Episode-๑๓ ความลับ

1500 คำ
Rrrrr… แจ้งเตือนสายเรียกเข้าปลุกผมแต่เช้าตรู่ ปกติจะปิดเสียงครับแต่จำได้ว่าเมื่อคืนบอกให้ไอ้มิวโทรตามก็เลยเปิดเสียงไว้ “อื้อ!” (จะเจ็ดโมงเช้าแล้วนะคะ) ได้ยินแบบนั้นถึงกับต้องรีบมองหน้าจอครับ ปลายสายเป็นเบอร์ไอ้มิวแต่คนที่พูดกลับไม่ใช่ (ตื่นได้แล้วค่า...) “ครับ” (ครับแล้วก็ลุกด้วยค่ะ) “ลุกแล้ว” (มันรับไหมมาพี่คุยเอง) มีเสียงแทรกเข้ามาก่อนที่ปลายสายจะพูดขึ้นอีกครั้ง (ตื่นได้แล้วบ้านไฟไหม้แล้วโว้ย) “สัส!” (ฮ่า ๆ เร็ว ๆ ให้เวลาห้านาที) “เออ” เหลือบมองนาฬิกาหกโมงครึ่งแล้วครับ หลังจากวางสายก็จัดการทำธุระส่วนตัวให้แล้วเสร็จก่อนจะรีบออกจากบ้านซึ่งนัดรวมกันที่บ้านไอ้มิวครับ “ผมไปก่อนนะ” เอ่ยบอกพ่อที่กำลังจัดร้านอยู่ “เอารถไปเหรอ” “เปล่าครับจอดไว้ที่บ้านไอ้มิวแล้วไปรถตู้กัน” “อืม นี่ค่าขนม” เงินจำนวนหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าผม “ผมยังมีแม่ให้ไว้เมื่อวานครับ” “ก็เรื่องของเมื่อวาน” บอกออกมาอย่างไม่ใส่ใจมากนักก่อนจะยัดเงินใส่กระเป๋าเสื้อผม “เที่ยวให้สนุกนะ” “ครับ ขอบคุณครับ” ออกจากบ้านก็ตรงไปยังบ้านไอ้มิวทันที มาถึงก็เห็นไอ้แก้มรออยู่ก่อนแล้ว “คนอื่นล่ะ” “กำลังมา” กวาดสายตาไปรอบบริเวณก่อนจะเห็นไอ้มิวถือกระเป๋าสัมภาระมาสองใบแต่กลับไม่เห็นใครอีกคน “แล้วน้องมึงล่ะ” “ไปรับเพื่อน นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี” เบือนหน้าไปมองก็เห็นรถไอ้มิวกำลังขับเข้ามาครับ “ขับรถยนต์เป็นด้วยเหรอ” “ไม่ได้ขับเป็นอย่างเดียวนะขับเก่งด้วย ตากูบอกว่าหัดไว้ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย แล้วอีกอย่างบ้านซีรีนก็อยู่ซอยถัดไปใกล้แค่นี้เองกูเลยให้ไป” “ซีรีน?” “เพื่อนเขาแหละ” ปากมันพูดกับผมก็จริงแต่สายตาเอาแต่จ้องมองไปยังใครอีกคนที่เพิ่งลงจากรถ ถ้าจำไม่ผิดคนนี้แหละที่เจอกันตอนไปดูหนัง “ท่องไว้ในใจนั่นเพื่อนน้อง” “สัส!” “ฮ่า ๆ” ไม่ต้องบอกก็รู้ครับ แต่เสียงเพลงรู้หรือเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ “พี่ ๆ สวัสดีค่ะ” “ครับ” แค่เพียงไม่นานไอ้เคมีกับจุ้นห่าวก็มาและยังมีผู้ติดตามมาด้วยอีกสองคน “นี่คะนิ้งกับปันปัน” ไอ้เคมีเอ่ยแนะนำขึ้น “คะนิ้ง?” ทวนชื่ออีกครั้งแล้วใช้ความคิดไปด้วย ผมเคยได้ยินมันพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ครับ “น้องสาวกูครับส่วนปันปันน้องสาวบุญธรรมของกู” “มึงมีน้องสาวบุญธรรมตั้งแต่เมื่อไหร่” “เออนั่นดิ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานกูไม่เห็นรู้เลย” แก้มเสริมขึ้นมาบ้าง