Episode-๑๔ รู้กันแค่สองคน

1855 คำ
ราวสามชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทางครับ บรรยากาศค่อนข้างดีแต่อาจจะผิดคาดไปหน่อยเพราะฝนตั้งเค้ามืดไปหมด (ฮัดชิ้ว!!) เสียงจามเล็ก ๆ ดังขึ้นติดกันสองสามครั้ง เหมือนจะมีเด็กแพ้อากาศครับ “เป็นภูมิแพ้เหรอ” “ค่ะ” “แล้วเอายามาด้วยไหม” “เอามาสิ ติดกระเป๋าอยู่ตลอดมีความสำคัญพอ ๆ กับเงินเลยนะคะ” น้องว่ายิ้ม ๆ แล้วพูดต่อ “เสียดายที่เพียงฝันไม่มา” “สนิทกันแล้วเหรอ?” เอ่ยถามด้วยความสงสัยก็อย่างที่รู้ครับว่าเจอหน้ากันเสียงเพลงจะไม่ค่อยกล้าพูด “น่าจะใช้คำว่าสนิทกันยังไม่ได้นะคะแต่อยู่โรงเรียนก็ทักกันบ้าง” “อ๋อ แล้ว...” “อะแฮ่ม! ช่วยถือของหน่อยครับ” กระเป๋าสัมภาระถูกยื่นมาตรงหน้าผมก่อนที่ไอ้เคจะพูดต่อ “เดี๋ยวต้องออกไปซื้อของกินอีกนะ” “เออ” บ้านพักที่เราจองกันไว้อยู่ติดริมทะเลพอดีครับ เป็นส่วนตัวพอสมควร “มีสองห้องนอนผู้หญิงห้องหนึ่งผู้ชายห้องหนึ่งแล้วกันนะ” ไอ้เคเอ่ย “ผู้ชายมีกูกับมึงแล้วก็ไอ้มิวสามคนเองนะผู้หญิงหกแล้วมึงดูที่นอนมันพอไหม?” พลางเท้าสะเอวมองหน้ามันนิ่ง ๆ “เออว่ะ” “งั้นเพลงกับซีมานอนห้องพี่ที่เหลือก็น่าจะนอนกันพอนะ” ไอ้มิวเสนอขึ้น อย่างที่เคยบอกว่ามันห่วงน้องมากนะแต่ไม่รู้ทำไมคืนนั้นถึงทิ้งไว้ได้ “เอาแบบนั้นก็ได้หมอนกับผ้าห่มไม่พอค่อยไปขอเพิ่ม” จบประโยคแก้มมันก็นำเข้าห้องไปพวกเราเลยเข้าอีกห้องหนึ่งบ้าง “ตรงนี้วิวดีมากเลย” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นก่อนจะเปิดหน้าต่างรับลมทะเล “พี่มิวมานี่ค่ะ” “หืม?” “ตรงนั้นน่ารักดีนะคะสเปคพี่เลย คิกคิก” เธอว่าพลางชี้มือไปมุมหนึ่งของชายหาดที่มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังถ่ายรูปกันอยู่ “คนนั้นคล้าย ๆ ซีรีนเลย” เบือนหน้าไปมองบ้างก็แอบคล้ายครับแต่น้องซีรีนจะมีเสน่ห์กว่า “ทะเล้นนะเราอะ” “หนูเป็นน้องพี่นะทำไมจะไม่รู้ว่าสาวในอุดมคติพี่เป็นแบบไหน แต่ช่างเถอะตอนนี้หนูสนใจคนที่พี่แอบไปหาบ่อย ๆ มากกว่า” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วยังคงเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มแต่เธอจะรู้บ้างไหมว่ากำลังดักทางพี่ชายตัวเองอยู่ “เรื่องของพี่ช่างมันเถอะ เราน่ะคุยกับใครจนดึกดื่น” “บอกไม่ได้ค่ะความลับ!” ตอบออกไปด้วยความมั่นใจแถมยังไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาให้เห็นอีกด้วย “ซีรีนเราไปเดินเล่นข้างนอกกันดีกว่า” จบประโยคก็กอดคอพากันออกไปทางชายหาดทันทีครับ “ฝนจะตกแล้วนะ” “รู้แล้วค่ะ แป๊บเดียวเดี๋ยวมา” คล้อยหลังทั้งคู่ผมก็มองหน้ากันนิ่ง ๆ ก่อนจะถามออกไปตามประสาเพื่อน “คนนี้?” “อืม” ไอ้มิวยอมรับแต่โดยดีครับ “คุย ๆ กันอยูว่ะแต่เสียงเพลงไม่รู้” “ทำไมล่ะ ทำไมต้องเป็นความลับ” ไอ้เคถามขึ้นมาบ้าง “หรือมึงยังไม่ลืม?” “ไม่ใช่แบบนั้น แค่ยังไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเองเลยคุยกันไปก่อน” “อย่างนี้นี่เอง จะว่าไปมึงกับน้องเพลงนี่เหมือนกันเลยนะ โกหกไม่เป็น” “อะไร?” “เมื่อกี้มึงถามน้องว่าคุยกับใครทุกคืนน้องยังบอกเลยว่าคนในความลับซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครแถมยังไม่โกหกอีก ไอ้คนในความลับที่ว่ามันจะรู้สึกดีบ้างไหมนะ ... ถ้าเป็นกู กูไม่บอกหรอกเพราะยังไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่างทั้งความรู้สึกและความสัมพันธ์แต่นี่น้องมันบอกไงแสดงว่าล็อคเป้าหมายไว้แล้วว่าต้องเป็นคนนี้ซึ่งไม่รู้ว่าใคร? มึงเตรียมตัวต้อนรับน้องเขยได้เลยเพื่อน ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะแสนกวนประสาทดังขึ้นก่อนจะออกไปข้างนอกบ้างทำให้ตรงนี้เหลือแค่ผมกับไอ้มิวสองคน “มันต้องรู้อะไรมาแน่ ๆ” “ไม่หรอกมึงคิดมากไปเอง เสียงเพลงเป็นคนยังไงมึงเป็นพี่อะมึงต้องรู้สิ” “กูรู้แต่ก็ไม่ทุกเรื่องไง รู้แค่ว่าน้องกูเลิกร้องไห้นานแล้วไม่รู้ว่าได้ยาดีอะไร” “...” หลังจากจัดแจงเรื่องที่พักเสร็จก็ออกมานั่งเล่นหน้าบ้านพักครับ ฝนทำท่าจะตกแต่ก็ไม่ตกสักที “บรรยากาศดีนะคะ” น้ำเสียงใสของใครบางคนเอ่ยก่อนจะนั่งลงข้างผม “ถ้ามีแฟนมาด้วยบรรยากาศจะดีมากกว่านี้อีก” “งั้นเหรอ?” “ค่ะ พี่ต้องพามาถึงรู้ เอ๊ะ! หรือว่าพี่ยังไม่มีแฟน?” “ไม่มี” “จริงเหรอคะ? ไม่อยากจะเชื่อเลย” “ยังไม่อยากมีใครอะ อยากอยู่เฉย ๆ ไปก่อน” “เชื่อค่ะ ปันเห็นพี่หายเงียบไปพักใหญ่เลย” “เห็น?” “ปันติดตามพี่ในโซเชียลน่ะค่ะ” ไม่พูดเปล่าปันปันยังเปิดหน้าจอให้ผมดูอีกด้วย “เพื่อนพี่เคปันรู้จักหมดแหละแต่แค่ไม่มีโอกาสได้เจอเท่านั้นเอง” “มิน่าล่ะพวกพี่ถึงไม่เคยรู้ว่าไอ้เคมีน้องสาวบุญธรรมด้วย” “ไม่แปลกหรอกค่ะเพราะปันเพิ่งมาอยู่กับเขาได้ห้าปีนี้เอง” “กูว่านะเราเช่ารถมอเตอร์ไซม์แล้วไปซื้อของกันดีกว่า” เสียงไอ้แก้มดังจากด้านหลังไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “หรือเราจะเดินไปมันอยู่ตรงนี้เอง” “เดินไปก็ได้แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้วเพราะฝนพรำแล้ว” เห็นแบบนั้นจึงกวาดสายตาไปรอบบริเวณชายหาด มีเด็กติดฝนอยู่ที่ศาลานั่งเล่นครับ “เป็นไงซนจนได้เรื่อง” ไอ้มิวเริ่มบ่นแต่ยังไม่ทันไรสองสาวก็วิ่งฝ่าสายฝนมาแล้ว “ตีสักทีดีไหมเนี่ย” “บ่นเป็นคนแก่เลย” “เดี๋ยวไม่สบาย” “ยังสบายดีอยู่ค่ะ” “ดื้อ!” “หิวแล้ว” ไอ้มิวถึงกับส่ายหน้าให้ครับเพราะน้องสาวตัวเองไม่ได้สนใจในสิ่งที่มันพูดเลย “อย่าทำหน้าดุแบบนี้สิคะแค่ฝนพรำเอง” “เฮ้อ... ไปอาบน้ำไปทั้งคู่เลย” ... : ค่ะ คล้อยหลังทั้งคู่ผมก็แยกตัวออกมานั่งมุมหนึ่งของบ้านพลางหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเพื่อค่าเวลาระหว่างรอฝนหยุด “บรรยากาศโคตรได้แต่เสือกขาดสุรา” ไอ้จุ้นครับ “โน่นไงร้านสะดวกซื้อ” ผมว่าพร้อมกับชี้มือไปอีกด้านหนึ่ง “แล้วมึงสะดวกไปซื้อกับกูไหม?” “สะดวกก็ได้” ก็คงต้องตากฝนไปซื้อครับ ดีนะแค่พรำไม่ได้ตกหนักอะไร “รอแป๊บนะกูลืมหยิบเงินออกมา” “โอเคกูรอข้างหน้า” กลับเข้ามาในห้องตั้งใจจะเอามือถือไปชาร์จแบตด้วยแหละแต่ลืมไปว่าสองสาวอยู่ในห้อง ไม่ทันได้เคาะประตูผมก็พรวดพราดเปิดเข้าไปซะก่อน “อ๊ะ!” “โทษที” หันหลังให้แทบไม่ทันครับน้องกำลังจะเปลี่ยนเสื้อพอดี ส่วนซีรีนน่าจะอยู่ในห้องน้ำแล้ว “สายชาร์จอยู่ในกระเป๋าวานชาร์จให้ทีนะ” บอกออกไปแล้วโยนมือถือไว้บนที่นอน “พี่จะไปร้านสะดวกซื้อเอาอะไรไหม” “เอาค่ะ เอาข้าว เอาเค้ก แล้วก็ซาลาเปาด้วย” “ครับ” ขานรับอย่างเข้าใจแล้วพาตัวเองออกจากห้องทันที “จะไปร้านสะดวกซื้อเหรอรอด้วยกูไปเอากระเป๋าสตางค์ก่อน” ไอ้มิวเอ่ยก่อนจะทำทีเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่ผมห้ามเอาไว้ซะก่อน “อย่าเพิ่ง! น้องมึงเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่” “มึงรู้ได้ไง?” “กู...” “ไอ้ปั้น!!” “เออกูไม่ทันเห็นอะไรทั้งนั้นแหละ” ต้องรีบอธิบายครับเดี๋ยวจะหาว่าผมโรคจิตเอาได้ “ไม่ต้องเข้าไปเอาหรอกมื้อนี้กูเลี้ยงเอง” “มีพิรุธนะมึงน่ะ” “โวะ!” เลิกสนใจแล้วลากมันออกมาร้านสะดวกซื้อทันที ต่างคนต่างแยกไปคนละโซนครับและไม่ลืมซื้อของกินที่ใครบางคนสั่งไว้ด้วย “ทำไมซื้อเยอะจังวะมึงจะกินหมดเหรอ” จุ้นห่าวเอ่ย “อยู่กันตั้งหลายคนซื้อกินคนเดียวได้เหรอ” “เออเนอะกูก็ลืมคิดไป เดี๋ยวกูไปหยิบขนมมาเพิ่มดีกว่า” คล้อยหลังมันผมก็จ่ายเงินก่อนครับ ส่วนที่พวกมันเลือกอยู่ค่อยจ่ายอีกรอบ “คิดเงินรวมกันไหมคะ?” “ครับ แต่อันนี้แยกถุงต่างหากนะ” “ค่ะ” แยกของน้องไว้ต่างหากที่เหลือก็รวมกันไป เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้วก็กลับครับ มาถึงบ้านพักก็วางของกินลงแบ่ง ๆ กันไป ดูท่าทางแล้ววันนี้คงไม่ได้ออกไปไหนหรอกน่าจะเป็นพรุ่งนี้แทน “คราวหน้าพวกเราควรดูฟ้าดูฝนกันให้ดีนะ” ไอ้แก้มครับ “ช่างเถอะ เรายังต้องมีกันอีกหลายทริป” “เออ ว่าแต่มึงซื้ออะไรมา” “ก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ” “ไม่น่าจะเหมือนนะ ถ้าเหมือนจะแยกไว้ต่างหากทำไม” ไอ้เคแย้งขึ้นมาบ้าง “เหมือนเหอะ” บอกออกไปอย่างไม่ใส่ใจมากนักแล้วยื่นให้เสียงเพลงที่เพิ่งออกจากห้อง “ขอบคุณค่ะ” “อ๋อ... กูรู้ละว่ามันไม่เหมือนตรงไหน” “เงียบปากไป!” “ครับผม! แล้วไอ้มิวล่ะ” “กูอยู่นี่” น้ำเสียงราบเรียบตอบกลับก่อนจะยื่นกล่องข้าวให้น้องซีรีน “เดี๋ยวนะ! ของเราอยู่ที่พี่แล้วที่ถืออยู่ของใคร” ประโยคนี้มันหันไปถามเสียงเพลงครับเพราะมันซื้อมาฝากทั้งคู่เลย “กูซื้อมา” “ไม่ต้องน้อยใจนะคะข้าวของพี่หนูจะกินทีหลังตอนนี้หนูอยากกินซาลาเปาค่ะ” ก็ยังคงตอบพร้อมรอยยิ้มและไม่ลืมรับของกินที่ไอ้มิวซื้อมาติดมือไปด้วย “กินจนแก้มเป็นซาลาเปาแล้ว” “หมายถึงหนูหรือซีรีน?” “พอกันทั้งคู่นั่นแหละ” “อ๋อ...” ไม่อยากเชื่อเลยว่าเสียงเพลงจะมีมุมแบบนี้กับเขาด้วย เจ้าเล่ห์กว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ ระหว่างวันเราก็กินดื่มกันไปตามประสา อยู่กันคนละมุมเลยก็ว่าได้ ติ๊ง! [ขอบคุณนะคะสำหรับของกิน] “อ้วน!” อ่านแล้วครับแต่ไม่ตอบอะไรนอกจากใช้สายตาดุ ๆ ส่งผ่านมาแทน “น่ากลัวมากเลย” “ยิ้มเล็กยิ้มน้อยมีความสุขจังเลยครับ” ไอ้เคมีครับ มันนั่งอยู่ใกล้ ๆ ผมนี่แหละ “กูรู้สึกว่าวันนี้มึงจับผิดกูเหลือเกินนะ” “เปล่าเลยเพื่อนแต่ช่วงหลังมานี้มึงยิ้มกับหน้าจอบ่อยอะ พบรักกับนางในฝันหรือไง หรือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่รู้กันแค่สองคน” “เออ! สองคนคือกูกับน้องไม่เกี่ยวกับมึง” “ห๊ะ!! น้อง... น้องไหนครับเนี่ย” “...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม