ห้องทำงานในโรงแรมห้าดาวกลางเมืองเชียงราย ปรินทรหมุนเก้าอี้ทำงานลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างสูงกำยำเกินมาตรฐานชายไทย ถึงแม้ว่าเขาจะมีเลือดไทยในกายร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่ด้วยบุพการีเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ทั้งคู่ พอยิ่งได้รัปประทานอาหารอย่างชาติตะวันตกและเติบโตมาจากต่างประเทศ จึงไม่แปลกมากนักที่เขาจะมีร่างกายสูงสง่าอย่างชายตะวันตก
ชายหนุ่มผินหน้าคมเข้มมองออกไปนอกกระจกใสในยามบ่ายคล้อย พระอาทิตย์ขยับเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ เขาหลับตาลงอย่างอ่อนล้า หวนนึกถึงสาวน้อยร่างบางหน้าหวานปานน้ำผึ้งคนนั้น บางทีเธออ่อนหวานน่าทะนุถนอม ทั้งที่การแต่งตัวของเธอดูขัดกับหน้าหวานของเธอโดยสิ้นเชิง
แต่พอเธอคิดว่าเขาได้ครอบครองย่ำยีร่างกายเธอไปแล้ว เธอก็อาละวาดโวยวายกรี๊ดจนหูเขาแทบดับเหมือนกัน คิดถึงตรงนี้รอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏที่มุมปากหนาได้รูป
ป่านนี้คุณคงเกลียดผมมากสินะ แต่ผมนี่สิ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ผมก็ไม่สามารถลืมใบหน้าของคุณได้เลย แม้ว่าจะใช้ความพยายามมากสักแค่ไหนก็ตาม สาวน้อยของผม
ในวันนั้น เมื่อเธอปรากฏกายขึ้น เขาไม่อาจหยุดสายตา ยั้งหัวใจของตัวเองเอาไว้ได้ เธอสวยหวานดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจจนเขาบรรยายไม่ถูก เรือนร่างของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขาไม่จางหาย เขาเฝ้าคิดถึงเธอจนบางครั้งต้องแอบไปยืนมองโต๊ะในผับที่พบเธอครั้งแรก
“เธอเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ ในจิตใจ ทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา เธอเป็นคนแรกที่ฉันอยากได้มาครอบครอง เธอเหมือนพลังบางอย่างที่ทำให้คนหัวใจด้านชา หัวใจเหมือนเต้นไปวันๆ กลับเต้นรัวไม่มีสาเหตุหลังจากที่ฉันได้เจอเธอวันนั้น เขาจะเรียกรักแรกพบได้หรือเปล่านะสาวน้อยของฉัน” ปรินทรพึมพำอยู่คนเดียว
“ได้ครับ”
เสียงตอบรับจากด้านหลังทำให้ปรินทรตื่นจากภวังค์
“นายมาตั้งแต่ตอนไหน ทำไมไม่ให้สุ้มให้เสียง แล้วมีอะไรหรือเปล่า”
ชายหนุ่มหันกลับมาถามคนสนิทเสียงห้วน รู้สึกเสียหน้าและอับอายที่เลขานุการคนสนิทเข้ามา แล้วจะได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมาหรือเปล่า เลขานุการของเขาเหมือนนกรู้ คำตอบต่อมาของเขาทำเอาหนุ่มมาดขรึมเก๊กหน้านิ่งขึ้นไปอีก