น้องสาวแท้ ๆ พอรู้อยู่ครับแต่ไม่เคยเจอเพราะมันไม่เคยพามาเลยครั้งนี้ครั้งแรก “นานแล้วครับก็โตมาด้วยกันเนี่ย” “ช่างเถอะ ว่าแต่ครบแล้วใช่ไหม?” “ครบแหละไม่มีใครแล้วนี่” “งั้นก็ไปกัน” ทั้งหมดเก้าคนครับก็ทำความรู้จักกันไป สาว ๆ รุ่นเดียวกันหมดยกเว้นปันปันที่โตกว่าหนึ่งปี ผมนั่งข้างไอ้มิวและแถวหน้าผมก็คือเสียงเพลงกับซีรีน “ส่องผู้ชายอีกแล้วเห็นนะ!” ... : ฮ่า ๆ ๆ เสียงหัวเราะดังขึ้นก่อนที่เสียงเพลงจะหันมาพูดกับไอ้มิว “แฟนที่ดีคือแฟนทิพย์ค่ะหนูจะมีกี่คนก็ได้” “งั้นสงสัยพี่ต้องมีแฟนทิพย์บ้างแล้วเผื่อจะตื่นเต้นมากขึ้น” “อย่างพวกพี่ไม่มีหรอกค่ะ มีแต่คุยไปเรื่อย” “อ้าว! ทำไมเหมารวมพวกพี่ล่ะ” ไอ้เคมีที่ฟังอยู่พูดแทรกขึ้นมาบ้าง “คุยไปเรื่อยไอ้ปั้นโน่น มันคนเดียวเลย” “กูไม่ได้คุยกับใครแล้วเถอะ” “เออเนอะกูก็ลืมไปว่ามึงเคลียร์ตัวเองแล้ว ขอโทษได้ไหมล่ะ” “ไม่ได้! มึงจะไม่ได้รับการให้อภัยจากกูอีก” “เคลียร์ตัวเองอะไรวะ มึงมีสาวน้อยในใจแล้วเหรอ” คำถามของไอ้มิวทำเอาผมเงียบไป “กูว่าแล้วทำไมถึงตัดขาดพี่เอยขนาดนั้น ที่แท้มียาวิเศษนี่เอง” “ยาวิเศษอะไรมึงก็พูดไปเรื่อย” “ฮ่า ๆ กูจะรอดูครับ” ระหว่างทางก็จะมีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของเสียงเพลงกับซีรีนที่กำลังดูซีรี่ย์อยู่ คนอื่นก็เล่นมือถือไปเพื่อค่าเวลาครับยกเว้นไอ้มิวที่ตอนนี้หลับไปแล้ว ติ๊ง! [นอนดึกเหรอคะเหมือนพี่ยังไม่ค่อยตื่น] “ถ้ายังไม่ตื่นจะมานั่งอยู่ตรงนี้เหรอ” [คิกคิก] บทสนทนาจบลงเพียงเท่านี้ก่อนที่คนด้านหน้าจะหันมายิ้มให้ “ปั้น มึงไม่ชวนน้องเพียงมาด้วยวะ” จุ้นห่าวครับ “เข้าค่ายกิจกรรมอะไรไม่รู้ที่มีเรื่องตอนนั้นไง” “อ๋อ... ว่าแต่เรื่องอะไรมึงรู้หรือยัง” “ไม่อะ น้องไม่บอกกูก็ไม่เซ้าซี้เดี๋ยวอยากเล่าให้ฟังเมื่อไหร่เจ้าตัวเขาจะพูดเอง” “ช่างเป็นพี่ที่แคร์ความรู้สึกน้องมาก กูอยากรู้จริง ๆ ว่านอกจากเพียงฝันแล้วจะมีผู้หญิงคนไหนอีกที่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากมึง” “ไม่รู้ดิ อบอุ่นยังไงกูยังไม่เข้าใจเลย” “คุยทีละหลาย ๆ คนแบบนั้นมึงไม่มีทางเข้าใจหรอก” “...” “กูไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแฟนนะ คือมึงต้องคุยเป็นคนคนไปอะ คนคุยก็คือคนคุยไอ้ที่เต๊าะไปเรื่อยนั่นไม่ใช่ มึงลองดูแลแค่คนเดียวสิแล้วมึงจะรู้เอง มึงอาจจะไม่รู้ตัวแต่คนที่ถูกดูแลเขารู้นะ” “จุ้นมึงพูดเหมือนกูคุยเยอะอะ” “แล้วมึงคุยอยู่กี่คน?” “...” “ใครสั่งสอนให้ใช้ความเงียบแทนคำตอบวะ เนี่ย! ก็มึงมันเป็นแบบนี้ไงเป็นคนไม่ชอบอธิบายคนอื่นเขาก็เข้าใจไปแบบนั้น กูถามว่ามึงคุยอยู่กี่คนกูไม่ได้ถามว่ามึงกำลังคุยกับใครสักหน่อย” “คนเดียว” “ก็แค่นี้ แต่ความจริงมึงไม่ต้องบอกกูก็พอเดาออกอยู่ รู้สึกว่าคนนี้จะพิเศษกว่าคนอื่นเพราะสามารถทำให้มึงสนใจเขาแค่คนเดียวได้ ไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใครถ้ามึงอยากให้พวกกูรู้เมื่อไหร่มึงก็จะมีวิธีบอกในแบบของมึง” ตลอดการสนทนาเหมือนจะมีแค่ผมกับมันสองคนนะแต่ความจริงไม่ใช่หรอกทุกคนได้ยินหมดแค่ทำเป็นไม่สนใจเท่านั้นเอง “ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องมึงแล้วกูขออนุญาตเสือกสักเรื่องสิ” ไอ้แก้มพูดขึ้นมาบ้างหลังจากเงียบอยู่นาน ผมบอกแล้วว่าพวกมันฟังอยู่ “ว่ามา” “มึงกับเจน?” “ไม่ได้เป็นอะไรกันกูถอยให้กันสักพักละ” “ที่มึงหงุดหงิดวันนั้นเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?” ไม่พูดเปล่ามันยังหันจอมือถือมาทางผมอีกด้วย ในนั้นคือสถานะความสัมพันธ์ของเจนกับใครคนหนึ่งครับ “ไม่ใช่ ก็บอกอยู่ว่าเพื่อนกูไม่ได้คิดอะไรกันนี่ ใครอยากรักใครก็ไปได้เลยตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันปกติ เพื่อนที่เป็นเพื่อนจริง ๆ” หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยครับมีบ้างที่กดไลก์ไปมาในโซเชียล “อ๋อ... กูเชื่อแล้ว” น้ำเสียงเป็นกันเองเอ่ยแต่แก้มมันไม่ได้พูดกับผมหรอกครับ มันหันไปทางไอ้เคโน่น “กูบอกแล้วว่ามันเคลียร์ตัวเอง ไม่รู้หรอกว่าสาวน้อยในใจเป็นใครเอาเป็นว่าพวกกูไม่รู้ไม่เห็นอะไรแล้วกัน ถ้ามึงคิดจะรักเมื่อไหร่อย่าลืมบอกกูคนแรกนะ” “คิดจะรักเหรอ?” “เออ ความรักที่ไม่ใช่ความลับน่ะ” “...” “ความลับอะไรวะ มึงรู้อะไรไอ้เค” “ไม่รู้ ๆ ๆ กูไม่รู้อะไรเลยแก้ม” “ความลับเยอะนะมึงสองคนน่ะ” เลิกสนใจมันสองคนแล้วหันมาสนใจแชทของใครอีกคนที่ค้างไว้แทน [พวกพี่เขารู้ไหมคะ] “ไม่ ความลับนะ” [เข้าใจแล้วค่ะ] เสียงเพลงคือคนแรกที่กลายเป็นความลับของผม อาจจะง่ายกว่านี้มั้งถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวไอ้มิวนะ แล้วก็เป็นคนแรกที่ยิ้มรับเสมอไม่ว่าผมจะหยิบยื่นอะไรให้ก็ตาม ถึงตอนนี้คำพูดของแม่เริ่มลอยมาแล้วครับ... ไม่รู้ว่าที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ผมเอาตัวเองเข้าไปในชีวิตของน้องหรือว่าน้องกันแน่ที่เข้ามาในชีวิตของผม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม