Chapter 5 งูพิษข้างตัว

1700 คำ
พ่อเลี้ยงหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นานนับชั่วโมงที่เขายังคงยืนพิงขอบประตูอยู่ที่เดิม ตาคมยังจับจ้องน้องสาวอย่างสงสารจับใจ หลายวันแล้วที่น้องสาวเขายังมีอาการแบบนี้ และยังไม่ดีขึ้นมาสักนิด ทั้งที่คนในบ้านทุกคนต่างทำทุกอย่างตามที่คุณหมอบอก คนป่วยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงยังมีอาการเหม่อลอย และหวาดผวาอยู่บ่อยครั้ง แววตาเศร้ายังมีรอยน้ำตาเอ่อนองไม่จางหายเหมือนอย่างทุกวันที่ผ่านมา บาดแผลกับรอยฟกช้ำภายนอกเริ่มจางลงทุกวัน แต่แผลภายในใจนี่สิ เขาไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาเยียวยานานเท่าไรถึงจะหายดี เมื่อไหร่เขาถึงจะได้น้องสาวคนเดิมกลับคืน ถึงเธอจะเป็นคนเอาแต่ใจมากแค่ไหน เขาก็ยอมทั้งนั้น และเขาจะต้องลากตัวไอ้สารเลวคนนั้นมารับโทษให้ได้ มินตราย้ายเข้ามาดูแลรษาที่บ้าน หลังจากที่พ่อเลี้ยงธามอนุญาตให้เธอมาช่วยดูแล อีกทั้งยังรับเธอเข้าทำงานเป็นพนักงานฝ่ายการตลาด มาช่วยคณาธิป แต่ทว่าคณาธิปกลับส่งให้เธอไปช่วยที่ไร่ชาแทน เพราะไร่ชาจะต้องการคนมากกว่า สร้างความไม่พอใจให้กับมินตราอย่างมาก เพราะเธอเกลียดไร่ชา และเธอรู้ดีว่าพวกเขาต้องการแยกเธอจากพ่อเลี้ยงธามมากกว่า พวกเขาทุกคนก็ไม่ต่างจากรษาเลยสักนิด สักวันเธอจะเอาคืนให้แสบสันทีเดียว คณาธิปผู้จัดการโรงงาน เขาควบตำแหน่งเลขานุการคนสนิทแถมยังเป็นเพื่อนที่เขารักมากอีกด้วยความสนิทสนมกับพ่อเลี้ยงหนุ่ม มองทีเดียวก็รู้ว่าเพื่อนต้องการอะไร อีกทั้งรู้ดีว่า มินตรารู้สึกอย่างไรกับเพื่อนหนุ่มของเขา พ่อเลี้ยงหนุ่มมีคนที่รักอยู่แล้ว เขาไม่อยากให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง จะดีกว่าถ้าให้มินตราไปช่วยงานที่ไร่ชา กันไว้ดีกว่าแก้จะปลอดภัยที่สุด พ่อเลี้ยงธามเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ผู้ชายบ้างานอย่างเขาก็ไม่ชอบสุงสิงกับใครมากมายนัก และเกลียดความวุ่นวายที่สุด เขาถึงไม่มีเลขานุการแต่ให้ตำแหน่งกับคณาธิปที่ช่วยดูแลทุกอย่างแทน พ่อเลี้ยงเจ้าของไร่ปกรักแต่งตัวสบายๆ เดินพับแขนเสื้อลงมาจากห้องในตอนเช้ามืดของวัน เตรียมที่จะไปทำงานตามปกติ แต่ก็เจอมินตราที่ห้องอาหารอยู่พอดี เขาจึงเดินเลยเข้าไปทักและฝากฝังเรื่องน้องสาวก่อน “เมนี่! เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อคืนหลับสบายดีใช่ไหม พี่ฝากรษาด้วยนะ พี่จะไปไร่กระจ่างดาวหน่อย แล้วจะเข้าไร่เลย” มินตราที่กำลังยกอาหารไปให้รษาพอดี เขาเดินเข้ามาทักทายถามไถ่แบบไม่ต้องการคำตอบ ไม่ลืมที่จะฝากฝังน้องสาวก่อนออกไป “ค่ะพี่ธาม ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” มินตรารับคำอ่อนหวานตามหลัง แต่ในใจแอบไม่พอใจลึกๆ ที่เขามองเธอเหมือนไร้ตัวตน “ขอบใจมากนะ” พ่อเลี้ยงธามตอบกลับหลังจากที่เดินออกไปไกล โดยไม่รู้ว่าคนที่ยิ้มอ่อนหวานให้เขาเมื่อครู่แสยะยิ้มอย่างหมั่นไส้แล้วก็แทนที่ด้วยรอยยิ้มบาดลึก ดวงตาเปล่งประกาย ‘ยิ่งห่วงกันมาก และไม่เห็นหัวฉันมากเท่าไหร่ ก็เตรียมตัวที่จะพบกับความเจ็บปวดมากเท่านั้น คอยดูก็แล้วกัน ว่าฉันจะจัดการอย่างไรกับเธอให้สาสมกับความรู้สึกด้อยค่าของฉัน นังรษา’ คล้อยหลังพ่อเลี้ยงธามที่เดินออกไปได้สักพัก มินตราก็ยกถาดอาหารขึ้นไปหาเพื่อนรัก รษายังคงเหม่อเศร้าเหมือนอย่างที่เคยเป็นเหมือนเดิม แผลและอาการฟกช้ำทางร่างกายเริ่มหายสนิท แต่อาการทางจิตใจยังคงย่ำแย่เหมือนเดิม “เป็นไงบ้างจ๊ะ ตื่นแล้วหรือ ทานอะไรหน่อยนะจ๊ะ” มินตรายกอาหารมาให้รษาถึงห้องนอน รษาเพียงส่ายหน้าเนือยๆ ให้เพื่อนสาว “เธอไม่ยอมทานอะไรมาหลายวันแล้วนะรษา เธอควรจะเป็นห่วงตัวเองบ้างนะ ถ้าเกิดมีลูกขึ้นมาอีกล่ะ สงสารลูกบ้าง พี่ธามก็เป็นห่วงเธอมากนะ” มินตราแกล้งพูดเสียงหวาน ไม่วายกวนตะกอนให้ขุ่น แต่รษาก็มีอาการนั่งนิ่ง เหม่อซึมเหมือนเดิม จนคนเดินเข้ามาใหม่เริ่มหมั่นไส้ ที่จริงจะเรียกว่าสะใจมากกว่า “ฉันเครียดแทนเธอจริงๆ ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า น้องสาวคนเดียวของพ่อเลี้ยงธามที่เขาหวงนักหวงหนา เป็นสาวใจแตก พี่ชายสุดที่รักของเธอจะอับอายแค่ไหน ถ้าเป็นฉันนะ ฉันคงไม่ทนอยู่บนโลกนี้หรอก” มินตราตอกย้ำทิ้งรอยยิ้มหยันให้กับอาการของเพื่อน “กรี๊ดดด! ออกไป! กรี๊ดดด!!” รษาสติหลุด คลุ้มคลั่งอย่างรุนแรง เธอปัดข้าวของแตกกระจาย คว้าตัวมินตรามาบีบคอจนตาเหลือกถลน มินตราสู้แรงเกือบไม่ไหว ไอแค่กๆ “ปล่อยยย ชะช่วยด้วย!” มินตราพยายามรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย เธอเปล่งเสียงอันแหบพร่าออกมาอย่างยากเย็น เธอเรียกขอความช่วยเหลือด้วยกำลังอ่อนแรงลงทุกที “มีอะไรหรือเปล่าคะ” แม่นุ่มวิ่งหน้าตื่นขึ้นมา นางได้ยินเสียงกรี๊ดของรษาเมื่อครู่ ก็เลยวิ่งเข้ามาดูและเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี และช่วยแยกรษาออกได้ทัน “ว้าย! คุณรษาอย่าค่ะ มาช่วยกันเร็ว” แม่นุ่มเรียกสาวใช้มาช่วยแยกรษาออกจากมินตรา ที่ตอนนี้เธอมีอาการหน้าเหลืองซีด หายใจหอบอ่อนแรง ส่วนอีกคนเคียดแค้นตาโปนแทบถลนออกมานอกเบ้า “ออกไป! กรี๊ดดด!!” รษายังคงร้องคลุ้มคลั่งไม่หยุด สาวใช้ต้องจับตัวไว้ “แค่ก ๆ” พอแยกออกมาได้มินตรามีอาการเหมือนสำลักลม เธอหายใจหอบถี่ๆ จากการขาดอากาศเป็นเวลานาน “เป็นอย่างไรบ้างคะคุณมินตรา” “ไม่เป็นไรค่ะแม่นุ่ม รษาคงจะเครียดมาก น่าสงสารเธอจังเลยนะคะ” มินตราตีหน้าเศร้าทำตัวน่าสงสารเหมือนนางเอกผู้อ่อนแอ “ป้าว่าเราออกไปก่อนดีกว่าค่ะ คุณรษาคงจะไม่สงบง่ายๆ แน่” เมื่อเห็นว่ารษาไม่มีทีท่าว่าจะสงบ เธอยังส่งเสียงกรีดร้องอยู่เนืองๆ จนเหนื่อยหอบแม่บ้านเก่าแก่ก็ชวนทุกคนออกไปข้างนอก “เมนี่ว่าเราโทรบอกพี่ธามดีกว่าค่ะ” มินตราซ่อนยิ้มร้ายอย่างมีความหมาย อะไรจะไปสำคัญมากไปกว่า น้องสาวสุดที่รัก ‘คุณญาดา เมื่อก่อนพ่อเลี้ยงเป็นของคุณ แต่ต่อจากนี้ไป พ่อเลี้ยงธามจะต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น’ มินตราคิดในใจ แม่นุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับเธอ ก่อนที่นางจะต่อโทรศัพท์หาพ่อเลี้ยงธาม ทันทีที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้นมา คนปลายสายก็ตอบรับทันที “ครับแม่นุ่ม” “แย่แล้วค่ะคุณธาม คุณรษาคลุ้มคลั่งใหญ่แล้วค่ะ กรี๊ดไม่หยุดเลย” แม่บ้านเก่าแก่รายงาน “เป็นไปได้อย่างไรครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับนะ” พ่อเลี้ยงหนุ่มบอกอย่างร้อนรนตกใจ พ่อเลี้ยงธามรีบบึ่งรถกลับมาที่บ้านทันทีหลังจากวางสายแม่บ้านเก่าแก่ของไร่ เขาไม่ลืมสั่งให้แม่บ้านโทรตามหมอ หมอหนุ่มฉีดยาให้หญิงสาว แล้วเก็บอุปกรณ์เข้ากระเป๋า “เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ ทำไมน้องสาวผมถึงมีอาการแบบนี้ได้” “น่าจะมีเรื่องสะเทือนใจหรือมีอะไรบางอย่างมากระทบจิตใจคนป่วยครับ ผมฉีดยาคลายเครียดและยานอนหลับให้แล้ว คงจะนอนหลับยาวจนถึงตอนเช้า พ่อเลี้ยงไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ แต่ผมขอย้ำเรื่องการดูแลคนป่วยหน่อย คุณต้องดูแลเธอให้มากกว่านี้ ไม่ทราบว่าใครเป็นคนดูแลคนป่วยเป็นคนสุดท้ายครับ” “เมนี่ค่ะ เมนี่แค่ยกอาหารมาให้แต่รษา แต่เธอก็เกรี้ยวกราดปัดถาดอาหารหล่นหก น้ำแกงร้อนหกใส่เมนี่แสบร้อนไปหมด แล้วก็ยังทำร้ายเมนี่อย่างที่เห็นนั่นล่ะค่ะ เมนี่ยืนยันได้นะคะว่าไม่ได้ทำอะไรให้รษาสะเทือนใจจริงๆ” มินตรายกมือที่มีรอยแดงให้พ่อเลี้ยงหนุ่มดู พร้อมกับบีบน้ำตาเว้าวอนอย่างน่าสงสาร ทุกคนต่างนิ่งเงียบไม่พูดอะไร จนที่สุดพ่อเลี้ยงก็ทนมองต่อไปไม่ไหว “แล้วนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมากไหม ให้หมอตรวจหน่อยดีกว่า” ธามถามมินตราด้วยความห่วงใย “ขอบคุณค่ะพี่ธาม เมนี่ก็เกือบแย่เหมือนกัน ดีที่แม่นุ่มมาช่วยได้ทัน แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ไม่ต้องให้หมอตรวจก็ได้ เดี๋ยวเมนี่ไปหายามาทาเองก็คงหาย ขอเพียงพี่ธามเข้าใจว่าเมนี่ไม่เคยคิดร้ายกับเพื่อนเลยสักนิด” มินตราตอบทอดสายตาหม่นมองหน้าพ่อเลี้ยงธาม “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นหรอกค่ะ คุณเมนี่เป็นเพื่อนรักของคุณรษา แล้วยิ่งมาช่วยดูแลอย่างนี้ทุกคนยิ่งไม่กล้าคิดเข้าไปใหญ่ คนที่ไร่รู้จักคุณเมนี่ดี” แม่นุ่มเป็นคนตอบแทนพ่อเลี้ยงหนุ่ม เพราะนางเห็นเขาเอาแต่ยืนนิ่งมองน้องสาวไม่วางตา มินตราจำต้องเดินออกไปอย่างจำใจ คล้อยหลังมินตราพ่อเลี้ยงหนุ่มก็หันมาสบตาแม่บ้านเก่าแก่อย่างขอบคุณ เพราะเขาก็พอมองออกว่าเพื่อนรักของน้องสาวคิดกับเขาเกินพี่ชาย แต่ที่เขาทำได้ก็เพียงรักษาระยะห่าง และรักษาน้ำใจของหญิงสาวเอาไว้เท่านั้น “ผมต้องขอบคุณคุณหมออีกครั้งนะครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณหมอนะครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มหันมากล่าวขอบคุณคุณหมอที่มาช่วยตรวจอาการของน้องสาวอีกครั้ง “ไม่เป็นไรมันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ ถ้ามีอะไรก็โทรตามผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” “เดี๋ยวผมไปส่งนะครับ คุณหมอคงไม่ลืมเรื่องที่ผมขอเอาไว้ ช่วยเก็บเรื่องของน้องสาวผมเป็นความลับด้วยนะครับ” “ครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม