เขาไม่ได้ชอนไชนิ้วเข้าไปข้างใน แต่การบดขยี้ปุ่มยอดเกสรกุหลาบอย่างเชี่ยวชาญและมืออีกมือที่คลึงผิวเนื้อชมพูฉ่ำน้ำ จนผิวเนื้อยู่ไปกับมือเขานั้นทำให้หล่อนรู้สึกถึงสัมผัสของเขาได้เต็มๆ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาทำให้หล่อนแทบบ้า ไม่ได้เสียตัวให้เขาก็เหมือนเสีย สัมผัสจากมือเขา สร้างความรู้สึกเสียว เหมือนกินพริกเผ็ดร้อนจนต้องสูดปาก สะโพกยกลอยอีกครั้ง
ก่อนที่มือที่ขยับเร็วๆ จะทำช้าลง
หล่อนปรือมองเขา สายตานั้นกลับเว้าวอนอย่างประหลาด
“ให้หยุดไหม” เขายังคลึงมือต่อ ด้วยจังหวะที่ช้าลงเหมือนจะหยุดอยู่แล้ว... เนื้อสาวที่เกือบจะระเบิดพร่างเหมือนค้างคาจนเต้นตุบๆ ใต้มือเขาอย่างแสนทรมาน
เธอไม่พูดอะไร แต่ส่ายหัวอย่างเดียว สะโพกหยัดยกขึ้นเข้าหามือเขา แต่เขาเหมือนจะแกล้ง
“พูดออกมาว่าอยากให้ทำต่อ” เขาสั่งเสียงห้วน
“ทะ ทำต่อได้ไหมคะ” เสียงผู้หญิงร่านที่เธอไม่รู้จักเอ่ยบอกเขา สีหน้าของเขาพอใจเป็นอย่างมาก และเขาก็ไม่ได้ทำให้เธอทรมานกับการรอคอย เขาบดนิ้วกับเนื้ออ่อนที่เธอหวงแหนด้วยจังหวะหนักหน่วงขึ้น
“อ๊ะ อ๊า” หญิงสาวมิอาจเก็บเสียง ยิ่งเขาขยับมากเท่าไหร่ สะโพกของเธอก็ยิ่งยกลอย จนเสียงกรี๊ดน้อยๆ ดังกังวานขึ้นผะแผ่ว ศุรตาเอียงหน้าไปซบกับต้นแขนตัวเองที่ถูกมัดกับหัวเตียงอย่างพ่ายแพ้สิ้นเชิง
จบสิ้นกันแล้ว
“จำไว้ เธอเป็นทาสของฉัน ต่อไปฉันบอกอะไรเธอก็ต้องทำ”
คำสั่งร้ายๆ ของเขาทำให้ดวงตาของเธอเบิกโพลง เขาแก้มัดแล้วบอกเธอเหมือนไม่แยแสว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องหรือไม่
“กลับห้องไปได้แล้ว” บุรินทร์บอก หญิงสาวจะยื้อแย่งกล้องวีดีโอในมือเขา แต่ดวงตาดุกร้าวหันมามองหล่อน “อยากโดน?”
หล่อนมองส่วนที่ดุนดันกางเกงนอนของเขาออกมาแล้วก็ส่ายหน้า
“งั้นก็ไปได้แล้ว”
พอเขาบอกอย่างนั้นหล่อนก็ก้าวถอยไปช้าๆ หยิบเสื้อผ้ามาสวมมือไม้สั่น รีบวิ่งตื๋อกลับห้องของตัวเอง ห้องที่อยู่ข้างห้องของเขาถัดไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น
พอปิดประตูล็อกห้องแล้วเธอก็ทรุดนั่งอยู่ตรงนั้น เธอไม่รู้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้อย่างไร เธอเพียงแค่เข้านอนที่ห้องของตัวเองตั้งแต่หัวค่ำและหลับไป ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกพันธนาการ จะกรีดร้องก็ไม่มีเสียง เธอเห็นบุรินทร์ยืนอยู่ตรงหน้า เขาค่อยๆ เปลื้องผ้าออกทีละชิ้น ก่อนจะแตะต้องเธอให้เธออับอาย และไล่เธอกลับห้องพร้อมกับความงุนงง
ศรุตาอยากให้มันเป็นแค่ฝัน หากแต่สัมผัสเหมือนสิ่งเปียกชื้นที่แพนตี้ตัวจ้อย รวมทั้งร่องรอยอุ่นจากสัมผัสเขายังคงรู้สึกอยู่ ราวกับมือนั้นไม่ได้หายไปไหน
มันไม่ใช่ฝัน แต่เป็นความจริง ความจริงที่เลวร้ายเหลือเกิน
ในช่วงเช้าศรุตาไม่ได้ออกมากินข้าวพร้อมครอบครัว บิดาและมารดาของเธอออกมากินข้าวและออกตัวกับครอบครัวของคู่หมั้นและบอกแทนหญิงสาวว่าศรุตาไม่สบาย ขอนอนพักสักหน่อย
พ่อแม่ของวฤทธิ์ท่าทีร้อนอกร้อนใจ กำชับแน่นหนักว่าช่วงนี้ที่รีสอร์ทของตนนั้นมีการระบาดของไข้เลือดออก หากว่าเธอไม่สบายหนัก ให้รีบบอกจะได้ไปหาหมอ