“คิดถึงเธอแล้วทำไมไม่ไปหาล่ะครับ มายืนเพ้อรำพึงคนเดียวเธอก็ไม่รู้หรอก ไร่ปกรักก็อยู่ไม่ไกลมาก” เลขานุการคนสนิทไม่ได้ตอบคำถาม แต่เขากลับแหย่เจ้านายอย่างรู้ทัน ดูเหมือนว่าเขารู้ใจเจ้านายดี ถึงแม้ว่าจะมาร่วมงานกันไม่ถึงปีแต่เขาก็สนิทและอยู่ใกล้ปรินทรมากที่สุด ทำไมเขาจะมองไม่ออกล่ะว่าเจ้านายเขาคิดอะไรอยู่
“นายอย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย งานไม่มีทำเลยหรือไง หรือถ้ามันมีน้อย ฉันจะสงเคราะห์เพิ่มงานให้” คนเป็นนายทำเสียงเข้มกลบเกลื่อน
“คุณปรินทร ถึงแม้ว่าผมจะรู้จักคุณและทำงานกับคุณได้ไม่นาน แต่ผมก็พอจะดูคุณออก ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณจริงจังและทุ่มเทกับงานมาก จนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผมก็เห็นคุณเปลี่ยนไป คุณดูเหม่อและบ่อยครั้งผมก็เห็นคุณยืนมองโต๊ะในผับโต๊ะหนึ่งนานเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วแบบนี้คุณคิดว่าผมรู้จักคุณดีพอหรือเปล่า”
คำพูดของเลขานุการคนสนิท ทำเอาคนฟังอึ้งไปเหมือนกัน นี่หน้าของเขาแสดงออกชัดเจนมากขนาดนั้นเลยหรือ
“ก็ ฉันไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรไปเจอเธอดี ในเมื่อเธอคิดว่าฉันเป็นคนย่ำยีเธอ และตอนนี้เธอคงเกลียดฉันมาก แล้วก่อนหน้านี้เธอมาเที่ยวที่นี่บ่อยหรือเปล่า”
“เท่าที่ผมรู้มา พ่อเลี้ยงธามหวงและตามใจน้องสาวคนนี้มาก และไม่เคยเห็นออกมาเที่ยวตามลำพังโดยที่ไม่มีคนที่ไร่ตามมาสักครั้ง”
คำบอกเล่าของเลขานุการหนุ่มเรียกรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากเล็กน้อยด้วยความพอใจ
“ขอบใจมาก ว่าแต่นายเข้ามามีอะไรหรือเปล่า”
“ตกลงไม่สั่งงานเพิ่มแล้วใช่ไหมครับ ผมเอารายงานการประชุมมาให้ พรุ่งนี้คุณต้องเดินทางไปประชุมร่วมโรงแรมในเครือ ส่วนเรื่องที่คุณให้คุมเข้มเรื่องยาและสารเสพติดในผับ ผมติดตั้งกล้องวงจรปิดเรียบร้อย แล้วก็ประสานงานกับทางตำรวจท้องที่ ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความปลอดภัยวันละสองคนครับ ผมรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างวันนั้นอีกแน่นอน”
“เรื่องของพวกนั้นไปถึงไหนแล้ว”
“ทนายของเราแจ้งมาว่าหลักฐานที่เรามีไม่เพียงพอที่จะเอาผิด อีกอย่างผู้ต้องหาก็เป็นลูกชายนายตำรวจด้วย เขาใช้เส้นสายวิ่งเต้นให้ออกมาได้แล้วครับ”
“ขอบใจมาก คราวหน้าระมัดระวังและรัดกุมให้มากกว่านี้”
“ครับ”
“แล้วอย่าลืมเรื่องกล้องวงจรปิดที่ฉันสั่งให้เพิ่มทุกจุดทั่วโรงแรมด้วยล่ะ เพิ่มไฟส่องสว่างด้วย อีกอย่างฉันจะเปลี่ยนระบบการทำงานที่นี่ใหม่ทั้งหมด จะเปลี่ยนจากโรงแรมสีเทาให้กลายเป็นโรงแรมสีขาวให้ได้”
“ครับ เรื่องนั้นกำลังดำเนินการติดตั้ง อีกไม่ก็วันก็จะเสร็จเรียบร้อย”
“ขอบใจนายมาก นายไปทำงานต่อเถอะ”
