันมานานปี ทั้งที่จริงหนิงอ๋องมาเข้าเฝ้าไทเฮาผู้เป็นย่าอยู่แทบทุกวัน
“ซีเอ๋อร์ ย่าว่าหลานเองก็โตเป็นหนุ่มเต็มตัวมาหลายปีแล้ว ย่าว่าสมควรที่หลานจะตบแต่งชายาอย่างเป็นทางการ ย่าละก็อยากเห็นเจ้าเป็นฝั่งเป็นฝา...”
หลี่ไทเฮาพูดยังไม่ทันจบประโยคดี ขันทีหน้าตำหนักก็วิ่งเข้ามาบอกว่าเจาอ๋องต้องการเข้าเฝ้า ซึ่งพระนางก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตในทันที
กับเจาอ๋อง หลี่ไทเฮาวางหลานชายผู้นี้ไว้ในตำแหน่งไม่รักแล้วก็ไม่ชัง ด้วยเพราะตระกูลเกาของเกาเสียนเฟยนั้นหาได้เป็นตระกูลมากอำนาจ ทว่าก็ไม่อาจมองข้ามไปได้ซะทีเดียว พระนางผู้ซึ่งเป็นย่าจึงไม่อาจรักหลานลำเอียงอย่างออกนอกหน้าได้
“เฉินเอ๋อร์มาพอดี คราวนี้ย่าแก่ๆ ก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยพูดเรื่องเดียวกันหลายรอบ”
“ทูลถามเสด็จย่า ทรงมีเรื่องใดจะรับสั่งกับหลานหรือพ่ะย่ะค่ะ” เจาอ๋อง โจวซีเฉินเอ่ยถามไทเฮา
“จะมีเรื่องอะไรอีก หากมิใช่เรื่องตบแต่งชายาของพวกเจ้าทั้งสองคน” หลี่ไทเฮาว่าแล้วเสยกน้ำชาขึ้นมาดื่ม
ความคิดในตอนแรกของหญิงชราตั้งใจว่าจะหาชายาให้หนิงอ๋องก่อน แต่พอเจาอ๋องเข้ามาความคิดของนางก็เปลี่ยนแปลงกะทันหัน เพราะถึงหนิงอ๋องกับเจาอ๋องจะเกิดปีเดียวกัน ทว่าเจาอ๋องก็แก่เดือนกว่าหนิงอ๋องอยู่ราวๆ สองสามเดือน ซึ่งอาจจะนับเป็นพี่ได้ด้วยซ้ำไป นั่นจึงทำให้นางไม่อาจมองข้ามหลานชายผู้นี้
“เวลานี้ทั้งซีเอ๋อร์กับเฉินเอ๋อร์ก็มีอายุยี่สิบหนาวกันแล้ว พวกเจ้าทั้งสองมีสตรีใดที่หมายตาไว้บ้างแล้วหรือยัง หากมีก็ขอให้บอกย่ามา ย่าจะได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาฮ่องเต้กับฮองเฮา”
“กราบทูลเสด็จย่า หลานมีคนที่พึงใจอยู่คนหนึ่งจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” เจาอ๋องว่า
หนิงอ๋องได้ยินแล้วก็อดหันหน้าไปมองไม่ได้ ชาติที่แล้วตอนที่เสด็จย่าทรงถามคำถามนี้กับพวกเขา เจาอ๋องก็เอ่ยตอบผู้เป็นย่าไปว่าเขาต้องการแต่งกับบุตรสาวตระกูลคหบดีตระกูลฮัว เวลานั้นไทเฮากับฮองเฮาเกรงว่าหากให้เจาอ๋องแต่งชายาที่มาจากตระกูลขุนนาง ภายภาคหน้าเขาอาจจะอาศัยอำนาจจากตระกูลพ่อตามาแย่งชิงบัลลังก์กับองค์ชายใหญ่ได้
เมื่อตระกูลคหบดีไม่ได้ทำให้เขามีอำนาจในราชสำนักมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นชาติที่แล้วทั้งสองพระองค์จึงไม่ได้คัดค้าน การที่เจาอ๋องจะแต่งบุตรสาวจากตระกูลคหบดีเป็นชายาเอก
แต่ทั้งสองพระองค์นั้นหารู้ไม่ว่า แรกเริ่มในการสร้างฐานอำนาจของเจาอ๋องในชาติที่แล้วนั้น ล้วนเพราะเขาอาศัยเงินและเส้นสายทางการค้าของตระกูลฮัวนั่นเอง
ซึ่งแน่นอนว่า...ชาตินี้เขาจะไม่ยอมให้เจาอ๋องได้สมหวัง!
ทั้งเรื่องสะสมฐานอำนาจและเรื่องแต่งงานกับฮัวจื่อเวย เขาจะต้องขัดขวางอีกฝ่ายไว้ให้ได้ทุกทาง!
“หืม? ...เจาอ๋องมีสตรีที่หมายตาไว้แล้วหรอกหรือ เป็นบุตรสาวตระกูลใดกัน?” ไทเฮาตรัสถาม สีพระพักตร์มีความสงสัยใคร่รู้
“หลานเองก็มีเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะเสด็จย่า” หนิงอ๋องเอ่ยแทรกขึ้น ไม่ปล่อยเวลาให้เจาอ๋องได้เอ่ยวาจาใด
“เอ๋? ...หนิงอ๋องก็มีหรือ” หลี่ไทเฮาหันหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกายตน
“หลานๆ โตเป็นหนุ่มเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วจริงๆ เวลานี้ก็พากันมีนางในดวงใจแล้ว เช่นนั้นก็บอกย่ามาเถิด ว่าพวกเจ้าทั้งสองชอบพอสตรีนางใด ย่าแก่ๆ คนนี้จะช่วยดูให้”
“ฮัวจื่อเวย บุตรสาวคนรองของฮัวหยุนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ! / ฮัวจื่อเวย บุตรสาวคนรองของฮัวหยุนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อได้ยินคำตอบของหลานชายทั้งสอง หลี่ไทเฮาก็ถึงกับอึ้งไป ราวสองอึดใจพระนางจึงสามารถดึงสติกลับคืนมาได้
นี่หลานชายของพวกนางเป็นอะไรไป…เหตุใดจึงต้องตาต้องใจสตรีคนเดียวกันเช่นนี้ได้เล่า?
นอกจากไทเฮาจะมีสีหน้างงงวยแล้ว ทั้งเจาอ๋องและหนิงอ๋องต่างก็มีสีหน้าแปลกใจเช่นเดียวกัน ด้วยคิดไม่ถึงเลยว่า สตรีที่อีกฝ่ายหมายตาจะเป็นสตรีนางเดียวกันกับตน
“พี่รอง...ท่าน ล้อข้าเล่นแล้ว” โจวเฟิงซีเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
เวลานี้พวกเขาทั้งสองยืนอยู่หน้าตำหนักของหลี่ไทเฮาผู้เป็นย่า เพราะหลังจากที่พวกเขาเอ่ยชื่อของฮัวจื่อเวยออกไปพร้อมกัน ผู้เป็นย่าก็คล้ายกับว่าจะเป็นลม ถึงขนาดต้องออกปากให้พวกเขาทั้งสองคนออกมาจากตำหนักของพระองค์ก่อน
“เกรงว่าน้องสามต่างหาก ที่เป็นฝ่ายล้อพี่เล่น”
“ใครจะกล้าเล่าพ่ะย่ะค่ะ น้องก็เพียงแค่เอ่ยบอกเสด็จย่าไปตามที่ใจปรารถนาเท่านั้น”
เจาอ๋องตีสีหน้าเคร่ง วาจาท่าทางและสีหน้าของหนิงอ๋องในยามนี้ ไม่เหมือนกับชาติที่แล้วเลยแม้แต่เพียงนิด
ชาติที่แล้วหนิงอ๋องไหนเลยจะเคยเอ่ยวาจาว่าสนใจจื่อเอ๋อร์ จนกระทั่งนาทีสุดท้ายแม้อีกฝ่ายจะหมดลมหายใจไปพร้อมๆ กับนาง แต่แน่นอนว่าวาจาเลี่ยนหูพวกนั้นอีกฝ่ายย่อมไม่เคยเอ่ยออกมาแน่ ในเมื่อชาติที่แล้วหนิงอ๋องเห็นจื่อเอ๋อร์เป็นเหยื่อล่อชั้นดีเท่านั้น
“แต่พี่เกรงว่า ความปรารถนาของน้องสามดูท่าจะไม่เป็นผล ฮัวจื่อเวยเป็นเพียงบุตรสาวตระกูลพ่อค้า เสด็จย่ากับฮองเฮารวมไปถึงหลิวกุ้ยเฟย ไม่มีทางให้นางแต่งเป็นชายาเอกของเจ้าแน่”
โจวซีเฉินเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วก็หมุนกายเดินจากไปพร้อมกับความคิดที่ว่า เมื่อมีโอกาสได้กลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีตชาติอีกครั้ง เหตุใดเขาจึงต้องยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปเพียงเพราะถูกคนอื่นขัดขวางด้วยเล่า
ชาติก่อนเขาทำร้ายทำลายครอบครัวนาง ทอดทิ้งนางกับลูกในท้อง ทั้งยังเป็นสาเหตุให้นางต้องตกอยู่ในอันตราย สุดท้ายกลับกลายเป็นว่านางต้องมาตายตกด้วยคมกระบี่ของเขา
ชาติที่แล้วเขาทำผิดพลาดไปเพราะความโง่บังตา วาจาของพระมารดาและท่านตาบังใจ สุดท้ายจึงเห็นคู่ผูกผมเป็นเพียงทางผ่านเพื่อก้าวขึ้นไปสู่บัลลังก์
ทว่าสุดท้ายสิ่งที่ลงทุนลงแรงไปนั้นกลับเสียเปล่า บัลลังก์ไม่ได้ครอบครอง อีกทั้งต้องมาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายไปอีก
จนเมื่อสวรรค์เมตตาให้เขาได้ย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีตอีกครั้ง แล้วเหตุใดเขาจึงต้องสนใจอำนาจหรือบัลลังก์ไร้ค่านั่น เพราะสิ่งเดียวที่เขาต้องการในชาตินี้ คือการอยู่ร่วมกันกับภรรยาคู่ผูกผมของเขา คนที่เขาติดค้างนางมากที่สุดในชีวิต...ฮัวจื่อเวย