“ตาเกรย์ว่างๆ ก็ไปดูน้องหน่อยนะ” นางบอกลูกชายคนโต “อ้อ ดิฉันลืมบอกว่าก่อนจะมาจับงานด้านการโรงแรมของครอบครัว ตาเกรย์เป็นหมอ ไม่ได้เรียนการโรงแรมมาโดยตรงอย่างตาไวท์ ลูกดิฉันเรียนมาทำงานไม่ตรงสายงานสักคน”
วีนาพูดถึงลูกชายที่นั่งทานข้าวเงียบๆ มาแต่แรก สองครอบครัวเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่รุ่นทวด มาห่างกันในรุ่นหลาน แต่สัญญาใจระหว่างสองตระกูลกลับถูกทวงถามเมื่อ ไวท์ วฤทธิ์ นักแสดงหนุ่มชื่อดังลูกคนเล็กมีข่าวลือเสียหายในวงการหลายอย่างและผู้ใหญ่ทางฝ่ายชายต้องการให้เขาแต่งงานเพื่อรักษาชื่อเสียงของวงตระกูล ทางฝ่ายหญิงไม่อาจปฏิเสธได้เต็มที่นักเพราะสัญญาใจยังไม่พอ ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 เศรษฐกิจตกต่ำเป็นปีที่ศรุตาเกิดและครอบครัวประสบภาวะหนี้สินยี่สิบกว่าล้าน เป็นครอบครัววีณาที่ช่วยเหลือในขณะที่เพื่อนฝูงญาติมิตรรายอื่นหมางเมินไม่สนใจ บุญคุณครั้งนั้นทำให้ครอบครัวศรุตาปฏิเสธเรื่องการแต่งงานในวันนี้ไม่ได้เลย
“แต่ผมว่าไม่ต้องรอให้อาการหนักหรอกครับ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จให้พี่เกรย์ไปดูแลน้องทรายดีกว่า” วฤทธิ์ออกความเห็น พี่ชายเงยหน้ามามองน้องชาย สบตากันแวบเดียว ไม่มีใครได้ยินเสียง หึ ในลำคอของคนเป็นพี่ที่ออกเสียงประชดน้องชาย เพราะเขาเปล่งเสียงออกมาอย่างบางเบาเหลือเกิน
“ขอบคุณนะพ่อไวท์ เป็นห่วงคู่หมั้นด้วย” สรี ชมว่าที่ลูกเขย หันไปพยักพเยิดกับ ชัชชัย ผู้เป็นสามี ปีนี้ศรุตาอายุยี่สิบสอง เป็นวัยที่ควรมีครอบครัวแล้ว แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมมีใคร ประกอบกับทางครอบครัวของวฤทธิ์ร้องขอมา หนี้บุญคุณตั้งแต่รุ่นพ่อที่ตระกูลชายหนุ่มเคยช่วยเหลือทำให้ต้องตอบแทนนอกนั้นแล้วความเพียบพร้อมของบ้านฝ่ายชายทำให้ สรีกับชัชชัยขอร้องแกมบังคับศรุตาให้เดินทางมาพักผ่อนที่รีสอร์ตของตระกูลทิตตาภาได้สำเร็จ
พวกนางยังคาดหวังว่า หากทั้งสองได้พบเจอและสานสัมพันธ์ต่อ ความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจจะก้าวหน้าขึ้น การแต่งงานที่จะจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า จะเต็มไปด้วยความราบรื่นไม่สะดุดปัญหาใดๆ
หลังจากได้กล่องเครื่องมือปฐมพยาบาลที่ให้พนักงานของรีสอร์ตไปเอามาให้แล้ว บุรินทร์ก็เดินตีคู่กับน้องชายออกมาให้บรรดาพ่อแม่ที่นั่งอยู่ด้วยกันสบายใจจะได้ออกทะเลไปวันเดย์ทริปที่หมู่เกาะต่างๆ อย่างไม่ต้องกังวล แต่พอใกล้ถึงห้องพักของ ศรุตา เจ้าคนน้องกลับหยุดเดินแล้วหันมาตบไหลพี่ชายที่ตัวโต กว่าเล็กน้อย
“ผมฝากพี่เกรย์จัดการแล้วกัน”
“ไอ้ไวท์!”
“พี่รับปากผมแล้วว่าจะจัดการให้” คนเป็นน้องหันมาโต้ทันควัน ปากของบุรินทร์ที่กำลังจะด่าไอ้คนหนีปัญหา ทิ้งไว้ให้เขาแก้ก็หุบฉับ เรื่องที่เขาให้มันช่วยนั้นนานนม แต่มันมาทวงบุญคุณตอนนี้ ทำให้เถียงมันไม่ออก
คนที่ไม่เคยผิดสัญญากับใครอย่างเขาถึงต้องยอมทำ
“ไปนะพี่” เหมือนมันรู้ว่าเขาจะเถียงไม่ได้ มันถึงหยิบแว่นเรย์แบนสไตล์คุณชายเจ้าสำอางขึ้นมาสวม แล้วเดินย่างกรายไปทางสระว่ายน้ำ ที่มีสาวๆ ทั้งไทยและต่างชาตินุ่งบิกินนี่อวดโฉมอยู่เต็มไปหมด
ไอ้น้องเวร!