“ครับ แล้ววันนี้คุณปรินทรจะลงไปผับหรือเปล่า”
“ฉันขออาบน้ำก่อน เดี๋ยวตามลงไป ฉันขอรายงานรายรับรายจ่ายประจำเดือนด้วยนะ ฝากนายแจ้งผู้จัดการให้ฉันด้วย” ปรินทรสั่งการลูกน้องก่อนที่จะเดินเข้าไปอีกห้องที่เป็นโซนพักส่วนตัวของเขา
ปรินทรกำโทรศัพท์ในมือเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ คิดอย่างลังเลใจว่าจะโทรไปหาเธอหรือไม่ แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์ติดต่อไปที่ไร่ตามความรู้สึกสั่งให้โทร
“คุณรษาไม่สบายค่ะ ไม่สะดวกจะรับสาย ไม่ทราบจะให้เรียนเธอว่าใครโทรมาหาดีคะ”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วผมจะโทรไปใหม่อีกครั้ง สวัสดีครับ” ปรินทรบอกปลายสายเสียงเรียบก่อนที่จะวางสาย คำพูดเพียงประโยคสั้นๆ กลับติดหูและเพิ่มความห่วงถวิลหาขึ้นไปหลายเท่าตัว
ปรินทรยังเฝ้าโทรหาเธอทุกวัน ด้วยความคิดถึง ความห่วงใย แต่ปลายสายก็ปฏิเสธเหมือนเดิมทุกครั้ง จนเขาชักทนไม่ไหว อยากบุกไปที่ไร่ให้รู้แล้วรู้รอดทุกเวลา แต่ไม่รู้จะสรรหาเหตุผลใดมาอ้าง ได้แต่กดโทรศัพท์ไปหาเท่านั้น
จนวันที่เจอแจ็กพอต วันที่สวรรค์มาโปรดเขา มินตราเป็นคนรับสายเอง วันนั้นเอง เขาไม่รู้ว่ามันจะเป็นวันเริ่มต้น หรือวันดับอนาคตของผู้บริหารโรงแรมหนุ่มอย่างเขากันแน่ ไม่รู้ว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายต่อจากนี้ไป
“ขอสายคุณรษาครับ”
“ไม่ทราบว่าใครต้องการเรียนสายด้วยค่ะ พอดีว่าคุณรษาให้ถามก่อน ถ้าคุณไม่บอกดิฉันคงต้องขออนุญาตวางสาย” มินตราถามปลายสายเสียงนอบน้อม คนปลายสายเงียบไปสักครู่ก่อนที่เขาจะตอบกลับมา
“ปรินทรครับ”
“ตอนนี้รษายังไม่ตื่นนอน วันหลังคุณค่อยโทรมาใหม่นะคะ” มินตรายิ้มร้ายกับสิ่งที่เธอได้รับรู้ ใส่จริตตอบกลับไปทั้งที่อยากโอนสายให้เพื่อนใจจะขาด แต่ติดที่ว่าพ่อเลี้ยงธามยังไม่ออกจากบ้าน
คนป่วยปรือตาขึ้นมาอีกรอบในตอนเช้าของอีกวัน เพราะเสียงโทรศัพท์หัวเตียงดังขึ้นมาขัดห้วงนิทราของเธอ มองหาคนรอบห้องไม่มีใครอยู่ เธอจำต้องเอื้อมมือไปหยิบมันมารับสาย ไม่อย่างนั้นมันก็ต้องแผดเสียงดังรบกวนเธออยู่อีกนาน ในตอนที่เธอต้องการความสงบในยามเช้าตรู่อย่างนี้
“ฮัลโหล” เธอกรอกเสียงไปตามสาย
“จำเสียงผมได้หรือเปล่าครับทูนหัว สาวน้อยของผม”
เสียงที่ไม่คุ้นเคย แต่ทว่าเธอกลับจดจำได้เป็นอย่างดี รษาข่มอารมณ์โทสะที่เกิดขึ้น แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่คนในบ้านปล่อยให้สายนี้มาถึงห้องของเธอ เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่โทรมาหาเธอตั้งแต่เช้าตรู่ของวัน มือที่กำโทรศัพท์อยู่ก็สั่นระริกและกระแทกโทรศัพท์ลงบนแท่นเสียงดัง